มื่อได้ฟังแผนการของฟั่นเพ่ย ลี่จุนถิงก็นิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง
“แล้วนายจะรู้ได้ยังไงว่าหลังจากที่ลงมือกับบริษัทเธอไปแล้วเธอจะไม่หาโปรเจกอื่นมาขอร่วมงานกับฉันอีก หากเป็นไปตามที่นายพูด เคธี่คงเตรียมโครงการอีกมากมายเพื่อที่จะเอามาร่วมงานกับฉัน”
ลี่จุนถิงเพิ่งจะเข้าใจตอนนี้เองว่า หรือบางทีโครงการนี้เคธี่อาจจะตั้งใจให้กับเขาโดยเฉพาะ ไม่อย่างนั้นทำไมถึงให้ผลประโยชน์มากมายกับบริษัทลี่ซื่อกรุ๊ปกัน ?
“คุณชายลี่ ผมดูข้อมูลก่อนหน้าที่คุณให้ผมมาอย่างละเอียดแล้ว พ่อของคุณเคธี่คือหลี่เค”
“ใช่ หลี่เคเป็นคนที่ค่อนข้างเก่งและมากความสามารถ ในวงการธุรกิจก็ถือว่ามีชื่อเสียงไม่น้อย” เมื่อลี่จุนถิงเอ่ยพูดถึงหลี่เคแววตาก็เปี่ยมไปด้วยความชื่นชมยกย่องอยู่ไม่น้อย
หากไม่ใช่เพราะต้องการโครงการก่อนหน้านั้นของหลี่เค ไม่แน่ว่าเขาอาจจะไม่ต้องข้องเกี่ยวอะไรกับเคธี่เลยในตอนนี้
“ครับ เพราะฉะนั้นต่อให้คุณหลี่เคจะตามใจลูกสาวแค่ไหน แต่ก็ยังมีขอบเขต เขาวางใจปล่อยให้เคธี่ทำธุรกิจ หากว่าเคธี่มีผลงานไม่ดี เขาก็เพิกถอนคำสั่งนั้นได้ ”ก่อนที่จะได้เข้าใกล้กับเคธี่ ฟั่นเพ่ยก็รู้เรื่องราวของเคธี่อยู่ไม่น้อย ไม่เพียงแต่รู้ผ่านข้อมูลที่ลี่จุนถิงเตรียมไว้ให้ แต่ยังรู้รวมไปถึงแง่มุมอื่นๆของหญิงสาวอีกด้วย
“นายหมายความว่า หากเราทำให้หลี่เคสนใจเรื่องนี้ได้ เราก็มีโอกาสทำให้เคธี่หลุดจากงานนี้ได้ ?”ลี่จุนถิงหรี่ตาลง วิธีนี้ก็ถือว่าไม่เลวเหมือนกัน
“ใช่ครับ เพราะคุณเคธี่ไม่ได้มีอำนาจเด็ดขาด และโครงการเหล่านี้ก็ยังคงต้องผ่านคุณหลี่เค ถึงจะมาถึงเคธี่ได้ และก่อนหน้าก็เคยเกิดกรณีที่เคธี่บริหารจัดการผิดพลาด จนทำให้หลี่เคเรียกคืนอำนาจตำแหน่งผู้บริหารมาแล้ว ”
“เด็กน้อยอย่างนาย ทำไมถึงได้รู้เรื่องของเคธี่มากมายนัก คงไม่ใช่เพราะ……”ลี่จุนถิงมองไปยังฟั่นเพ่ยด้วยสายตาพินิจพิเคราะห์
เจ้าเด็กคนนี้คงไม่ได้ชอบเคธี่เข้าจริงๆหรอกนะถึงได้รู้ลึกรู้ดีขนาดนี้
“ไม่ ไม่ใช่ครับ” ฟั่นเพ่ยรีบส่ายหัวเป็นพัลวัน “เพราะเป็นงานที่คุณชายลี่มอบหมายให้ผม ผมก็ต้องทำมันให้สำเร็จ ผมคิดว่าแผนนี้ของผมก็ไม่เลวนะครับ เพียงแต่ว่ามันเกี่ยวพันไปถึงผลประโยชน์ของบริษัทลี่ซื่อกรุ๊ป ผมเลยคิดว่ายังไงก็ต้องปรึกษากับคุณชายลี่เสียก่อน”
ลี่จุนถิงไม่ได้ตอบกลับในทันที เพราะเรื่องนี้เขาจะด่วนตัดสินใจไม่ได้
“ก็ได้ ขอฉันคิดดูก่อนนะ ในเมื่อช่วงนี้เคธี่ก็ไม่อยากเจอนาย นายก็ไปดำเนินการตามขั้นตอน และอย่าทำอะไรที่มันเกินกว่าเหตุล่ะ ”ลี่จุนถิงก็ยังคงกังวลกลัวว่าเคธี่จะวู่วามทำอะไรลงไป
“ครับผมทราบ”
หลังจากที่ฟั่นเพ่ยเสนอแผนการนั้นไปแล้ว เขาก็คิดหาวิธีที่จะกระชับความสัมพันธ์ระหว่างเขากับเคธี่ไปด้วย
ในเมื่อทำเคธี่โมโหไปขนาดนั้น ฟั่นเพ่ยก็หวังเพียงให้หญิงสาวใจอ่อนอภัยให้เขาก่อน
ดังนั้นฟั่นเพ่ยจึงได้สั่งดอกไม้ที่ร้านดอกไม้ ไปส่งที่บ้านของเคธี่ทุกวัน
ภายในหนึ่งสัปดาห์ บ้านของเคธี่ก็มีดอกไม้หลายช่อถูกจัดวางเต็มไปหมด
ฟั่นเพ่ยเลือกดอกกุหลาบสีเหลือง เพื่อแสดงถึงการขอโทษ และเลือกดอกกุหลาบสีแดง เพื่อแสดงถึงความรัก
แม้ว่าวันนั้นเคธี่จะรู้สึกโกรธมาก แต่เมื่อกลับมาถึงบ้าน ความโกรธของเธอก็เบาบางลงไปมากแล้ว
หลังจากนั้นเคธี่ก็มาคิดๆดู ที่ฟั่นเพ่ยทำก็เพียงแค่ต้องการจะตามจีบเธอก็เท่านั้น แล้วที่เธอทำไปก็ดูจะรุนแรงเกินไปหรือเปล่า
แต่เมื่อเห็นหน้าของฟั่นเพ่ยแล้วเคธี่ก็ยังรู้สึกรังเกียจอยู่ดี
แต่ช่วงนี้ฟั่นเพ่ยก็ไม่ได้มาปรากฏตัวให้เธอได้เห็น เขาเลือกที่จะส่งดอกไม้มาให้แทน ซึ่งมันก็ทำให้เคธี่รู้สึกสบายใจอยู่บ้าง
พูดกันตามตรง นอกจากผู้หญิงที่แพ้เกสรดอกไม้แล้ว มีผู้หญิงคนไหนที่ไม่ชอบดอกไม้กัน ?
ดอกไม้เหมือนมีพลังวิเศษ ทำให้พวกผู้หญิงนั้นมีความสุข
ถึงแม้ว่าเธอจะยังไม่ชอบฟั่นเพ่ยแต่ ในใจของเคธี่ก็ให้อภัยเขาแล้ว
และลี่จุนถิงเองก็ได้พูดคุยเรื่องนี้กับผู้บริหารคนอื่นๆแล้ว และทุกคนก็ยอมรับกับคำเสนอแนะนี้ของฟั่นเพ่ย
เพราะแรกเริ่มเดิมทีก็ไม่ได้ให้ความสนใจกับโครงการนี้เท่าไรนัก และโครงการส่วนใหญ่ก็มอบหมายให้เคธี่ แต่โครงการนี้ก็เพิ่งจะเริ่มต้นขึ้น คงจะเสียหายไม่มากเท่าไรนัก
ลี่จุนถิงคิดว่า แลกกับการสูญเสียเล็กๆน้อยๆของบริษัทกับความสงบสุขในชีวิตของเขา มันก็คุ้มค่ามากแล้ว
ในเมื่อฟั่นเพ่ยเป็นคนเสนองานนี้มา ลี่จุนถิงก็ให้ชายหนุ่มรับผิดชอบงานนี้เสียเลย
และเพราะเรื่องนี้ ทำให้ลี่จุนถิงเองเห็นว่าฟั่นเพ่ยก็เป็นคนที่มีความสามารถคนหนึ่ง อีกทั้งยังมีความน่าเชื่อถือและจริงจังในการทำงาน
เพราะฟั่นเพ่ยมีความคิดนี้อยู่แต่แรกแล้ว และลี่จุนถิงเองก็ให้อำนาจในการตัดสินใจกับเขา ให้เขาจัดการเรื่องนี้ให้เรียบร้อย โดยไม่รู้ตัวฟั่นเพ่ยก็ได้ลงมือใช้เล่ห์กลอุบายเล็กน้อยกับโครงการนี้ของเคธี่ไปแล้ว
ยังไงเสียก็ไม่ได้ทำอะไรที่เกินกว่าเหตุนัก หากกระทำการมากไปกลัวจะเกิดพิรุธเอาได้ เพียงแค่ให้โครงการบางอย่างของเคธี่เกิดข้อผิดพลาด
เมื่อเคธี่ได้รับรายงานจากผู้ช่วยของเธอ จากที่อารมณ์ดีๆ เพียงพริบตาก็จมดิ่งลงในทันที
“นี่มันเกิดอะไรขึ้น ?”เคธี่ถือแฟ้มรายงานแล้วเอ่ยถามขึ้นมา
ผู้ช่วยตอบอย่างตัวสั่นงันงก :“คุณเคธี่ครับ คือว่า คือว่าทางเราไม่ทราบว่าบริษัทนั้นจะถูกเทกโอเวอร์กิจการ และบริษัทที่เทกโอเวอร์ก็ไม่ยอมรับในเงื่อนไขสัญญาของเรา”
“แล้วนี่มันเรื่องอะไรกัน? ทำไมอยู่ดีๆถึงไม่มีของได้ ?” เคธี่ชี้ไปยังอีกปัญหาหนึ่ง
“อันนี้ ดูเหมือนว่าแหล่งสินค้าจะเกิดภัยธรรมชาติขึ้นในพื้นที่ ทำให้สินค้ามีปริมาณลดลง หากต้องการสินค้าจำนวนมากขนาดนี้ เห็นว่าจะต้องจ่ายเงินเพิ่มจากเดิมครับ หากเป็นเช่นนี้งบประมาณของเราอาจจะไม่เพียงพอ”สีหน้าอาการของผู้ช่วยก็ไม่สู้ดีนัก
เหตุการณ์เหล่านี้เกิดขึ้นกะทันหันเกินไป
“ไม่มีเงินทุนสำรองเหรอ?”
“คุณหนูครับ เงินทุกบาททุกสตางค์เอามาลงทุนหมดแล้วครับ และตอนนี้เราก็หมุนเงินไม่ทันแล้วด้วย”
เคธี่โกรธมากจนโยนแฟ้มเอกสารลงบนโต๊ะ:“ไม่มีประโยชน์สักคนฉันจะเลี้ยงให้เสียข้าวสุกไปทำไมกัน”
ในสถานการณ์เช่นนี้ โครงการคงจะไม่เสร็จสำเร็จเป็นแน่แล้วทางลี่จุนถิงเธอจะอธิบายกับเขายังไง ? จะบอกว่าบริษัทล้มละลายคงไม่ได้ คงต้องอ้างว่ามีภัยธรรมชาติเกิดขึ้น
หากพูดไปแบบนั้นจริงคงจะดูเหมือนเธอไร้ความสามารถแน่ๆ
เคธี่คิดหาวิธีแก้ไข แต่ก็ไม่เอะใจเลยว่าฟั่นเพ่ยจะเป็นผู้อยู่เบื้องหลังของเรื่องราวทั้งหมด
เพราะในช่วงนี้ฟั่นเพ่ยเองก็ไม่ได้มาปรากฏตัวให้เธอเห็น และลี่จุนถิงเองก็ดูจะไม่เต็มใจเท่าไรที่จะพูดคุยเรื่องงานกับเธอ ตัวเคธี่เอง ก็ยังคงจดจ่ออยู่กับลี่จุนถิงเธอจึงไม่ได้คิดสงสัยว่าฟั่นเพ่ยกับลี่จุนถิงกำลังเล่นละครตบตาเธออยู่
อีกอย่างเธอไม่ได้ให้ความสนใจกับโครงการนี้มากเท่าไรนัก และไม่ได้สนใจผลลัพธ์อะไร แต่ตอนนี้เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตรงหน้า ทำเธอเสียหายย่อยยับเป็นแน่
เคธี่ยังไม่ได้ระบายความโกรธที่มีจนพอใจอยู่ๆโทรศัพท์จากหลี่เคก็ดังขึ้นมา
เมื่อเห็นว่าเป็นหลี่เคโทรเข้ามา ในใจเคธี่ก็รู้สึกหวั่นๆ รู้ว่าหลี่เคต้องโทรมาถามถึงความผิดพลาดที่เกิดขึ้นเป็นแน่ แต่เธอก็จำต้องกัดฟันกดรับสายไปทันที
“เคธี่!”น้ำเสียงของหลี่เค บ่งบอกว่ามีอารมณ์โมโห
“คุณพ่อ”เคธี่เอ่ยเรียกเสียงเบา
“ดูผลงานของตัวเองซะ ลูกทำโครงการที่พ่อให้ดูแลรับผิดชอบจนเละเทะแบบนี้ไปได้ยังไง ?”หลี่เคได้รับรายงานจากคนในประเทศจีน ว่าโครงการที่เคธี่รับผิดชอบมีปัญหาเยอะแยะมากมาย ดูท่าคงจะยื้อไม่ไหวแล้ว
เคธี่กัดริมฝีปากแน่นไม่ได้เอ่ยพูดอะไรออกไป
“นี่ลูกตั้งใจทำงานอยู่หรือเปล่า เรื่องง่ายๆแค่นี้ก็ยังทำผิดพลาดได้”หลี่เคว่ากล่าวตำหนิเคธี่อย่างรุนแรง “ก่อนหน้าพ่อเคยพูดกับลูกว่ายังไง ? หรือลืมมันไปหมดแล้ว ? หรือเป็นเพราะอยู่เที่ยวเล่นที่จีนมันสนุกและสบายเกินไป เลยลืมสิ่งที่พ่อคอยย้ำคอยเตือนคอยห้าม ? พ่อคิดว่าลูกไม่เหมาะที่จะอยู่ที่เมืองจีนอีกต่อไปแล้ว กลับมาสำนึกผิดเสีย !”