บทที่ 495 หอฉีอานพังถล่ม

“มากับข้า” พระสนมเหลียงกล่าว จ้าวจิ่งซวนเดินตามมารดาเข้าไปในห้อง เมื่อเห็นมารดาปรายตามอง เขาก็ปิดประตูอย่างสงบเสงี่ยม ย่อตัวลงที่มุมห้อง แอบชำเลืองดูมารดาเป็นครั้งคราว

“เจ้ารู้หรือไม่ว่าองค์ชายสามจะขึ้นเป็นองค์รัชทายาทในเร็วๆ นี้” พระสนมเหลียงพูดอย่างเย็นชา

“แม้ว่าเขาจะขึ้นเป็นองค์รัชทายาทก็ตามข้าก็เกลียดเขาอยู่ดี คนผู้นั้นเจ้าเล่ห์…เขา” จ้าวจิ่งซวนพูดอย่างมีโทสะ

พระสนมเหลียงหายใจไม่ออก แทบจะเป็นลมด้วยความโกรธเพราะคำพูดของเขา

ฮ่องเต้ทรงแต่งตั้งองค์ชายสามจ้าวชูเป็นองค์รัชทายาทนั่ นก็ทำให้นางไม่พอใจมากอยู่แล้ว นางต่อสู้กับหวังกุ้ยเฟยมานานหลายปี สุดท้ายก็ยังพ่ายแพ้ ตำแหน่งองค์รัชทายาทหลุดไปตกอยู่ในมือของผู้อื่น

ทั้งนางและจ้าวจิ่งซวนย่อมเป็นหนามยอกอกของพระสนมหวังกุ้ยเฟยและองค์ชายสามมานานแล้ว หากวันหนึ่งองค์ชายสามได้ขึ้นครองราชย์จะเกิดอะไรขึ้นกับมารดาและบุตรชาย

ถึงอย่างนี้แล้วบุตรชายของนางยังไม่เอาไหน ไม่ได้รู้เลยว่าสถานการณ์ในตอนนี้เปลี่ยนไปอย่างไรบ้าง…นางให้กำเนิดบุตรชายที่ไร้สมองเช่นนี้มาได้อย่างไร! แต่จะทำยังไงได้ จะยัดเขากลับเข้าท้องก็ใช่ที่…

พระสนมเหลียงมองบุตรชายที่โง่เขลาของนางก่อนจะหายใจเข้าลึกๆ แล้วสาธยายถึงข้อดีและข้อเสียให้เขาฟัง

“ท่านแม่ ข้าไม่ต้องการเป็นฮ่องเต้”

“ต่อให้เจ้าอยากจะเป็น ตอนนี้ก็เป็นไปไม่ได้แล้ว แม่และลูกคงได้จบลงแต่เพียงนี้ ลืมไปเสียเถอะ ตำแหน่งองค์รัชทายาทได้ถูกกำหนดเอาไว้แล้ว ต่อให้อยากได้อย่างไรก็เป็นไปไม่ได้” พระสนมเหลียงเอามือนวดขมับนั่งลงบนเก้าอี้

“ท่านแม่…” จ้าวจิ่งซวนมองนางอย่างเป็นกังวล

“จิ่งซวนต่อไปนี้ เจ้าต้องควบคุมอารมณ์ของตนเอาไว้ให้ได้ อย่าได้กระทำตัวบุ่มบ่ามเหมือนเมื่อก่อน องค์ชายสามในตอนนี้เป็นองค์รัชทายาทแล้ว ต่อไปเขาจะได้เป็นฮ่องเต้ เจ้าไม่ควรทำตัวหยิ่งยโสเช่นก่อน สมควรรู้จักอ่อนน้อมถ่อมตนเอาไว้จึงจะดี เจ้าจำที่แม่พูดได้หรือไม่?”

จ้าวจิ่งซวนไม่อยากจำเอาเสียเลย ตั้งแต่เขายังเด็กเขาคิดทำอะไรตามใจตนเองอยู่เป็นนิจ เขาไม่ชอบจ้าวชู คนผู้นั้นเสแสร้งเกินไป แต่ตอนนี้กลับกลายเป็นเขาเองที่ตัวทำตัวเช่นนั้น เขาย่อมไม่พอใจ

“จ้าวจิ่งซวน! ” พระสนมเหลียงขึ้นเสียง

“ข้าจำได้แล้วท่านแม่” จ้าวจิ่งซวนก้มหน้าลงอย่างไม่เต็มใจ

ท่าทางเขาดูเหมือนไม่ได้รับความยุติธรรมและดูอ้อนวอนจนพระสนมเหลียงรู้สึกเป็นทุกข์เมื่อได้เห็น นางอยากให้บุตรชายโตขึ้นอย่างไร้กังวลและเป็นองค์ชายที่เกียจคร้านใช้ชีวิตตามแต่ใจปรารถนา แต่เป็นเพราะเขามาจากสกุลเหลียง นางจึงไม่มีทางเลือก และเขาก็ไม่มีทางเลือกเช่นกัน ที่จริงแล้ว ไม่ใช่คำถามว่าจะชิงบัลลังก์หรือไม่? ถ้าหากไม่ชิงย่อมไม่มีทางออก เมื่อได้มีการแต่งตั้งองค์รัชทายาทแล้ว ชีวิตของนางและบุตรชายจะลำบาก

“เจ้าเจ็บไหม?” พระสนมเหลียงถาม

จ้าวจิ่งซวนทำท่าน่าสงสาร

“ท่านแม่…ข้าเจ็บ ดูสิ! มีเลือดออกด้วย” จ้าวจิ่งซวนพูดพลางถลกแขนเสื้อขึ้นเผยให้เห็นคราบเลือดที่โดนแส้ฟาดลงไปเมื่อครู่

เมื่อเห็นมารดาใจอ่อนลง เขารีบถอดเสื้อออก เผยให้บาดแผลที่มีรอยแส้อยู่หลายแห่งทำให้พระสนมเหลียงตกใจดวงตาของนางเต็มไปด้วยความทุกข์

“มานั่งที่นี่เถอะ” จ้าวจิ่งซวนถอนหายใจอย่างโล่งอกเมื่อเห็นความโกรธของมารดาหายไป เขาเข้าไปนั่งใกล้มารดาอย่างมีความสุข

ในห้องนี้มีอุปกรณ์สำหรับทำแผล พระสนมเหลียงหยิบกล่องยาออกมา ทายาให้เขาอย่างระมัดระวัง

“ท่านแม่…ข้าไม่ไปเรียนที่สำนักศึกษาหลวงอีกได้ไหม?”

“ไม่ได้!”

“ท่านแม่…”

“ถ้าไม่ไป แม่จะฟาดเจ้าด้วยแส้อีก!” จ้าวจิ่งซวนไม่กล้าขอร้องอีกต่อไป

“พระสนมเพคะ เต๋อซุ่นกงกงมารายงานว่าฝ่าบาทเรียกพระสนมเข้าเฝ้าเพคะ” เสียงของนางกำนัลที่ด้านนอกดังขึ้นมาระหว่างที่พระสนมเหลียงยังคงใส่ยาให้จ้าวจิ่งซวน

นางลุกขึ้นทันที พูดกำชับบุตรชายอีกสองสามคำจากนั้นจึงได้หันหลังเดินจากไป

…….

ตำหนักฉู่เยว่

“คืนนี้ฝ่าบาทเรียกตัวสนมเหลียงอีกหรือ?” หวังกุ้ยเฟยถามด้วยน้ำเสียงที่สงบ ทว่าพระหัตถ์ที่วางบนพระเพลากลับกำไว้แน่น

“เพคะ” สาวใช้พูดด้วยน้ำเสียงหวั่นผวา

พระสนมหวังกุ้ยเฟยหลับพระเนตร

นับตั้งแต่มีพระบรมราชโองการแต่งตั้งองค์ชายรัชทายาทแล้ว ฝ่าบาททรงเรียกตัวพระสนมเหลียงเข้าหาเป็นเวลาสี่วันติดกันอย่างโปรดปราน

แม้พระนางจะรู้ว่าการกระทำของพระองค์เป็นการปลอบใจและเอาใจพระสนมเหลียงก็ตามที ตำแหน่งองค์รัชทายาทย่อมเป็นของจ้าวชูอยู่แต่เดิม กระนั้นนางยังอดที่จะหึงหวงริษยาไม่ได้

พระสนมเหลียงอายุยังน้อยและงดงาม สกุลเดิมทางฝั่งของมารดามีอำนาจมาก ก่อนที่จะเข้ามาถวายตัวในวังหลวง ฝ่าบาทก็ชื่นชมนางมากอยู่แล้ว หลังจากที่นางได้เข้ามายังวังหลวงฝ่าบาทยิ่งเพิ่มความโปรดปรานมากขึ้นไปอีก

พระสนมหวังกุ้ยเฟยจึงได้คิดว่าพระสนมเหลียงเป็นผู้แย่งชิงความโปรดปรานของฝ่าบาทไปจากนาง

ความอ่อนเยาว์และสวยงาม สกุลเดิมของมารดาที่แข็งแกร่งหรือ? แล้วอย่างไรเล่า ท้ายสุดก็เป็นพระโอรสของนางที่จะได้ขึ้นครองราชย์ หากจ้าวชูได้ขึ้นเป็นฮ่องเต้วันใดล่ะก็ นางไม่คิดจะไว้ชีวิตสองแม่ลูกคู่นี้หรอก คอยดูเถอะ!

ความโหดเหี้ยมอำมหิตฉายชัดขึ้นในพระเนตรของพระสนมหวังกุ้ยเฟย

……

พิธีแต่งตั้งองค์รัชทายาทใกล้เข้ามาทุกที กระทรวงพิธีกรรมเริ่มยุ่งวุ่นวาย

ฤกษ์ที่เตรียมไว้ค่อนข้างกระชั้นจนเกินไป พวกเขาจึงเหลือเวลาแค่เพียงสิบวันเท่านั้น มีหลายสิ่งหลายอย่างต้องตระเตรียมจนทำให้เจ้าหน้าที่ของกระทรวงพิธีกรรมแทบไม่ได้หลับได้นอนกัน

ไม่กี่วันต่อมาฝนเริ่มตกหนักมากขึ้น ยิ่งทำให้การตระเตรียมพิธียากลำบากมากขึ้นอีก

สถานที่สำคัญที่สุดในส่วนของพิธีเป็นหอฉีอาน ฝนที่ตกหนักได้ชะล้างทุกสิ่งที่ได้เตรียมเอาไว้จนทำให้ต้องเริ่มต้นทำใหม่อีกครั้ง

วังรุ่ยอ๋อง

จ้าวชูมองฝนที่ตกกระหน่ำลงมาอย่างไม่สบายใจ มะรืนนี้จะเป็นวันทำพิธีแต่งตั้งให้เขาเป็นองค์รัชทายาทแล้ว แม้ว่าจะมีพระบรมราชโองการประกาศแต่งตั้งลงมาแล้วก็ตาม แต่ตราบใดที่ยังไม่ได้ทำพิธีก็ยังถือว่าเขายังไม่ได้เป็นองค์รัชทายาทอย่างเป็นทางการแต่อย่างใด

“ท่านอ๋อง ทรงพักผ่อนก่อนเถิดเพคะ” จินเซ่อเอ่ยขึ้นมาเบาๆ

“ฝนตกหนักขึ้นทุกที” จ้าวชูอดกังวลไม่ได้

“เจ้าหน้าที่ดูฤกษ์ยามต้องตัดสินใจเลือกวันมงคลแล้วไว้แล้ว พอถึงวันนั้นฝนจะหยุดตกอย่างแน่นอนเพคะ” จินเซ่อปลอบใจเขา

จ้าวชูได้ฟังคำปลอบโยนจากนางก็อดโล่งใจไม่ได้ เขาจูงมือพานางไปยังแท่นบรรทม

ตกดึกคืนนั้้นมีเสียงฝีเท้าเร่งรีบเข้ามา

“ท่านอ๋อง ท่านอ๋องเกิดเรื่องไม่ดีแล้วพะย่ะค่ะ”

จ้าวชูถูกปลุก เขารีบลุกขึ้นไปเปิดประตูอย่างรวดเร็ว

บ่าวที่มารายงานยืนรออยู่ด้านนอก เนื้อตัวเปียกปอนไปด้วยฝน ท่าทางเขาตื่นตระหนก

หัวใจของจ้าวชูเต้นแรง

“เกิดอะไรขึ้นหรือ?”

“ท่านอ๋อง หอฉีอานพังถล่มลงมาพะย่ะค่ะ” บ่าวผู้นั้นคุกเข่าลงกับพื้นรายงานออกมา

หอฉีอานพังลงมาหรือ? ใบหน้าของจ้าวชูถอดสีทันที หอฉีอานนี้สร้างเสร็จเมื่อสามปีก่อน การที่หอฉีอานได้พังลงมาเช่นนี้ ทำให้การทำพิธีแต่งตั้งองค์รัชทายาทจะเปลี่ยนไปที่อื่นก็จะทำได้ยากลำบาก เพราะหอฉีอานเป็นสัญลักษณ์ที่สำคัญในการทำพิธี

จ้าวชูยืนนิ่งราวกับถูกทุบ จินเซ่อใส่เสื้อผ้าเดินออกมาพยุงเขา

“ท่านอ๋อง อย่ากังวลไปเลย…” ก่อนที่จิ่นเซ่อจะพูดต่อ จ้าวชูผลักนางออกไป เขาโบกมือให้นางแล้วเดินออกไปข้างนอก จินเซ่อถูกผลักไปจนติดกับผนัง แสงจากเทียนสะท้อนใบหน้าที่ซีดเซียวของนาง

ถึงอย่างไรจ้าวชูก็สมควรจะได้เป็นองค์รัชทายาท แต่จินเซ่อก็ยังคงไม่สบายใจ

….จวนอู่โหว

เว่ยฉิงและถังหลี่ถูกปลุกให้ตื่นด้วยองครักษ์เงา เขามารายงานเรื่องหอฉีอานพังทลายลงมา ถังหลี่ประหลาดใจ แต่แล้วก็อดดีใจไม่ได้

หอฉีอานพัง!

สวรรค์เบื้องบนกำลังช่วยพวกนางหรือ? สวรรค์คงไม่ต้องการให้จ้าวชูเป็นองค์รัชทายาทเช่นกัน?

……………