ตอนที่ 493 หนิวโหย่วเต้านับเป็นผู้ทรงอิทธิพลอันใดของมณฑลหนานโจวกัน!

ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า

ตอนที่ 493 หนิวโหย่วเต้านับเป็นผู้ทรงอิทธิพลอันใดของมณฑลหนานโจวกัน!

Ink Stone_Fantasy

“ในช่วงศึกใหญ่หนานโจว หนิวโหย่วเต้าปล่อยให้สำนักหยกสวรรค์กดขี่ซางเฉาจง ปล่อยให้สำนักหยกสวรรค์บีบต้อนซางเฉาจงไปสู่ทางตันก็เพื่อจะฉวยโอกาสยิงธนูนัดเดียวได้นกสองตัว ยืมอำนาจซางเฉาจงชิงหนานโจวมา แล้วก็ใช้สำนักหยกสวรรค์ผลักดันคนของซางเฉาจงให้เข้าสู่กำมือของเขาอย่างสมบูรณ์”

“เจ้าลองคิดดูสิ ซางเฉาจงถูกบีบให้ตกอยู่ในวิกฤตเกือบสิ้นชีพ ทั้งยังสังหารหลานทั้งสองของเผิงโย่วไจ้ไป ผูกความแค้นใหญ่หลวงแล้ว ถึงเผิงโย่วไจ้จะบอกว่าไม่เอาความก็ไม่มีประโยชน์ ซางเฉาจงจะเชื่อหรือ? โดยเฉพาะเรื่องที่สำนักหยกสวรรค์แบ่งแยกกระจายกองกำลังของซางเฉาจงออกไป นั่นยิ่งเป็นการกระทบต่อผลประโยชน์ของทุกคนในกองกำลังของซางเฉาจง คนของซางเฉาจงจะไม่นึกหวาดหวั่นและนึกกลัวได้หรือ? เรียกได้ว่าคนของซางเฉาจงทั้งบนและล่าง ไม่มีผู้ใดไว้วางใจสำนักหยกสวรรค์อีกต่อไปแล้ว เพียงแค่ถูกบีบให้ต้องยอมก้มหัวไปชั่วคราวเท่านั้น”

“ตระกูลเซ่าเรายึดครองเป่ยโจวกลับกลายเป็นกบฏ เผชิญข้อเสียเปรียบหลายประการ เห็นกันอยู่ชัดๆ ว่าซางเฉาจงก็สมคบกับกองกำลังต่างแคว้นเช่นกัน แต่กลับได้รับการแต่งตั้งจากราชสำนัก ทั้งที่ก่อกบฏเหมือนกัน ตัวซางเฉาจงกลับก่อกบฏได้อย่างชอบธรรม กลายเป็นผู้ว่าการมณฑลหนานโจวอย่างถูกต้องเปิดเผย! เมื่อดูจากข้อมูลที่ได้รับมาหลังจบเรื่อง ตำแหน่งนี้ก็คงไม่พ้นเป็นหนิวโหย่วเต้าที่ไขว่คว้ามาให้ซางเฉาจงเช่นกัน ราชสำนักแคว้นเยี่ยนพลาดท่าทำให้ตนต้องอับอาย ไหนเลยจะกล้าพูดถึงความอัปยศนี้”

“ในการต่อสู้ครั้งนี้ หนิวโหย่วเต้าลงทุนน้อยแต่ได้กำไรมหาศาล ไม่เพียงแต่พลิกสถานการณ์ ช่วยเหลือซางเฉาจงให้พ้นมรสุมมาได้ แต่ยังผลักดันซางเฉาจงจนได้ตำแหน่งผู้ว่าการมณฑลหนานโวอย่างเป็นทางการด้วย เกรงว่าพวกซางเฉาจงคงซาบซึ้งจนแทบหลั่งน้ำตาแล้ว เมื่อเทียบกับการกระทำของสำนักหยกสวรรค์ที่ใช้กำลังเข้าทารุณแล้ว หนิวโหย่วเต้าอาศัยคุณธรรมเข้าโน้มน้าวใจ ตอนนี้สำนักหยกสวรรค์สูญเสียความไว้วางใจจากทั่วทั้งมณฑลหนานโจวไปอย่างสิ้นเชิง แต่หนิวโหย่วเต้ากลับไม่ฉวยโอกาสนี้ทวงบุญคุณเลย”

“หลังจากเกิดศึกปะทะแก่งแย่งกัน สถานการณ์โดยรวมของมณฑลหนานโจวก็อยู่ในการควบคุมของหนิวโหย่วเต้าแล้ว สำนักหยกสวรรค์ได้แต่อาศัยอำนาจอันแกร่งกล้าของตนยื้อสถานการณ์เอาไว้เท่านั้น หากรูปการณ์เปลี่ยนแปลงไป ขอเพียงหนิวโหย่วเต้าแสดงท่าที เมื่อดูจากทิศทางของใจประชาชนแล้ว สำนักหยกสวรรค์ต้องพ่ายแพ้แน่นอน!”

“ตอนนี้หนิวโหย่วเต้าได้ผูกมัดคนของซางเฉาจงเอาไว้กับตัวแล้ว หากว่ากันในแง่อิทธิพลที่มีต่อกองกำลังของซางเฉาจง ไม่มีผู้ใดเทียบเขาได้ สำหรับคนของซางเฉาจงแล้ว สำนักหยกสวรรค์กลายเป็นภัยคุกคามใหญ่หลวงที่สุดของพวกเขา ส่วนหนิวโหย่วเต้าก็เป็นคนที่เกี่ยวพันกับความเป็นความตายของพวกเขา ในสถานการณ์ที่หนานโจวถูกควบคุมไว้ด้วยสำนักหยกสวรรค์เขาคือคนเดียวที่สามารถต่อกรกับสำนักหยกสวรรค์ เป็นคนที่สามารถปกป้องความปลอดภัยของพวกเขาและรักษาผลประโยชน์ของพวกเขาได้ ซึ่งหนิวโหย่วเต้าเองก็ได้พิสูจน์ในจุดนี้ให้เห็นแล้ว”

“หากสำนักหยกสวรรค์ผลีผลามลงมือกับหนิวโหย่วเต้า ในมุมมองของทางกองกำลังของซางเฉาจงแล้ว นั่นก็คือการลงมือกับพวกเขาด้วยเช่นกัน ซึ่งนั่นจะเป็นการบีบให้กองกำลังของซางเฉาจงที่กระจายตัวอยู่ตามที่ต่างๆ พากันออกจากหนานโจวไป ตอนนี้ต่อให้สำนักหยกสวรรค์กำจัดหนิวโหย่วเต้าไปก็ไม่มีประโยชน์ หนิวโหย่วเต้าอาศัยเพียงความเชื่อใจและอิทธิพลตรงนี้ก็สามารถสั่งการให้กองกำลังของมณฑลหนานโจวที่อยู่ใต้การควบคุมของกองกำลังของซางเฉาจงโต้กลับสำนักหยกสวรรค์ได้ทุกเมื่อ”

“หลังจบศึกหนานโจว สำนักหยกสวรรค์ที่เป็นฝ่ายได้เปรียบในด้านปัจจัยต่างๆ ทั้งนอกและในกลับถูกหนิวโหย่วเต้าขัดขวางจนพลาดโอกาสที่ดีที่สุดในการควบคุมคนของซางเฉาจงไป ตอนนี้กองกำลังของซางเฉาจงเข้าควบคุมหนานโจวอย่างสมบูรณ์แล้ว หากคิดจะใช้กำลังกวาดล้างอีก หนานโจวต้องวุ่นวายใหญ่โตแน่ สำนักหยกสวรรค์จะหยิกเล็บก็กลัวเจ็บเนื้อ”

“แล้วก็เป็นเพราะปัจจัยในส่วนนี้ หนิวโหย่วเต้าถึงกล้าออกมาจากหนานโจวอย่างสบายใจ เนื่องจากเขารู้ดีว่าสำนักหยกสวรรค์ไม่กล้าก่อปัญหาขึ้นในมณฑลหนานโจวแล้ว แล้วข้าจะนั่งเฉยปล่อยให้เขาสะสมกำลังมาเอาชนะสำนักหยกสวรรค์จนครอบครองหนานโจวอย่างสมบูรณ์ได้อย่างไร?”

พอได้ฟังคำอธิบายเหล่านี้จากเซ่าผิงปอ เซ่าซานเสิ่งก็อุทานออกมาด้วยความตกใจ “หนิวโหย่วเต้าคนนี้น่ากลัวจริงๆ!”

“ข้าเคยพูดไว้แต่แรกแล้วว่าคนผู้นี้อันตรายมาก! ตอนนั้นเป็นเพียงศิษย์ที่ถูกสำนักสวรรค์พิสุทธิ์ขับไล่ สุนัขจรจัดตัวหนึ่งใช้เวลาเพียงไม่กี่ปีก็สร้างสถานการณ์เช่นในปัจจุบันออกมาได้ ไหนเลยจะใช่คนธรรมดา? ช่วงแรกสำนักหยกสวรรค์ทะนงตัวเกินไป มองเขาเป็นเพียงมดปลวก ไม่ทราบถึงจิตใจอันเจ้าเล่ห์ร้ายกาจของไอ้เดรัจฉานผู้นี้ จึงตั้งรับผลกระทบที่ตามมาในครานี้ไม่ทัน กลับกลายเป็นฝ่ายที่ถูกจูงจมูก ตอนนี้มานึกเสียใจก็สายเกินไปแล้ว!”

เซ่าผิงปอส่ายหน้าพลางหัวเราะหยัน เอ่ยต่อไปว่า “ไม่ว่ายังไงก็ต้องกำจัดหนิวโหย่วเต้าให้ได้ เมื่อหนิวโหย่วเต้าตาย ก็ไม่จำเป็นต้องกังวลว่าหนิวโหย่วเต้าจะอาศัยอิทธิพลปลุกปั่นกองกำลังของซางเฉาจงให้ก่อเรื่องอีก จากนั้นค่อยดำเนินการซื้อใจคนของซางเฉาคงให้มั่นคง ดำเนินแผนการไปอย่างช้าๆ ค่อยๆ กำจัดอิทธิพลของซางเฉาจงออกไป”

“อย่างแรกคือต้องไม่ปล่อยให้กองกำลังของซางเฉาจงรู้ว่าหนิวโหย่วเต้าตายด้วยน้ำมือของสำนักหยกสวรรค์ ความผิดนี้ต้องมีคนแบกรับ”

“มิเช่นนั้นด้วยอุปนิสัยของซางเฉาจงที่กล้ายิงสังหารหลานชายเผิงโย่วไจ้ต่อหน้าคนจำนวนมาก จะเกลี้ยกล่อมได้หรือไม่ จะยอมเชื่อฟังหรือไม่ เรื่องนี้มันก็ยากจะบอกได้จริงๆ ดีไม่ดีอาจจะสู้กันแบบล่มจมกันไปทั้งสองฝ่าย และถ้ากองกำลังของซางเฉาจงรู้ว่าหนิวโหย่วเต้าถูกสำนักหยกสวรรค์สังหาร ทั้งยังสังเกตพบว่าซางเฉาจงถูกสำนักหยกสวรรค์ควบคุม จะไม่ให้พวกเขาคิดว่าสำนักหยกสวรรค์ต้องการลงมือกับพวกเขาก็คงเป็นไปได้ยาก…ในจดหมายที่ข้าส่งไปโดยเปิดเผยตัวตนได้วิเคราะห์ถึงผลดีผลเสียเอาไว้อย่างละเอียดแล้ว ขอเพียงสำนักหยกสวรรค์ได้เห็นจะต้องส่งคนไล่ตามไปแน่นอน!”

….

เฉินถิงซิ่วผู้อาวุโสแห่งสำนักหยกสวรรค์มาถึงแล้ว นำกำลังคนมุ่งหน้ามาถึงสำนักหมื่นสรรพสัตว์ในยามราตรี

ยังคงเป็นผู้อาวุโสโฉวซานแห่งสำนักหมื่นสรรพสัตว์ที่ออกมาต้อนรับด้วยตัวเอง

ในแง่หนึ่งแล้ว มันก็ช่วยไม่ได้จริงๆ จริงอยู่ที่สำนักหมื่นสรรพสัตว์มีตำแหน่งอยู่ในหอเลือนสลัว ตัวสำนักเองก็แข็งแกร่งทรงอิทธิพลจริงๆ แต่ที่พึ่งหลักๆ ของพวกเขายังคงเป็นเรื่องกำลังทรัพย์ อยู่ในแคว้นซ่งถูกหอเหินเวหา ตำหนักโลหิตเทวาและวังแยกนภาร่วมมือกันข่มเหงเอาไว้ตลอด ไม่ให้โอกาสสำนักหมื่นสรรพสัตว์ได้ขยายอาณาเขตในขอบเขตพื้นที่ของพวกเขาเลย มิเช่นนั้นหากมีกำลังทรัพย์มั่งคั่งแล้วยังมีฐานอำนาจอีก สามสำนักต้องเดือดร้อนแน่นอน

ดังนั้นหากพูดกันตรงๆ แล้ว สำนักหมื่นสรรพสัตว์ก็เหมือนกลุ่มการค้าในโลกบำเพ็ญเพียร ไม่มีเขตอำนาจสำหรับนำมาถ่วงดุลกับกลุ่มอิทธิพลอื่นๆ ทว่าจะเอาแต่ก้มหน้าก้มตาค้าขายก็ไม่ได้ จำเป็นต้องสร้างสายสัมพันธ์อันดีกับกลุ่มอิทธิพลอื่นๆ ด้วย มิเช่นนั้นคงยากจะทำการค้าอย่างราบรื่นได้

ทั้งสองยืนพูดคุยกันตามมารยาทอยู่นอกประตู

การที่ได้รับการต้อนรับจากผู้อาวุโสสำนักหมื่นสรรพสัตว์เช่นนี้ ทำให้ภายในใจเฉินถิงซิ่วรู้สึกทอดถอนใจยิ่งนัก

ถึงแม้เขาจะมีฐานะเป็นผู้อาวุโสแห่งสำนักหยกสวรรค์เช่นกัน แต่หากเทียบกับอีกฝ่ายที่เปนผู้อาวุโสแห่งสำนักหมื่นสรรพสัตว์แล้ว พวกเขาไม่ได้อยู่ในระดับเดียวกันเลย

ในมุมมองของเขา นี่นับว่าเป็นการให้เกียรติเขาอย่างมาก อดไม่ได้ที่จะรู้สึกซาบซึ้งถึงผลดีที่ได้จากการครอบครองมณฑลหนานโจว รับรู้ได้อย่างชัดเจนว่าสถานะต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง

ระหว่างทางได้หยิบยืมพาหนะจากจุดพักม้าของกลุ่มอิทธิพลต่างๆ มุ่งหน้าเต็มกำลังมาตลอดทางสะดวกราบรื่นนัก การที่ให้หยิบยืมใช้งานข้ามเขตนับว่าไว้หน้าเป็นอย่างมากเช่นกัน

แต่แน่นอน น้ำใจนี้สำนักหยกสวรรค์ก็ต้องชดใช้คืนเช่นกัน วันหน้าหากคนเขาข้ามเขตมายืมใช้พาหนะของจุดพักม้าในหนานโจวเพื่อเร่งเดินทางเต็มกำลังก็ย่อมว่าอะไรไม่ได้เช่นกัน มีให้ก็ต้องมีรับ

หลังจากเข้ามาในสำนักด้วยกันแล้ว โฉวซานถามหยั่งเชิงดูเช่นเคย “ไม่ทราบว่าเฉินซยงมาพบเจ้าสำนักเราด้วยธุระใดหรือ?”

เฉินถิงซิ่วเอ่ยยิ้มๆ “ผ่านมาทางนี้ทั้งที จะไม่มาเยี่ยมคารวะเจ้าถิ่นได้อย่างไร ยิ่งไปกว่านั้นคือได้ยินชื่อเสียงของเจ้าสำนักท่านมานานแล้ว จึงอยากมาคารวะ”

โฉวซานหัวเราะฮ่าๆ เอ่ยไปว่า “บังเอิญจริงๆ สองผู้ทรงอิทธิพลแห่งหนานโจวต่างมาเยี่ยมเยือนในวันเดียวกัน น่าสนใจนัก”

เฉินถิงซิ่วผงะไปเล็กน้อย “วาจาของโฉวซยงหมายความว่าอย่างไร? ยังมีใครอื่นนอกจากสำนักหยกสวรรค์เรามาเยี่ยมเยือนอีกหรือ?”

โฉวซ่านถามกลับ “หนิวโหย่วเต้าอย่างไรเล่า หรือว่าหนิวโหย่วเต้ามิใช่หนึ่งในผู้ทรงอิทธิพล?”

หนิวโหย่วเต้านับเป็นผู้ทรงอิทธิพลอันใดของมณฑลหนานโจวกัน! เฉินถิงซิ่วสบถอยู่ในใจ ไม่ว่าอยู่ในมณฑลหนานโจวหนิวโหย่วเต้าเป็นอย่างไร แต่สำหรับคนของสำนักหยกสวรรค์ พวกเขายังคงรู้สึกว่าตนเองเหนือกว่า ไม่ได้เห็นอีกฝ่ายอยู่ในสายตาเลย

แน่นอน เขาไม่ได้เอ่ยวาจานี้ออกไป แต่ก็ทำให้เขาประหลาดใจมากเช่นกัน “หนิวโหย่วเต้าก็มาที่สำนักหมื่นสรรพสัตว์หรือ?”

พอสำนักหยกสวรรค์ได้รับจดหมายจากเซ่าผิงปอ ในจดหมายระบุว่าหนิวโหย่วเต้าอยู่ในเมืองวั่นเซี่ยง หลังจากเขามาถึงก็ให้คนไปสืบหาโรงเตี๊ยมที่หนิวโหย่วเต้าพำนักอยู่ แต่กลับพบว่าอีกฝ่ายคืนห้องจากไปนานแล้ว อีกทั้งถึงอย่างไรที่นี่ก็เป็นอาณาเขตของสำนักหมื่นสรรพสัตว์ จึงมาที่สำนักหมื่นสรรพสัตว์เพื่อจะหาข้ออ้างสักอย่างให้สำนักหมื่นสรรพสัตว์ช่วยสืบหาตัวหนิวโหย่วเต้าสักหน่อย ไม่คาดคิดเลยว่าหนิวโหย่วเต้าที่พำนักอยู่ในเมืองมาหลายวันจะย้ายมาที่สำนักหมื่นสรรพสัตว์แล้ว

โฉวซานเอ่ยถาม “อะไรกัน เฉินซยงไม่ทราบหรือ?”

“ฮ่าๆ ค่อนข้างน่าประหลาดใจจริงๆ ไม่ทราบว่าเขามาเยือนสำนักหมื่นสรรพสัตว์ด้วยเรื่องใดหรือ?”

“บอกว่ามาเยี่ยมคาวะเจ้าสำนักเช่นกัน แต่ช่วงนี้เจ้าสำนักมีภารกิจติดพัน ปลีกตัวมาพบไม่ได้ จึงได้จัดเรือนรับรองชั่วคราวให้เรียบร้อยแล้ว เมื่อครู่ข้าได้ยินว่าเขาต้องการไปคารวะหลงซิวประมุขวังเหินเวหาที่มาเป็นแขกในสำนักเราด้วย วานให้ศิษย์ในสำนักช่วยไปถ่ายทอดวาจาให้ ข้าเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเขาคิดจะทำอันใด หากเฉินซยงอยากทราบ ข้าจะให้คนพาเฉินซยงไปพบเขาทันที เฉินซยงไปถามเขาเองก็รู้แล้ว”

แววตาเฉินถิงซิ่ววูบไหวเล็กน้อย รีบโบกมือเอ่ยไปว่า “ไม่ๆๆ ขอบอกโฉวซยงตามตรง เด็กคนนี้โอหังอวดดีเกินไปหน่อย คนหนุ่มอารมณ์ร้อน ไม่เห็นผู้ใดอยู่ในสายตา ปกติแล้วพวกเราสองคนไม่ค่อยถูกกัน กระทบกระทั่งกันอยู่บ่อยครั้ง คุยกันไม่ถูกคอ แค่ครึ่งประโยคก็มากเกินพอแล้ว ไม่พบเขาจะดีกว่า จะได้ไม่เกิดเรื่องหมางใจกัน”

โฉวซานได้ฟังก็คิดออกทันที ไม่ได้รู้สึกแปลกใจอะไร พอจะเคยได้ยินเรื่องที่หนิวโหย่วเต้าแก่งแย่งชิงอำนาจในหนานโจวกับสำนักหยกสวรรค์มาพอสมควร ทั้งสองฝ่ายไม่ถูกกันก็พอจะเข้าใจได้ เพียงแต่ไม่คิดเลยว่าเฉินถิงซิ่วจะนำมาพูดตรงๆ ต่อหน้าคนนอกมณฑลหนานโจวเช่นนี้ เขาหัวเราะพลางเอ่ยไปว่า “เป็นเช่นนี้หรอกหรือ นับว่าข้าเสียมารยาทไปแล้ว”

เฉินถิงซิ่วพลันชะงักเท้า “โฉวซยง ข้ามีเรื่องหนึ่งจะขอร้อง”

โฉวซานก็หยุดฝีเท้าเช่นกัน ในใจค่อนข้างลำบากใจนัก พบหน้าก็มีเรื่องมาขอทันที เจ้าคิดว่าเจ้าเป็นผู้ใดกัน? จะตกลงก็ไม่ดี จะไม่ตกลงก็ไม่ดี จึงเอ่ยไปเพียงว่า “เฉินซยงเชิญว่ามา”

“โฉวซยงก็ทราบว่าวังเหินเวหาเป็นหนึ่งในเสาหลักของแคว้นเยี่ยนเรา เจ้าหนิวโหย่วเต้าคนนั้นไม่ลงรอยกับสำนักหยกสวรรค์เรา เขาไปพบประมุขหลง ไม่รู้ว่าจะไปพูดให้ร้ายอันใดสำนักหยกสวรรค์เราบ้าง…”

โคมไฟสองสว่าง ผีเสื้อจันทราโผบิน ซีไห่ถังประสานมือคำนับส่งแขกหลายคนจากไป ให้ศิษย์ในสำนักพาแขกไปพักผ่อน

เขาเงยหน้ามองท้องฟ้า เรื่องในแดนความฝันทำให้เขาค่อนข้างยุ่งวุ่นวายจริงๆ ต้องรับแขกอย่างต่อเนื่อง ซีไห่ถังถอนหายใจออกมา

ในเวลานี้เอง โฉวซานทะยานเข้ามา หลังจากร่อนลงสู่พื้นก็รีบเดินเข้ามาประสานมือคำนับ “เจ้าสำนัก”

ซีไห่ถังเอ่ยว่า “หนิวโหย่วเต้าอะไรนั่นบอกว่าต้องการพบข้ามิใช่หรือ? ให้เขาเข้ามาสิ”

“เจ้าสำนัก มีแขกมาเยือนอีกแล้วขอรับ…” โฉวซานรายงานเรื่องของเฉินถิงซิ่วออกมา “พอผู้อาวุโสเฉินคนนี้ได้ยินว่าหนิวโหย่วเต้าต้องการไปเข้าพบหลงซิว ก็มาขอให้ข้าช่วยขัดขวาง อยากชิงไปเข้าพบหลงซิวก่อน ไม่ทราบเช่นกันว่าต้องการเล่นเล่ห์อันใด แต่ศิษย์จากทางฝั่งของหลงซิวมาแจ้งแล้วว่าหลงซิวตอบตกลงยอมพบหนิวโหย่วเต้าแล้ว ข้าสั่งให้ศิษย์คนนั้นอย่าเพิ่งแจ้งข่าวต่อหนิวโหย่วเต้า เพื่อรอให้เจ้าสำนักช่วยตัดสินใจก่อนขอรับ”

ซีไห่ถังเลิกคิ้วเล็กน้อย แค่นเสียงเหอะพลางเอ่ยไปว่า “เจ้าพวกสวะที่ไม่รู้ฟ้าสูงแผ่นดินต่ำ มาทะเลาะแก่งแย่งอำนาจในสำนักหมื่นสรรพสัตว์ของข้า เห็นสำนักหมื่นสรรพสัตว์ของข้าเป็นสถานที่เช่นใดกัน? ข้าไม่สนใจจะพบพวกเขาในตอนนี้ เมินเฉยต่อพวกเขาไปก่อน”

โฉวซานเอ่ยว่า “เมินพวกเขาน่ะได้ขอรับ แต่ผู้อาวุโสเฉินคนนี้เอ่ยขอร้องต่อหน้าข้าแล้ว อีกทั้งมิใช่เรื่องใหญ่อันใด หากไม่ตอบรับ มันจะเป็นการล่วงเกินอีกฝ่ายหรือเปล่าขอรับ”

ซีไห่ถังถาม “เจ้ามีความเห็นอันใด?”

โฉวซานเอ่ยว่า “ถึงอย่างไรหนิวโหย่วเต้าก็ไม่ทราบเรื่องอยู่แล้ว เป็นเพียงลำดับการเข้าพบหลงซิวเท่านั้น หากว่าหลังจากได้พบเฉินถิงซิ่วแล้วหลงซิวไม่ยินดีจะพบหนิวโหย่วเต้าอีก มันก็ไม่เกี่ยวกับพวกเราแล้ว”

ซีไห่ถังปรายตามอง “เจ้าได้รับผลประโยชน์อันใดจากผู้อาวุโสเฉินมากระมัง ถึงได้ช่วยพูดให้เขา?”

โฉวซานยิ้มเจื่อน ประสานมือกล่าวไปว่า “ใช่ที่ไหนล่ะขอรับ ลำพังสำนักหยกสวรรค์เล็กๆ นั่น ข้าจะใส่ใจผลประโยชน์อันใดจากพวกเขาได้ล่ะขอรับ? ที่ทำเช่นนี้เป็นเพราะพอเขามาถึงก็เอ่ยปากขอร้องทันที ซ้ำยังบอกด้วยว่าต่อไปหากตัวข้าโฉวซานมีธุระอันใดในหนานโจวก็ให้ติดต่อเขาได้เลย ขอเพียงแจ้งเรื่องไป เขาจะทุ่มเทกำลังเพื่อช่วยเหลือแน่นอนขอรับ”

ซีไห่ถังเงียบไปเล็กน้อย ตอบอืมคำหนึ่ง “จัดการตามที่เจ้าว่าแล้วกัน”

………………………………………………………..