บทที่ 484 เจ้าไม่เป็นอะไรนะ อาซู?
บทที่ 484 เจ้าไม่เป็นอะไรนะ อาซู?
“ข้าไม่ได้สอนวิชาเหล่านั้น ทำไมเจ้าไม่ไปหาอาจารย์ไป๋แทนล่ะ?” ซูอันเอ่ยถามขึ้นด้วยความสงสัย
เจิ้งตานบ่น “ข้าบอกไม่ได้ว่าอาจารย์คนนั้นอยากเป็นผู้ชายหรือผู้หญิง ข้าไม่ต้องการให้คนอย่างเขามาสั่งสอน”
“แต่ตระกูลเจิ้งน่าจะมีผู้บ่มเพาะที่เชี่ยวชาญเคล็ดวิชาเกี่ยวกับฝ่ามือหลายคนนี่นา? ทำไมเจ้าไม่ขอคำแนะนำจากคนเหล่านั้นล่ะ?” ซูอันอดไม่ได้ที่จะถาม
“พวกเขาเห็นข้าเป็นคุณหนูคนสำคัญที่แสนบอบบาง พวกเขาจะกล้าตีข้าจริง ๆ ได้ยังไง? นอกจากนี้พวกเขาทั้งหมดก็เป็นผู้ชาย ดังนั้นจึงไม่เหมาะที่ข้าจะฝึกภาคปฏิบัติกับพวกเขา” เจิ้งตานพูดอย่างเขินอาย
ซูอันรู้สึกหดหู่ใจ “แล้วข้าไม่ใช่ผู้ชายหรือไง?”
เจิ้งตานยิ้มน้อย ๆ นางนิ่งไปครู่หนึ่งก่อนที่จะพูดว่า “ท่านแตกต่างออกไป”
โอ้โห…ถ้าข้าไม่คุ้นเคยกับเนื้อเรื่องของภาพยนตร์และละครน้ำเน่าต่าง ๆ มาจากโลกก่อนหน้านี้ของข้า ข้าคงจะกลายเป็นลูกไก่ในกำมือของนางไปแล้ว
ซูอันจงใจทำท่ากังวล “เจ้าก็รู้ว่าข้าเป็นเพียงนักศึกษาชั้นเรียนสีเหลือง ข้าจะเป็นคู่มือของคนจากชั้นเรียนนภาได้ยังไง?”
“ฮึ่ม! ท่านพยายามหลอกใครกัน? ท่านเอาชนะหยวนเหวินตงในงานประลองระหว่างตระกูล แถมท่านยังเอาชนะซือคุนในมิติลับหยกจรัสได้ด้วย มีสักอีกกี่คนกันที่สามารถอวดอ้างว่าทัดเทียมท่านได้?”
เจิ้งตานกระทืบเท้าและหน้ามุ่ย “ท่านไม่อยากสอนข้าก็บอกมาเถอะ!”
ซูอันถอนหายใจ “ข้าไม่รู้จริง ๆ ว่าจะสอนอะไรเจ้าได้บ้าง…”
ทักษะของเขาเกือบทั้งหมดได้มาจากคีย์บอร์ด เขาไม่มีอะไรมากพอที่จะสอนคนอื่นได้
เจิ้งตานดูเหมือนจะไม่สนใจ “ไม่เป็นไร ท่านสามารถซ้อมมือกับข้าอย่างอิสระได้เลย”
“ก็ได้ ๆ ข้าตามใจเจ้าก็ได้ แต่เจ้าอย่ามาโทษข้าก็แล้วกันถ้าเจ้าต้องร้องไห้เพราะความเจ็บปวดทีหลัง…” ซูอันหักนิ้วและหัวเราะ
ก่อนที่ชายหนุ่มจะพูดจบประโยค โลกทั้งโลกก็พลิกกลับหัวกลับหาง เขาถูกทุ่มลงกับพื้นอย่างไม่ทันตั้งตัว
เจิ้งตานก้มลงมอง ใบหน้าของนางดูไร้เดียงสา “อา! ขอโทษ ข้าคงใช้กำลังมากเกินไป อาซู ท่านเป็นอะไรไหม? ข้าไม่น่ารุนแรงกับท่านเลย”
“ไม่! ข้าไม่เป็นไร!”
ซูอันค่อย ๆ ลุกขึ้นด้วยความหงุดหงิด การที่ถูกหญิงสาวที่ดูอ่อนแอและบอบบางเหวี่ยงลงไปที่พื้นอย่างง่ายดายเช่นนี้ มันเป็นสิ่งที่น่าละอายเหลือเกิน
“เมื่อกี้ข้ายังไม่พร้อม อีกครั้ง!”
เจิ้งตานเอื้อมมือออกไปประคองเขาให้ลุกขึ้น รอยยิ้มหวานปรากฏบนใบหน้าของนาง “ย่อมได้!”
ซูอันยอมรับว่าผู้หญิงคนนี้คู่ควรกับตำแหน่งหนึ่งในสิบอันดับสุดยอดสาวงามจริง ๆ ทั้งใบหน้าและรูปร่างของนางนั้นยอดเยี่ยมมาก
แน่นอนว่าคนอื่น ๆ ในสิบอันดับแรกต่างก็มีความงามที่พิเศษไม่แพ้กัน
มีเพียงเด็กเหลือขออย่างฮวนเจาเท่านั้นที่ดูเหมือนจะด้อยกว่าคนอื่น ๆ ไปสักหน่อย
อย่างไรก็ตาม นางก็ยังค่อนข้างเด็ก อีกสองสามปีความงามของนางคงจะเบ่งบานเช่นเดียวกับพี่สาวของนาง
“อาซู ท่านพร้อมหรือยัง?” เจิ้งตานยิ้มกว้าง
“ข้าพร้อมแล้ว” ซูอันไม่ยอมให้ตัวเองประมาทอีกครั้ง เขาโคจรพลังชี่เข้าปกคลุมร่างกายตัวเองทั้งหมด เกร็งตัวเหมือนสปริงที่ถูกบีบอัด
ทว่าเขากลับถูกจับทุ่มอีกครั้ง ร่างกายของเขากระแทกกับพื้นอย่างแรง
“อั่ก…! แผ่นหลังของข้า…”
วันนี้ผู้หญิงคนนี้เป็นอะไร? ทำไมจู่ ๆ นางก็ดุแบบนี้?
สิ่งที่ทำให้เรื่องนี้น่ารำคาญมากขึ้นไปอีกก็คือรอยยิ้มของนางซึ่งมันดูหวานมากขึ้นไปอีก!
เจิ้งตานช่วยเขาลุกขึ้นยืนอีกครั้ง “ขอโทษนะ ข้าควรจะเบามือกว่านี้สักหน่อย” นางพูดพร้อมกับยิ้มขอโทษ
ซูอันจ้องมองนางอย่างเงียบ ๆ ผู้หญิงคนนี้ตั้งใจทำอย่างนี้หรือไม่?
“อีกครั้ง!”
ซูอันยังไม่มั่นใจ เขาตั้งท่าเตรียมพร้อมอีกครั้ง
น่าแปลกที่เจิ้งตานปฏิเสธเขา นางส่ายหัวและพูดว่า “ข้าคิดว่าเราควรพอได้แล้ว พลังทั้งหมดของเจ้าใช้ไปกับทักษะการเคลื่อนไหวและการใช้กระบี่ ดังนั้นเจ้าจึงขาดการฝึกฝนทักษะการต่อสู้ระยะประชิด ข้าลืมเรื่องนี้ไปเลย ข้าขอโทษจริง ๆ”
แม้ว่านางกำลังขอโทษ แต่แววตาแห่งชัยชนะก็เปล่งประกายอยู่ในดวงตาของนาง ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้เป็นความตั้งใจของนาง!
ตระกูลซ่างสั่งให้นางสอบสวนผู้บ่มเพาะลึกลับที่หนุนหลังซูอัน นางเกือบจะถูกจับได้ในครั้งสุดท้ายที่พยายามจะค้นหาความลับของเขา ดังนั้นนางจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องอย่างระมัดระวังมากขึ้น
ในที่สุดนางก็คิดหาวิธีที่จะทำเช่นนั้นได้
เป้าหมายของนางในวันนี้คือการทำให้ซูอันอับอายขายหน้า นางไม่คิดว่าชายคนใดจะยอมรับความอัปยศเช่นนี้ได้
เขาย่อมต้องการโอกาสแก้มืออย่างแน่นอน
นางเห็นความสามารถด้านกระบี่ของเขา และไม่กล้าที่จะท้าดวลกับอีกฝ่ายโดยการประมือด้วยกระบี่ อย่างไรก็ตาม ช่องว่างระหว่างระดับทักษะของพวกเขาในการต่อสู้แบบประชิดตัวนั้นก็ยังคงกว้างอยู่!
เพื่อที่จะสามารถเอาชนะนางได้ ซูอันอาจจะขอคำชี้แนะจากผู้บ่มเพาะที่ซ่อนเร้น ตราบใดที่ผู้บ่มเพาะคนนั้นสอนวิธีการให้เขา นางก็จะสามารถใช้มันเพื่อสรุปภูมิหลังของผู้บ่มเพาะคนนั้นได้
หรือต่อให้ท้ายที่สุด นางจะไม่รู้ว่าใครเป็นผู้บ่มเพาะลึกลับผู้นั้น แต่อย่างน้อย ๆ นางก็จะยังยืนยันได้ว่าเขามีคนสนับสนุนอยู่เบื้องหลังจริงหรือไม่
ซูอันตกตะลึง ดูเหมือนเขาจะเคยได้ยินคำที่คล้ายกันมากเมื่อสองวันก่อน
ย้อนกลับไปในตอนนั้น เพ่ยเหมียนหมานได้ให้ทักษะการป้องกันตัวเองแก่เขา ถ้าพบเฉินเซวียนขณะไม่มีอาวุธ
ทักษะที่นางสอนเขาในตอนนั้นไม่ใช่อะไรอื่นนอกจาก ‘วิชาพริ้วไหวไหลพัวพัน!’
เฮ้อ…เมื่อเร็ว ๆ นี้มีหลายสิ่งหลายอย่างเกิดขึ้นมากเกินไป จนข้าเกือบลืมเรื่องนี้ไปแล้ว
ซูอันทบทวนเคล็ดวิชาที่ได้รับการถ่ายทอดจากเพ่ยเหมียนหมานอีกครั้งอย่างละเอียดแล้วสงบสติอารมณ์ลง “ไม่ต้องห่วง ครั้งนี้จะแตกต่างออกไปอย่างแน่นอน”
เจิ้งตานหัวเราะเยาะอยู่ในใจ ผู้ชายทุกคนเหมือนกันหมด! พวกเขาไม่สามารถละทิ้งความภาคภูมิใจและหยิ่งทะนงของตัวเองได้
เจิ้งตานยิ้มและเอื้อมมือออกไป “ถ้างั้นก็ได้ งั้นเรามาเริ่มกันใหม่เถอะ”
แต่แล้วทันทีที่นางพูดจบ มือของนางก็โอบแขนของซูอันราวกับงู เมื่อเตรียมท่าทีของนางแล้ว นางก็พร้อมที่จะทุ่มเขาอีกครั้ง
อย่างไรก็ตาม ในทางกลับกันคราวนี้แขนและมือของซูอันลื่นไหลราวกับสายน้ำ และค่อย ๆ ปลดปล่อยตัวเองจากการเกาะกุมของเจิ้งตานได้อย่างน่าอัศจรรย์ ก่อนที่จะพลิกสถานการณ์และคว้าข้อมือของนางไว้
เจิ้งตานตื่นตระหนก นางบิดข้อมือโดยอาศัยความยืดหยุ่นในการดึงมือออก “นี่คืออะไร…?”
ซูอันไม่ได้ให้เวลานางพักหายใจ ก่อนที่จะทันได้อุทานจบประโยค เขาก็ฉวยโอกาสที่จะดำเนินการรุกต่อไป
เจิ้งตานตระหนักว่าทักษะของเขานั้นยอดเยี่ยมมาก มีการเคลื่อนไหวที่ไม่คาดคิดหลายอย่าง นางจึงรวบรวมสมาธิทันที!
ในชั่วพริบตา ทั้งสองได้แลกเปลี่ยนกันมากกว่าสิบกระบวนท่า