บทที่ 496 มังกรวารี

ฝนห่าใหญ่ตกกระหน่ำทั้งคืนอย่างไม่ขาดสาย จ้าวชูออกจากรถม้า โดยมีบ่าวรับใช้กางร่มคนหนึ่งและถือตะเกียงนำหน้าอีกผู้หนึ่ง พวกเขาพากันเดินไปที่หอฉีอาน

ที่ด้านหน้าล้อมรอบไปด้วยผู้คนหลายสิบคน แต่ละคนถือร่มและตะเกียง เมื่อพวกเขาเห็นจ้าวชู แสงเทียนสะท้อนให้เห็นว่าใบหน้าของคนเหล่านั้นพากันตื่นตระหนก

“ท่านอ๋อง…”

“องค์ชายสาม…” ผู้คนเหล่านี้เป็นเจ้าหน้าที่ที่มาจากกระทรวงพิธีกรรมเป็นส่วนใหญ่ ไม่มีใครคิดว่าเรื่องเช่นนี้จะเกิดขึ้น

ทุกคนต่างพากันกังวลว่าฝ่าบาทจะลงโทษหรือไม่

จ้าวชูเพิกเฉยต่อเจ้าหน้าที่ เขาเดินตรงไปข้างหน้า จึงได้เห็นหอฉีอานที่งดงามในอดีตกลายเป็นซากปรักหักพัง หากเขาไม่ได้มาดูด้วยตาของตนเอง เขาคงไม่เชื่ออย่างแน่นอน เขากำลังจะเดินต่อไป แต่กลับมีใครบางคนมาขวางเอาไว้

“องค์ชายสาม ข้างหน้าอันตราย พื้นดินเป็นโคลนเดินลำบากพะย่ะค่ะ” เจ้าหน้าที่จากกระทรวงพิธีกรรมห้ามเขาเอาไว้

จ้าวชูโบกมือให้เขาถอยไป ราวกับไม่ได้ยินคำเตือน เขาเดินตรงเข้าไปใกล้กับซากปรักหักพังแล้วนั่งมองดู ในหัวของเขาเต็มไปด้วยความยุ่งเหยิง วันมะรืนนี้จะเป็นวันแต่งตั้งเขาขึ้นเป็นองค์รัชทายาท เขาอยู่ห่างจากตำแหน่งนั้นแค่เพียงก้าวเดียวเท่านั้น

ความรู้สึกของเขาราวกับเหมือนตกจากสวรรค์ร่วงลงสู่หุบเหวนรกก็ไม่ปาน ความสุขจากสองสามวันก่อนหน้าราวกับหนามแหลมที่ทิ่มแทงหัวใจของเขา จ้าวชูผลักบ่าวรับใช้ที่ถือร่มให้เขาออกไป จากนั้นจึงเงยหน้าขึ้นปล่อยให้ฝนตกลงบนใบหน้าของเขา

ในที่สุดเรื่องนี้ก็รู้ไปถึงหวังกุ้ยเฟย

“อะไรนะ? หอฉีอานพังลงมาหรือ?”

พระสนมหวังกุ้ยเฟยรู้สึกเหมือนเลือดไหลย้อนไปที่สมอง นางประชวรวาโยล้มลงไปทันที

แม้แต่พระสนมเหลียงก็ยังได้ข่าวเรื่องนี้จากสกุลเหลียงภายในเวลาช่วงข้ามคืนเช่นกัน

นางย่อมรู้สึกยินดีในข่าวนี้ ภายในห้องที่ปิดสนิท พระสนมเหลียงนั่งอยู่ตามลำพัง หัวเราะคนเดียวเงียบๆ

สวรรค์ได้ประทานทางรอดแก่นางและบุตรชายแล้ว…

ในชั่วพริบตา ข่าวหอฉีอานพังถล่มลงมาได้แพร่ไปทั่วเมืองหลวงอย่างรวดเร็ว

“หอฉีอานพังลงมาเช่นนั้นแล้วพิธีแต่งตั้งองค์ชายรัชทายาทจะทำอย่างไร?”

“เหตุใดจึงได้พังลงมาในเวลามงคลเช่นนี้ได้ พรุ่งนี้ก็จะเป็นวันแต่งตั้งองค์รัชทายาทแล้ว ช่างเป็นเรื่องบังเอิญมากเกินไป”

“ข้ารู้สึกว่านี่เป็นลางร้าย เห็นทีว่าคนผู้นั้นจะไม่สมควรเป็นองค์รัชทายาทหรือไม่?”

“จุ๊ๆ อย่าพูดเหลวไหลเช่นนั้นสิ เจ้าจะเดือดร้อนได้”

ราษฎรทั่วไปไม่กล้าที่จะวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างเปิดเผย แต่ทุกคนพากันตระหนกว่านี่อาจจะเป็นลิขิตแห่งสวรรค์ที่ไม่อยากให้องค์ชายสามขึ้นเป็นองค์รัชทายาทก็เป็นได้

ณ จวนอู่โหว

ถังหลี่ที่กำลังอ่านหนังสืออยู่ก็ได้ยินเสียงเคาะประตูดังขึ้น

ฉือซื่อ เดินเข้ามาทำความเคารพพร้อมทำความเคารพนาง

“นายหญิง ข่าวการพังทลายของหอฉีอานและลางร้ายได้แพร่กระจายไปทั่วเมืองหลวงแล้วขอรับ”

ถังหลี่พยักหน้า เป็นเพราะสวรรค์เบื้องบนได้ช่วยเหลือนาง นางจึงยินดีที่จะแพร่กระจายข่าวออกไปให้รู้ทั่วกัน

ฮ่องเต้ทรงกังวลเป็นอย่างมากเกี่ยวกับโชคลาง ไม่มีใครรู้ว่าในพระทัยของพระองค์คิดอย่างไร?

เสนาบดีกระทรวงพิธีกรรมยืนรออย่างกระวนกระวายที่ด้านนอกประตูอยู่เป็นเวลานาน เขาตัวสั่น เหงื่อออกท่วมตัว ก่อนที่ประตูจะเปิดออก

“จูซ่างซู เข้าเฝ้าฝ่าบาท” เสียงโหยหวนของขันทีดังขึ้น

จูซ่างซู รีบเดินเข้าไป เมื่อเขาเข้ามาถึงก็ทำท่ารีรอ

“เต๋อซุ่นกงกง ฝ่าบาท…”

จูซ่างซูต้องการถามว่าฝ่าบาทจะมีพระวินิจฉัยอย่างไรในเรื่องนี้

“จูซ่างซู ฝ่าบาททรงรอท่านอยู่ รีบไปเข้าเฝ้าเถอะ”

จูซ่างซูจึงได้แต่กัดฟันเดินเข้าห้องโถงไป

วันนี้ไม่ค่อยมีแดดมากนัก ฮ่องเต้โจวประทับนั่งอยู่บนเก้าอี้มังกร เขาดูอิดโรย อ่อนเพลียอยู่ไม่น้อย

“ฝ่าบาท” จูซ่างซูคุกเข่าลงต่อหน้าพระพักตร์ฮ่องเต้โจว

“เกิดอะไรขึ้น?” ฮ่องเต้โจวตรัสถาม

“ฝ่าบาท เป็นเพราะฝนตกหนักมาหลายวันจนทำให้หอฉีอานถล่มพังลงมาพะย่ะค่ะ” จูซ่างซูถวายรายงาน

แสงสว่างที่อยู่ในท้องพระโรงค่อนข้างมืดสลัวทำให้พระพักตร์ของฮ่องเต้โจวถูกซ่อนอยู่ในเงามืด จึงไม่มีใครเห็นพระพักตร์ได้อย่างชัดเจน

ฮ่องเต้โจวนิ่งอยู่นาน หลังจากนั้นจึงตรัสออกมาว่า

“พังลงมาหรือ…”

“ฝ่าบาท…” จูซ่างซูเหงื่อแตก

“พิธีแต่งตั้งองค์รัชทายาทควรจะเปลี่ยนมาใช้หอฉงอันจะดีกว่าหรือไม่? หม่อมฉันเกรงว่าหากเป็นพรุ่งนี้แล้วจะเตรียมงานไม่ทัน ฝ่าบาทจะทรงให้โหรหลวงดูฤกษ์มงคลให้ใหม่จะดีไหมพะย่ะค่ะ?”

“ไปยกเลิกเสีย!” ฮ่องเต้โจวตรัส

ยกเลิก? จูซ่างซูเช็ดเหงื่อเย็นที่หน้าผากของเขา

“พะย่ะค่ะ”

“ออกไปเถอะ” จูซ่างซูถอยออกไป

เต๋อซุ่นกงกง เดินเข้ามา

“ฝ่าบาท พระสุธารสชา…”

ฮ่องเต้โจวเสวยพระสุธารสชาหนึ่งถ้วย แต่ยังเวียนพระเศียรอยู่ไม่น้อย

ที่จริงพระองค์ได้สดับรับรู้เรื่องหอฉีอานที่พังลงมาก่อนหน้านั้นแล้ว และรู้ด้วยว่าข่าวลือเกี่ยวกับลางร้ายได้แพร่กระจายออกไปจนทั่วเมืองหลวง

ในเวลาเช่นนี้หากยังยืนยันที่จะจัดพิธีแต่งตั้งพิธีต่อไปอีก จิตใจของผู้คนจะอ่อนไหว ยิ่งไปกว่านั้น ฮ่องเต้โจวย่อมเกิดพระดำริบางอย่างขึ้นมาในพระทัย เป็นไปได้หรือไม่ว่า สวรรค์ได้ลิขิตเอาไว้ ลูกสามไม่สมควรจะเป็นองค์รัชทายาทของแคว้นต้าโจว เขาเลือกผู้สืบทอดผิดไปหรือ?

ฮ่องเต้โจวจิบพระสุธารสชาอีกครั้ง ดูต่อไปก่อนเถอะ ว่าลูกสามจะแก้ไขเรื่องนี้อย่างไร?

……..

วังรุ่ยอ๋อง

“ท่านอ๋อง…ฝ่าบาททรงยกเลิกพิธีแต่งตั้งแล้ว เราจะทำอย่างไรต่อไปดี?” หวังหมิ่นไฉ่ท่านลุงของจ้าวชูพูดออกมาด้วยสีหน้าเป็นกังวล ดวงตาเขาเปลี่ยนเป็นสีแดง เมื่อเห็นว่าฮ่องเต้ได้สั่งยกเลิกพิธีแต่งตั้งไปก่อนทั้งยังไม่รับสั่งลงมาว่าจะจัดพิธีอีกครั้งเมื่อไหร่

เขาเกือบจะได้เป็นองค์รัชทายาทอยู่แล้ว ท่าทีของจ้าวชูยังคงเป็นปกติแม้สีหน้าจะซีดเซียวไปบ้าง เขาสงบลง ในตอนนี้เขาต้องระงับความตื่นตระหนกและสงบสติอารมณ์ของตนเองลง

“เสด็จแม่กล่าวว่าอย่างไรบ้าง?” จ้าวชูถาม

“หวังกุ้ยเฟย…พระนางกล่าวว่าฝ่าบาทไม่ได้ทรงกริ้วแต่อย่างใด ดูเหมือนจะพระทัยดีด้วยซ้ำ แต่เหตุใดจึงได้สั่งยกเลิกพิธีแต่งตั้งองค์รัชทายาท?” หวังหมิ่นไฉ่ยังคงคิดไม่ออก

“ท่านพ่อ ทรงให้โอกาสข้า” จ้าวชูพูดขึ้น

“ท่านอ๋องทรงหมายความว่า…” หวังหมิ่นไฉ่ยังคงงุนงงตามไม่ทัน

“ตอนนี้หอฉีอานได้พังลงมาแล้ว คนทั่วไปคิดว่าเป็นลางร้าย จึงเป็นเรื่องที่เสด็จพ่อระงับเรื่องแต่งตั้งของข้าเอาไว้ก่อน แต่ถ้าหากข้าได้เปลี่ยนแปลงความคิดเห็นของผู้คนไปได้ ก็จะได้รับการสนับสนุนจากเสด็จพ่อ”

หวังหมินไฉ่จึงคิดได้ว่าฝ่าบาทน่าจะมีพระดำริเรื่องนี้อยู่ภายในพระทัยของพระองค์ แม้แต่พระสนมหวังกุ้ยเฟยยังไม่เข้าใจ โชคดีที่องค์ชายสามกลับเข้าใจ

“เปลี่ยนแปลงความคิดของผู้คน…จะทำได้อย่างไร?” หวังหมิ่นไฉ่คิดไม่ออก

หอฉีอานพังทลายลงมา แม้แต่เขาเองยังอดคิดไม่ได้ว่านั่นเป็นลางร้าย จ้าวชูตกอยู่ในภวังค์

“ท่านอ๋อง…ขอให้ข้าออกความเห็นจะได้หรือไม่?”

จินเซ่อเอ่ยขึ้น

พวกเขาเป็นสามีภรรยากัน ร่วมทุกข์สุขมาด้วยกัน จ้าวชูจึงไม่ได้คิดปิดบังนางแต่อย่างใด

เขาหันไปมองจินเซ่อ

“พระชายา ท่านมีความคิดเห็นอย่างไรหรือ?”

“ท่านลุง เหตุใดหอฉีอานถึงได้ถล่มลงมา?” จินเซ่อถาม

“นั่นเป็นเพราะฝนได้ตกหนักมาหลายวัน” หวังหมิ่นไฉ่ไม่เข้าใจว่าเหตุใดพระชายาถึงได้ถามคำถามนี้ออกมา นางไม่รู้หรือว่าเป็นเพราะฝนที่ตกผิดฤดู!

“แต่ข้ากลับมีความคิดว่าหอฉีอานที่โอ่อ่าสง่างามเช่นนั้น ไม่ควรที่จะพังทลายเพราะแค่ฝนที่ตกหนัก น่าจะเป็นเพราะสาเหตุอื่น” จินเซ่อพูดต่อ จ้าวชูเข้าใจความหมายของนางทันที

“ไม่ว่าจะเป็นลางดีหรือลางร้ายนั่นคือสาเหตุของหอฉีอานที่พังลงมา!” จินเซ่อพยักหน้า

เนื่องจากการพังทลายของหอฉีอานทำให้จิตใจของจ้าวชูหวั่นไหวคิดอะไรไม่ออกไปชั่วขณะ แต่ในตอนนี้เมื่อเขาได้สงบอารมณ์และคิดใคร่ครวญหาวิธีตอบโต้แล้ว นางจึงให้คำชี้แนะแก่เขา ในบรรดาองค์ชายทั้งหมด จ้าวชูเป็นคนที่มีความสามารถที่สุด บัลลังก์ย่อมสมควรเป็นของเขา

“เมื่อคืนนี้หลังจากที่ข้าได้ยินว่าหอฉีอานพังทลายลงมา ข้าได้รีบไปที่หอเพื่อดูเหตุการณ์ จากนั้นจึงได้ยินคนผู้หนึ่งพูดขึ้นว่า เขาเห็นมังกรคลานอยู่ที่พื้น จากนั้นมังกรได้เหินขึ้นไปยังระเบียงของหอฉีอาน เขายังได้เห็นอีกด้วยว่าเล็บของมังกรมีแสงสีทองเปล่งประกายออกมา มังกรตัวนั้นอยู่ที่ระเบียงชั่วครู่ จากนั้นจึงได้หายเข้าไปในเมฆสีดำบนท้องฟ้า”

“มังกรทองสี่เล็บ…” ดวงตาของหวังหมิ่นไฉ่เป็นประกาย

“มังกรห้าเล็บเป็นสัญลักษณ์ของฝ่าบาท มังกรสี่เล็บเป็นสัญลักษณ์ขององค์รัชทายาทนี่เป็นเรื่องมงคลอย่างแท้จริง”

จ้าวชูพยักหน้า

“ท่านอ๋อง ข้าจะรีบไปจัดการ” หวังหมิ่นไฉ่หันหลังรีบเดินจากไป

เสนาบดีกระทรวงพิธีกรรมเป็นคนของพวกเขา เขาแค่ไปติดต่อแล้วกำชับให้กระจายข่าวเรื่องนี้เพื่อให้แพร่ออกไปเท่านั้นเอง!

จ้าวชูพบวิธีแก้ปัญหา สีหน้าเขาดีขึ้นมาก เขาหันไปมองพระชายาของตนที่อยู่ด้านข้าง เอื้อมมือไปเกาจมูกของนาง

“พระชายามีไหวพริบดี” จิ่นเซ่อแก้ปัญหาใหญ่ให้เขา เขารู้สึกโปรดปรานนางขึ้นมาบ้าง จินเซ่อยิ้มอย่างเขินอาย เอนตัวไปจุมพิตจ้าวชูที่ริมฝีปากเบาๆ

“หม่อมฉันมีความสุขที่ได้แบ่งเบาภาระของท่านอ๋อง” จ้าวชูกอดนางแล้วจุมพิตนางอย่างลึกซึ้ง

……..

ในที่สุดสาเหตุการพังทลายของหอฉีอานก็ได้แพร่กระจายไปทั่วตรอกซอกซอยของเมืองหลวงอย่างรวดเร็ว

“นั่นเป็นเพราะมังกรวารีได้เกิดมุดขึ้นมาจากพื้นดิน จนทำให้หอฉีอานพังทลายลงมา”

“เป็นมังกรวารีจริงๆ หรือ?”

“ใช่แล้ว มีผู้คนเห็นการเคลื่อนไหวเกิดขึ้น”

“บ้านของข้าอยู่ใกล้หอฉีอาน ไม่น่าแปลกใจที่ข้ารู้สึกถึงแผ่นดินไหวในตอนนั้น”

“การปรากฏตัวของมังกรวารีเป็นลางดี วันรุ่งขึ้นเป็นวันแต่งตั้งองค์รัชทายาทนั่นย่อมหมายถึงองค์ชายสามสมควรที่จะเป็นองค์รัชทายาทใช่หรือไม่?”

หัวข้อของผู้คนเปลี่ยนจากการที่หอฉีอานพังทลายเกิดเป็นลางร้ายได้กลายไปเป็นเรื่องราวของมังกรวารีที่ปรากฏกายขึ้นจนทำให้กลายเป็นเรื่องมงคลไปในทันที จ้าวชูอดไม่ได้ที่มีรอยยิ้มเกิดขึ้นบนใบหน้า เมื่อเขาได้ยินรายงานของบ่าวรับใช้

เสด็จพ่อกำลังรอว่าเขาจะจัดการเรื่องนี้ได้อย่างไร? ท่านจะทรงพอพระทัยในการจัดการของเขาหรือไม่?

………………