บทที่ 483 สาวงามโดดเรียน
บทที่ 483 สาวงามโดดเรียน
ซูอันกระโดดด้วยความตกใจทันที “ถึงเจ้าไม่รังเกียจ ข้าก็ทำไม่ได้! ข้าดูเหมือนชายขายตัวในสายตาของเจ้าหรือไง?”
ใบหน้าของฉู่ชูเหยียนแดงขึ้นเล็กน้อย หญิงสาวรู้สึกเหมือนว่านางทำเกินไปหน่อยที่ขอให้สามีของตัวเองทำอย่างนั้น
“ขอโทษด้วย…ข้าเครียดเรื่องตระกูลไปหน่อย ข้าเลยพูดออกไปโดยไม่คิด ได้โปรดอย่าเอาคำพูดเมื่อครู่นี้มาใส่ใจ”
ซูอันโบกมือ “ช่างเถอะ ๆ ในเมื่อเรื่องของเจ้ามันหนักหนาขนาดนี้ สามีของเจ้าจะยอมแบ่งเบาภาระให้! เอาเป็นว่า ข้าจะยอมทำทุกอย่างที่ทำได้เพื่อให้ได้ข้อมูลจากเจิ้งตาน!”
“เดี๋ยวก่อน ข้าคิดว่าเราไม่ควรดำเนินการตามแผนที่ข้าบอกเมื่อครู่นี้” ฉู่ชูเหยียนนึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อตอนที่นางบอกให้เขาเข้าใกล้ชิวฮัวเล่ย เพราะแค่เพียงไม่กี่วันหลังจากที่นางส่งเขาไปพบชิวฮัวเล่ย นางคณิกาผู้นั้นถึงกับร่ำร้องว่านางต้องแต่งงานกับซูอันให้ได้ เหตุการณ์เดียวกันจะเกิดขึ้นเป็นครั้งที่สองหรือไม่?
ซูอันจับมือนางไว้ “ตราบใดที่มันสามารถช่วยเจ้าได้ ศักดิ์ศรีของข้าจะมีค่าแค่ไหนกันเชียว?” เขาพูดอย่างจริงจัง
หัวใจของฉู่ชูเหยียนอ่อนลง และเสียงของนางก็อบอุ่นขึ้นเช่นกัน “อาซู ข้าทำให้เจ้าผิดหวัง”
แต่แล้วเมื่อฉู่ชูเหยียนเดินทางกลับไปถึงคฤหาสน์ตระกูลฉู่ นางก็รู้สึกเหมือนมีบางอย่างผิดปกติ ทำไมถึงรู้สึกราวกับว่าอะไร ๆ ไม่ค่อยถูกต้องนัก?
แต่ในขณะเดียวกันนี้ ซูอันก็ถูกฉู่ฮวนเจาลากไปที่สถาบันจันทร์กระจ่างแล้ว
ระหว่างทาง ฉู่ฮวนเจาก็ใช้ด้ามจับแส้ของนางกระทุ้งซูอันเบา ๆ “เกิดอะไรขึ้นระหว่างท่านกับชิวฮัวเล่ย?”
ซูอันจ้องไปที่แส้คร่ำครวญ “ข้าจะบอกเจ้าหลังจากที่เจ้าเก็บแส้คร่ำครวญแล้ว!”
“ไม่สนุกเลย!” ฉู่ฮวนเจาหน้าบึ้ง นางเก็บแส้แล้วมองไปที่ซูอัน
จากนั้นซูอันก็พูดว่า “ไม่มีอะไรเกิดขึ้นระหว่างข้ากับนางอย่างแน่นอน”
“ท่านคิดว่าท่านกำลังพยายามหลอกใครอยู่!” ฉู่ฮวนเจาเย้ยหยัน “ผู้หญิงคนนั้นถึงกับไล่ตามท่านมาถึงหน้าประตูของเราแล้ว! ข้าได้ยินมาว่านางบอกว่าจะไม่แต่งงานกับใครนอกจากท่าน!”
“จริงเหรอ? อืม…มันก็สมเหตุสมผลอยู่นา เพราะด้วยเสน่ห์ที่เกินจะต้านทานของข้า…ท้ายที่สุด…ในอนาคตจะมีผู้หญิงจำนวนมากขึ้นที่ร้องไห้และมาขอเป็นภรรยาข้า เอาเป็นว่าพอนานเข้าให้เจ้าก็จะชินกับมันเอง” ซูอันกล่าวอย่างไม่ใส่ใจ
เฉิงโซวผิงหูผึ่งเมื่อเขาได้ยินเรื่องนี้ นายน้อยช่างยอดเยี่ยมที่สุด!
ข้าจะยึดถือนายน้อยเป็นพี่ใหญ่ของข้าไม่ว่าเขาจะไปที่ไหน หรือต่อให้เขาจะไม่ใช่นายน้อยของตระกูลฉู่อีกต่อไปก็ตาม!
เมื่อคิดถึงสิ่งนี้ ความเจ็บปวดใจจากการถูกทุบตีครั้งก่อนของเขาก็บรรเทาลง
ฉู่ฮวนเจาหน้าแดงเมื่อได้ยินเรื่องนี้ “ไอ้พี่เขยโง่ หน้าไม่อาย!”
ซูอันหัวเราะ ในขณะที่ฉู่ฮวนเจาโกรธเคือง ในที่สุดพวกเขามาถึงสถาบันจันทร์กระจ่างอย่างรวดเร็ว
หลังจากเข้าเรียนหลายวิชาแล้ว ซูอันก็กลับไปยังเรือนพักส่วนตัวของอาจารย์ผู้สอนเพื่อพักผ่อนอย่างรวดเร็ว
ด้วยระดับการบ่มเพาะและความรู้ในปัจจุบัน การบรรยายที่ชายหนุ่มเข้าฟังในชั้นเรียนสีเหลืองตอนนี้ขาดความน่าสนใจยิ่งนัก
ยิ่งไปกว่านั้น เนื่องจากตัวเองมีฐานะเป็นอาจารย์ด้วยแล้ว เพื่อนร่วมงานของเขาหรือก็คือพวกอาจารย์ผู้สอนทั้งหลายต่างก็ทำเป็นไม่สนใจ ต่อให้เขาจะโดดเรียนก็ตาม
ข้าควรจะคุยกับอาจารย์ใหญ่คนสวยและขอให้นางย้ายข้าไปชั้นเรียนนภาดีไหม?
ซูอันลังเลที่จะทำเช่นนั้น นั่นจะดึงดูดความสนใจของคนอื่นมากเกินไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพรสวรรค์ในการบ่มเพาะของเขาเป็นที่รู้กันไปทั่วว่าตื้นเขิน มันไม่ง่ายเลยที่จะโน้มน้าวให้ทุกคนเชื่อว่าการย้ายเข้าชั้นเรียนนภาจะสมเหตุสมผล
แม้ว่าเจียงลั่วฝูจะใช้อำนาจของอาจารย์ใหญ่ เขาอาจจะต้องทดสอบพรสวรรค์ของตัวเองอีกครั้ง ซึ่งนั่นมันหมายความว่าพรสวรรค์ระดับเลิศล้ำของเขาจะถูกเปิดเผยต่อสาธารณชนอย่างแน่นอน
เขาเข้าใจว่าพรสวรรค์ระดับเลิศล้ำหมายถึงอะไรหลังจากผ่านประสบการณ์ในการรักษาฉู่ชูเหยียน เมื่อข้อมูลนี้ถูกเปิดเผย จะมีคนจากทั่วสารทิศมาหาเขา
มันคงจะไม่เป็นไรถ้าผู้คนที่มาหาเขามีแต่พวกหญิงสาวที่น่ารัก อย่างไรก็ตาม ถ้ามีชายหน้าตาน่าเกลียดมาใช้บริการ เขาคงยอมตายดีกว่า!
รวมถึงผู้เฒ่ามี่ที่มักจะขอให้เขาใส่ใจกับสถานการณ์ของตระกูลเว่ย ถ้าเขาออกห่างจากเว่ยสั่ว ผู้เฒ่ามี่จะต้องไม่พอใจอย่างแน่นอน
เฮ้อ…ดูเหมือนว่าปัญหาเรื่องการย้ายไปชั้นเรียนอื่นจะสิ้นหวังเสียแล้ว
อย่างไรก็ตาม การอยู่ในชั้นสีเหลืองต่อไปมันก็เท่ากับเสียเวลาโดยเปล่าประโยชน์!
ขณะที่ความขัดแย้งนี้เกิดขึ้นภายในใจ จู่ ๆ ก็มีเสียงเคาะมาจากภายนอก
“หืม?” ซูอันมองดูเวลา ไม่ได้มีเรียนนี่? ใครมากันนะ?
ใช่ซางหลิวอวี้หรือไม่?
เขากระโดดขึ้นจากเตียงอย่างมีความสุขและรีบไปที่ประตู
อย่างไรก็ตาม ซูอันนึกบางอย่างขึ้นมาได้ ข้าลืมเอาเปลือกหอยคืนมาจากชิวฮัวเล่ยอีกแล้ว
เขามักจะลืมเรื่องนี้ทุกครั้งที่ได้พบกับผู้หญิงคนนั้น
ในขณะที่กำลังครุ่นคิดว่าจะอธิบายเรื่องนี้ให้อีกฝ่ายฟังได้อย่างไร จากนั้นเขาก็เห็นว่ามีหญิงสาวที่มีดวงตาเป็นประกายและมีท่าทางใจดียืนอยู่หน้าประตูเรือน นางมีความงามที่ทัดเทียมกับซางหลิวอวี้เป็นอย่างมาก
“จะไม่ต้อนรับข้าเข้าไปหน่อยเหรอ?” หญิงสาวพูดด้วยรอยยิ้ม
“แน่นอน ข้ายินดี ว่าแต่ตอนนี้เจ้าไม่ควรอยู่ในชั้นเรียนหรอกเหรอ?” ซูอันรู้สึกสับสนเล็กน้อย ผู้หญิงที่มาหาตัวเองตอนนี้คือเจิ้งตาน ซึ่งเขาเพิ่งพบกับนางเมื่อเช้านี้นี่เอง
เจิ้งตานเดินตรงเข้ามา “แล้วเจ้าล่ะ ไม่ควรอยู่ในชั้นเรียนด้วยเหรอ?”
“ก็ข้าเป็นอาจารย์…” ซูอันปิดประตู เสียงของเขาค่อย ๆ หมดความมั่นใจ
“ถ้าอาจารย์โดดเรียนได้ ทำไมนักศึกษาจะโดดเรียนไม่ได้?” เจิ้งตานกะพริบตามองเขา หน้าตาของนางดูมีเสน่ห์และน่ารักเป็นอย่างมาก
“แน่นอนเจ้าทำได้ แต่ข้าก็คิดเสมอว่าเจ้าเป็นคนที่หัวอ่อนเชื่อฟังครูบาอาจารย์มากที่สุด ไม่คิดเลยว่าเจ้าจะกล้าโดดเรียนด้วย”
ซูอันได้ยินจากนักศึกษาหลายคนว่าเจิ้งตานเป็นแบบอย่างของสตรีที่มีมารยาทจากตระกูลชนชั้นสูง ทุกการเคลื่อนไหวของนางเต็มไปด้วยความสง่างาม และไม่มีข้อบกพร่องแม้แต่นิดเดียว
“การเป็นผู้หญิงที่ดีนานเกินไปก็เป็นเรื่องที่น่าเบื่อหน่าย และข้าก็กระหายหาสิ่งกระตุ้นบ้างเป็นบางครั้ง ข้าเชื่อว่าอาซูจะเข้าใจเรื่องนี้ดี”
เจิ้งตานมองเขา ริมฝีปากสีชมพูชุ่มชื้นของนางฉีกออกเป็นรอยยิ้ม
หัวใจของซูอันเต้นผิดจังหวะ โดยเฉพาะเมื่อเขานึกถึงครั้งสุดท้ายที่เจิ้งตานพยายามจะยั่วยวนเขาในห้องนี้
ทำไมวันนี้ผู้หญิงคนนี้ถึงมาที่นี่? ไม่มีทางที่นางมาที่นี่เพียงเพื่อมาคุยเล่นกับข้า
“ถ้าเช่นนั้น เรามาทำสิ่งกระตุ้นด้วยกันไหม?” ซูอันยิ้มและขยับเข้าไปใกล้นาง
ฮึ่ม! เจ้าคิดว่าข้ากลัวเหรอ? ข้าไม่ยอมแพ้แน่!
ข้าได้รับอนุญาตจากภรรยาของข้าแล้ว!
“แน่นอน…” เจิ้งตานส่งยิ้มที่พราวเสน่ห์ราวกับเชิญชวนให้เขาเข้าไปหา
แต่ในขณะที่ซูอันกำลังจะสัมผัสของนาง เจิ้งตานกลับเอ่ยขึ้นมาก่อน “อาจารย์ซู นักศึกษาคนนี้กำลังฝึกทักษะฝ่ามือ แต่ข้ายังไม่เชี่ยวชาญ ข้าอยากจะขอให้อาจารย์ช่วยชี้แนะให้ข้าหน่อย”
ร่างกายของซูอันพลันสั่นสะท้านเมื่อเขาได้ยินนางเรียกเขาว่า ‘อาจารย์’ ไม่มีทางที่ผู้หญิงคนนี้จะเคยดูละครรัก ๆ ใคร่ ๆ เกี่ยวกับนักศึกษาและอาจารย์ใช่ไหม?