บทที่ 482 เครื่องมือ
บทที่ 482 เครื่องมือ
แม้แต่ซูอัน ผู้ที่ไร้ยางอายอย่างสุดแสนก็ยังต้องขอยอมแพ้โดยสิ้นเชิงเมื่อได้ยินประโยคนี้ ผู้หญิงคนนี้รุกหนักจริง ๆ!
เจิ้งตานยิ้มทันที “ข้าแค่ล้อเล่น อาซูคิดว่าข้าจริงจังเหรอ?”
ซูอันถอนหายใจ “ข้าคิดว่าเจ้าจริงจังจริง ๆ…ดูสิ ตอนนี้ใจของข้ามันกำลังแหลกสลายใหญ่แล้ว”
“แต่ทำไมข้าเห็นว่าสีหน้าของท่านไม่ได้เปลี่ยนไปเลย?” เจิ้งตาน ประเมินความเข้าใจของนางเกี่ยวกับชายคนนี้อีกครั้ง
ทุกคนคิดว่าเขาเป็นชายพรหมจรรย์ไร้ประสบการณ์ อย่างไรก็ตาม จากการปฏิสัมพันธ์ระหว่างนางกับเขาหลายครั้งจนถึงตอนนี้ เขาเป็นเหมือนทหารผ่านศึกที่ใจแข็งดุจหินผา!
“นั่นเป็นเพราะจริง ๆ แล้ว ข้าเป็นคนที่ค่อนข้างชอบเก็บตัว ดังนั้นข้าจึงแสดงอารมณ์ออกมาได้ไม่เก่งมากนัก” ซูอันชี้ไปที่หน้าอกของตัวเอง “แต่ถ้าเจ้าไม่เชื่อ เจ้าก็ลองเอาหูของเจ้ามาแนบหน้าอกข้าสิ เจ้าจะได้ยินเสียงหัวใจของข้าแตกสลายแน่นอน”
เจิ้งตานเย้ยหยันอยู่ในใจ นางไม่มีทางทำแบบนั้นแน่ และเมื่อรู้สึกว่าซูอันค่อย ๆ กลายเป็นผู้ควบคุมการสนทนา นางจึงรีบเปลี่ยนหัวข้อ “วันนี้อาซูมาหาข้าทำไม?”
ซูอันถอนหายใจ น่าเสียดายนัก “ข้าเชื่อว่าแม่นางเจิ้งตระหนักดีถึงจุดประสงค์ของข้าที่มาที่นี่ในวันนี้” เขากล่าว “หากการประท้วงของพวกพ่อค้ามันเลยเถิดจนควบคุมไม่ได้ ข้าเชื่อว่าผลลัพธ์จะไม่เป็นประโยชน์ต่อใคร”
เจิ้งตานยิ้มและส่ายหัว “ข้าไม่เข้าใจสิ่งที่ท่านพูด ข้าได้ยินแค่ข่าวลือเกี่ยวกับพ่อค้าที่ประท้วง และข้าก็ไม่เห็นว่ามันจะเกี่ยวอะไรกับตระกูลของเรา ตระกูลฉู่พยายามกล่าวหาเรางั้นเหรอ?”
ซูอันไม่สะทกสะท้าน “ตานตาน เราสองคนสนิทกันมากแล้ว อย่าปฏิบัติต่อกันเหมือนคนแปลกหน้าแบบนี้เลย เกี่ยวกับเรื่องนี้ ข้าจะตรงไปตรงมากับเจ้า ข้าจะให้ปล่อยพ่อบ้านของเจ้าในไม่ช้า แต่ในทางกลับกัน เจ้าจะต้องช่วยข้าทำให้พวกพ่อค้าที่ประท้วงเหล่านั้นสงบลง”
รอยยิ้มที่พึงพอใจปรากฏที่มุมริมฝีปากของเจิ้งตาน “พลเมืองของเมืองจันทร์กระจ่างทุกคนต่างก็มีหน้าที่รับผิดชอบในการรับประกันความปลอดภัยของเมือง ในฐานะที่เป็นหนึ่งในสี่ตระกูลที่โดดเด่น ตระกูลเจิ้งของเราจะให้ความร่วมมืออย่างจริงจัง”
ซูอันหายใจออกด้วยความโล่งอก “ข้าดีใจที่ได้ยินเช่นนี้”
เจิ้งตานกระพือขนตาใส่เขา “แต่ข้าขอพูดให้ชัดเจน สาเหตุที่ข้าทำเช่นนี้เป็นเพราะต้องการช่วยเหลือท่าน อาซู ตอนนี้ท่านเป็นหนี้บุญคุณข้าแล้วนะ”
ซูอันหัวเราะและเดินเข้ามาหานาง “หนี้บุญคุณครั้งนี้ใหญ่หลวงจริง ๆ จนข้าคิดไม่ออกเลยว่าจะชำระคืนได้อย่างไรดี เอาเป็นว่าข้าขอชำระด้วยร่างกายแทนได้ไหม?”
หัวใจของเจิ้งตานเต้นผิดจังหวะ ว่าแล้วก็รีบถอยห่างจากเขาไปสองสามก้าว “ท่านนี่น่ารำคาญชะมัด” นางสบถ ใบหน้าของนางแดงก่ำ
“ฮ่า ๆ ถ้างั้นเอาไว้มีโอกาสข้าค่อยตอบแทนเจ้าก็แล้วกัน!” ซูอันกล่าวพร้อมกับหัวเราะ จากนั้นก็โบกมืออำลาและจากไปด้วยรอยยิ้ม
เจิ้งตานกัดริมฝีปากเบา ๆ พลางเฝ้าดูร่างที่จากไปของเขา ด้วยเหตุผลบางอย่าง นางจึงไม่รู้สึกรังเกียจชายหนุ่มเลยแม้แต่น้อย นางกลับพบว่ามุขตลกของเขาทำให้นางสดชื่นและเป็นสิ่งที่นางตั้งตารอ
“เฮ้อ ข้าคงบ้าไปแล้วจริง ๆ…” เจิ้งตานพึมพำกับตัวเอง ปิดแก้มที่มีรอยแดงจาง ๆ ของตัวเอง
ซูอันหยุดเดินและหันกลับมา “ตานตาน เจ้ารู้ไหมว่าใครเป็นหัวหน้าของกลุ่มวาฬ?” เขาถาม
เจิ้งตานตัวสั่น “ข้าจะรู้ได้ยังไง? ทำไมเจ้าถึงถามเรื่องนี้?” นางพูดอย่างเร่งรีบ
“ไม่มีอะไร ข้าแค่ลองถามดู ได้ยินมาว่าชายผู้นี้ช่างลึกลับเหลือเกิน และไม่มีใครรู้เพศของเขาด้วยซ้ำ ข้าคิดว่าตานตานอาจจะรู้อะไรบางอย่างเพราะว่าเจ้าสามารถเข้าถึงข้อมูลได้มากมาย”
ซูอันกล่าวด้วยรอยยิ้มไร้เดียงสา
เจิ้งตานกลับคืนสู่ความสงบและพูดเบา ๆ ว่า “ข้าคงต้องทำให้อาซูผิดหวังแลว ข้าไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้เลยจริง ๆ และข้าก็ไม่คิดว่ามีผู้ใดในเมืองจันทร์กระจ่างที่รู้จักหัวหน้ากลุ่มวาฬเช่นกัน”
“ข้าค่อนข้างอยากรู้เกี่ยวกับหัวหน้ากลุ่มวาฬ หวังว่าข้าจะได้พบกับคนคนนี้สักวันหนึ่ง” ซูอันกล่าว
รอยยิ้มแปลก ๆ ปรากฏขึ้นบนใบหน้าที่สวยงามของเจิ้งตาน “ข้าเชื่อว่าต่อไปท่านสองคนจะได้พบกันแน่ ๆ”
ซูอันพยักหน้า “ข้าก็คิดว่าอย่างนั้น”
เจิ้งตานขมวดคิ้วด้วยความสงสัยขณะที่นางเฝ้าดูซูอันค่อย ๆ จากไป ชายคนนี้รู้อะไรบางอย่างหรือไม่? ว่าแต่เขารู้ได้ยังไง?
เมื่อซูอันเดินออกมา ฉู่ชูเหยียนก็รีบเดินมาหาเขา “ว่าไง? เป็นยังไงบ้าง?”
ซูอันส่ายหัว สีหน้าเคร่งขรึม “เจิ้งตานไม่ยอมรับการมีส่วนร่วมกับการประท้วงของพ่อค้า นางอ้างว่าไม่รู้เรื่องนี้ เว้นเสียแต่ว่า…”
“เว้นแต่อะไร?” ฉู่ชูเหยียนถามเพิ่มเติม
“เว้นแต่ข้าจะออกจากตระกูลฉู่ และกลายเป็นนายน้อยของตระกูลเจิ้ง” ซูอันกล่าวด้วยท่าทางจริงจัง
ใบหน้าของฉู่ชูเหยียนเริ่มเย็นชา “แล้วเจ้าตอบตกลง?”
“นี่เป็นเหตุผลที่ข้าออกมาเพื่อขอความคิดเห็นจากเจ้า” ซูอันพูดพลางหัวเราะเบา ๆ
ฉู่ชูเหยียนหรี่ตาลง “นี่เจ้ากำลังรู้สึกดีกับตัวเอง? เจ้ารู้สึกดีมากเลยเหรอที่ผู้หญิงจำนวนมากสนใจในตัวเจ้า?”
“ย่อมไม่ใช่!” เขาประท้วงด้วยสีหน้าจริงจัง “ไม่ว่าจะมีสาวงามกี่คน ข้าจะเลือกเจ้าเพียงคนเดียว!”
อย่างไรก็ตาม ทันทีที่ท่าทางของฉู่ชูเหยียนผ่อนคลายลงเล็กน้อย นางก็ได้ยินเขาพูดต่อ “แต่เจ้าเคยพูดอย่างชัดเจนก่อนหน้านี้แล้วว่า เจ้าไม่รังเกียจถ้าข้ามีผู้หญิงคนอื่นนอกจากเจ้า…”
ฉู่ชูเหยียนถึงกับพูดไม่ออก ผู้ชายคนนี้ขี้แกล้งมากเกินไปแล้ว!
“ไปกันเถอะ เราจะพยายามคิดหาวิธีอื่น” ฉู่ชูเหยียนหันหลังกลับ
ซูอันเดินเข้ามาหานาง “เจ้ารู้ไหม…ข้าไม่รังเกียจที่จะเสียสละตัวเองจริง ๆ นะ เอ่อ…ทั้งหมดมันก็เพื่อตระกูลฉู่จริงไหม?”
“ฮึ่ม! เจ้าแค่เห็นว่าเจิ้งตานสวยต่างหากล่ะ!” ฉู่ชูเหยียนบ่นอย่างไม่พอใจ “ข้าปฏิเสธที่จะเชื่อว่าไม่มีทางอื่น!”
“เจ้าเพิ่งเริ่มฟื้นตัว! อย่าเพิ่งอารมณ์เสียจนเกินไป!” ซูอันตื่นตระหนกเมื่อเห็นว่านางเริ่มโกรธจริง ๆ “ข้ายอมพูดแล้ว ๆ จริง ๆ เจิ้งตานได้ตกลงกับข้าแล้วว่าตระกูลเจิ้งจะยอมช่วยตราบที่เรายอมปล่อยพ่อบ้านโฮ่วอวิ๋น”
เมื่อได้ยินประโยคนี้ ฉู่ชูเหยียนหันกลับมามองเขาอย่างรวดเร็ว
“เป็นไงล่ะ? เจ้าตกใจล่ะสิที่ข้าทำผลงานได้ดีขนาดนี้?” ซูอันถามด้วยรอยยิ้ม
“เจ้าหลอกข้า!” เมื่อคิดถึงว่านางอารมณ์บูดแค่ไหนหลังจากได้ยินสิ่งที่เขาพูด ด้วยความเจ็บใจ นางจึงเริ่มตีเขาในทันที
“เดี๋ยว! ได้โปรด อ่อนโยนกับข้าหน่อย!”
ฉู่ชูเหยียนหน้าแดงเมื่อได้ยินเสียงกรีดร้องของเขา เพราะมันทำให้นางนึกถึงคำที่วิงวอนกับเขาเมื่อคืนนี้ นางก็หมดความตั้งใจที่จะทุบตีเขาอีกต่อไป
ซูอันกังวลว่านางอาจจะตีเขาอีกครั้งได้ทุกเมื่อ “ที่รัก ข้าเชื่อว่ามีความเชื่อมโยงระหว่างตระกูลเจิ้งกับการค้าเกลือผิดกฎหมายอย่างมาก”
ฉู่ชูเหยียนกลอกตา “ข้าต้องให้เจ้าบอกเรื่องนี้ด้วยเหรอ? เจิ้งตานมาขวางทางเจ้าระหว่างการสืบสวน แถมเรายังจับพ่อบ้านของตระกูลเจิ้งที่ท่าเรือได้ด้วย แม้แต่คนตาบอดก็สามารถบอกได้ว่าตระกูลเจิ้งมีความเกี่ยวข้องกับการค้าเกลือผิดกฎหมาย สิ่งเดียวที่ขาดไปคือหลักฐาน”
นางมีความกังวลอย่างมาก พวกลักลอบค้าเกลืออย่างเดียวก็ปวดหัวอยู่แล้ว แต่ตอนนี้มันกลับกลายเป็นว่าตระกูลเจิ้ง ให้การสนับสนุนพวกค้าเกลือเถื่อนอีก ซึ่งมันทำให้ยิ่งแย่เข้าไปใหญ่ และนี่ยังไม่ได้พูดถึงว่าตระกูลเจิ้งและตระกูลซ่างผูกมิตรกันด้วยการหมั้นหมาย ทำให้การขจัดการค้าเกลือผิดกฎหมายดูเหมือนจะเป็นงานที่เป็นไปไม่ได้
นางรับผิดชอบธุรกิจของตระกูลฉู่มากมาย และตระหนักดีถึงผลกระทบของการค้าเกลือผิดกฎหมาย รายได้ของตระกูลฉู่ลดลงอย่างมาก หากสถานการณ์ยังดำเนินเช่นนี้ต่อไป ตระกูลฉู่อาจจะไม่สามารถจัดการหนี้ก้อนโตได้อีกต่อไป
ซูอันขัดจังหวะความคิดของนาง “เจิ้งตานควรรู้ว่าใครเป็นหัวหน้าของกลุ่มวาฬ!”
“มั่นใจขนาดนั้นได้ยังไง?” ฉู่ชูเหยียนถามด้วยความสงสัย
“ข้าพยายามทดสอบนาง และปฏิกิริยาของนางก็แปลกไปเล็กน้อย…” ซูอันเล่าถึงสิ่งที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้
ดวงตาของฉู่ชูเหยียนเป็นประกาย “ดูเหมือนว่ายังมีความหวังในการจัดการกับการค้าเกลือผิดกฎหมาย ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป เจ้าต้องพยายามหาทางเข้าใกล้เจิ้งตานมากขึ้น ข้า…ข้าจะไม่ว่าอะไรแม้ว่า… แม้ว่าเจ้าจะต้องใช้ความเป็นชายของเจ้าบ้าง…”