บทที่ 485 เล่นกับไฟ

เซียนคีย์บอร์ด [陆地键仙]

บทที่ 485 เล่นกับไฟ

บทที่ 485 เล่นกับไฟ

เจิ้งตานสับสนอย่างมาก แม้ว่านางจะไม่ค่อยได้สู้กับใครอย่างจริงจังมามากนัก แต่ก็ยังไม่เคยพบใครที่มีทักษะการต่อสู้แบบประชิดตัวยอดเยี่ยมขนาดนี้ ตามปกติแล้วนางสามารถปราบคู่ต่อสู้ของนางในไม่กี่กระบวนท่าเท่านั้น

ทว่าซูอันกลับใช้กระบวนท่าที่แปลกมากซึ่งมันน่าจะเลิศล้ำพอ ๆ กับของนาง ทำให้ตัวนางเองเกือบจะสูญเสียการทรงตัวไปหลายครั้ง

ถ้าซูอันเริ่มต้นด้วยทักษะนี้แต่แรก นางคงไม่ประมาทและทำให้ตัวเองอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบากเช่นนี้

ผู้ชายคนนี้จู่ ๆ แสดงทักษะแปลก ๆ ออกมาโดยที่ไม่คาดคิด ซึ่งมันทำให้นางสูญเสียความได้เปรียบ ความได้เปรียบมีความสำคัญอย่างยิ่งในการต่อสู้ประชิดตัว

เมื่อสูญเสียความได้เปรียบและถูกกุมสถานการณ์ มันก็กลายเป็นเรื่องยากมากที่จะพลิกผันสถานการณ์

ระลอกการโจมตีถาโถมเข้าใส่นางเรื่อย ๆ ซูอันไม่ให้โอกาสนางแม้แต่น้อย และนางก็ทำได้เพียงปัดป้องการโจมตีของเขาเท่านั้น

ในตอนแรกวิชาพริ้วไหวไหลพัวพันที่ซูอันงัดมาใช้มันยังไม่ค่อยไหลลื่นสักเท่าไหร่ เพราะเขาไม่เคยเอาออกมาใช้เลย แต่เมื่อสู้ไปเรื่อย ๆ มันก็กลายเป็นว่าเริ่มคุ้นเคยกับมันมากขึ้นและเขาก็สามารถใช้มันได้อย่างมีประสิทธิภาพ

หลังจากแลกกันไปเกือบร้อยกระบวนท่า ในที่สุดซูอันก็บิดแขนของเจิ้งตานไปด้านหลังของนาง

เจิ้งตานไม่มีความกล้าที่จะถอดหัวไหล่เพื่อให้หลุดจากการคร่ากุม เหมือนที่ซูอันเคยทำในตอนต่อสู้กับเพ่ยเหมียนหมาน สีหน้าของนางดูตื่นตระหนก จากนั้นนางก็พยายามเตะย้อนไปด้านหลัง เท้าของนางฟาดเหมือนหาง

ไม่มีทางที่ซูอันจะให้โอกาสนาง เขาคว้าขาของนางและใช้น้ำหนักโถมให้ร่างกายของนางล้มไปข้างหน้า

ในที่สุด เจิ้งตานก็สูญเสียจุดศูนย์ถ่วงของนางจนล้มหน้าคว่ำไปที่พื้นและถูกกดลงไปแนบกับพื้น

ซูอันล็อกร่างกายของนางกับตัวเขาอย่างแน่นหนา โดยไม่ปล่อยให้ขยับได้แม้แต่นิ้ว จากนั้นก็โน้มตัวเข้าไปใกล้หูของนางและพูดอย่างมีชัย “เป็นไงบ้าง? เจ้ายอมรับความพ่ายแพ้หรือไม่?”

“ไม่! ข้าไม่ยอม! เจ้าแค่ได้เปรียบจากการลอบโจมตีเท่านั้น!” เจิ้งตาน สบถลั่นด้วยความโกรธ ตอนนี้นางไม่รักษาภาพลักษณ์ที่สุภาพและเรียบร้อยอีกต่อไปแล้ว

ถ้าเขาไม่หลอกนางว่าอ่อนแอตั้งแต่แรก นางก็คงไม่พลาดถึงขนาดนี้ ไม่ว่าทักษะของเขาจะแข็งแกร่งแค่ไหน

“เอ…แต่ข้าจำได้ว่าเจ้าเป็นคนที่จู่โจมข้าก่อนไม่ใช่เหรอ? ตอนนี้เจ้ามาโทษข้าหาว่าข้าลอบโจมตีเจ้าได้ยังไง?” ซูอันพูดด้วยรอยยิ้ม

“เจ้ามันไร้ยางอาย! ทำไมเจ้าไม่ใช้ทักษะนี้ตั้งแต่แรก? เจ้าแค่แสร้งทำเป็นไม่รู้อะไรเลย ซึ่งทำให้ข้าต้องประมาทเจ้า!”

เจิ้งตานดิ้นรน แต่ข้อต่อที่สำคัญทั้งหมดของนางถูกล็อกไว้จนนางไม่สามารถเคลื่อนไหวได้เลย

เว้นเสียแต่ว่านางจะใช้พลังธาตุ!

อย่างไรก็ตาม การใช้พลังธาตุของนางในสถานที่แห่งนี้มันจะดึงดูดความสนใจซึ่งเป็นสิ่งสุดท้ายที่นางต้องการให้เกิดขึ้น และมีแต่จะทำให้สิ่งต่าง ๆ ยุ่งยากยิ่งขึ้นไปอีก

นางตัดสินใจเลิกดิ้นรนและใช้โอกาสนี้เพื่อดูว่านางจะเรียนรู้อะไรจากเขาตอนนี้ได้บ้าง

“มันเป็นความผิดของข้าเองที่มักจะใจอ่อนกับหญิงสาว ดังนั้นในตอนแรก ข้าจึงพยายามเบามือกับเจ้าให้มากที่สุด ข้าจะรู้ได้ยังไงว่าเจ้ากลับทุ่มสุดตัวกับข้า ทั้ง ๆ ที่ข้ายอมอ่อนข้อให้เจ้า?”

ซูอันยังคงรู้สึกเจ็บ ๆ ที่แผ่นหลังอยู่เลย การทุ่มของนางช่างรุนแรงจริง ๆ!

เจิ้งตานกัดริมฝีปาก “ทักษะมือเปล่าของเจ้าเรียกว่าอะไร? มันน่าเกรงขามมากจริง ๆ เจ้าสอนข้าหน่อยได้ไหม?”

หากนางได้ยินชื่อของทักษะนี้ ตระกูลซ่างก็จะสามารถค้นหาที่มาของมันได้อย่างง่ายดาย

ซูอันยังคงจดจำคำเตือนของเพ่ยเหมียนหมานได้ “ขอโทษที ข้าบอกไม่ได้” เขาพูดพร้อมกับยิ้ม

“ความสัมพันธ์ของเราใกล้ชิดกันมากขนาดนี้ แต่เจ้ากลับไม่สามารถสอนมันให้ข้าได้? หรือว่าการสอนมันให้กับข้าจะทำให้เจ้าตกอยู่ในความเสี่ยงบางอย่าง?” เจิ้งตานพยายามถามเลี่ยง ๆ เพื่อหาข้อมูล

ดวงตาของซูอันหรี่ลง ผู้หญิงคนนี้กำลังพยายามรวบรวมข้อมูลของผู้บ่มเพาะที่สนับสนุนข้า

ถ้าเขาไม่ระวังตั้งแต่แรก ก็อาจจะเปิดเผยทุกอย่างให้นางแล้ว

“เจ้า! ข้าไม่นึกเลยว่าเจ้าจะเป็นคนเจ้าเล่ห์ขนาดนี้! นี่เจ้าถึงกับซ่อนมีดไว้ในกางเกงของเจ้าอีกด้วย! เจ้ากำลังแอบวางแผนลอบสังหารใครสักคนอยู่หรือไง?” เจิ้งตานเยาะเย้ย

“มีด?” ซูอันตกตะลึง เขาก้มศีรษะลงดู จากนั้นเขาก็ทำหน้าแปลก ๆ

เจิ้งตานรู้สึกสั่นสะท้านไปทั่วร่างกายของนางเมื่อนางเห็นสีหน้าที่แปลกประหลาดของเขา ตอนนี้นางรู้แล้วว่ากำลังเกิดอะไรขึ้น ใบหน้าของนางแดงก่ำไปหมด

ซูอันรู้สึกได้ถึงร่างกายที่อ่อนนุ่มอย่างเหลือเชื่อของนาง ต้องยอมรับว่าผู้หญิงคนนี้มีเสน่ห์จริง ๆ

“ออกไปจากข้าเดี๋ยวนี้นะ!” แม้แต่หูของเจิ้งตานก็แดงไปหมด

แม้ว่าจะดูเหมือนโกรธ แต่ซูอันก็ไม่ได้รับคะแนนความโกรธแค้นจากนางเลย

ผู้หญิงคนนี้ยังคงเล่นละครอยู่!

ไม่เพียงแต่เขาไม่ปล่อยมือ เขายังกดทับนางมากขึ้นไปอีก นางรู้สึกถึงลมหายใจอุ่น ๆ ของชายตรงหน้าที่ข้างหูของนาง “แต่ข้าไม่อยากปล่อย!” เขาถอนหายใจ “ครั้งสุดท้ายที่ข้าตรวจขาเจ้าก็แบบนี้ไม่ใช่เหรอ?”

ขณะที่กำลังฟังเขาพูด นางรู้สึกว่ามีมือมาลูบที่ต้นขาของนาง

เจิ้งตานตัวสั่นเมื่อนางสัมผัสได้ถึงความร้อนที่มาจากมือของเขา นางอ้าปากหลายครั้งราวกับจะพูดอะไรบางอย่าง แต่สุดท้ายก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา

ในขณะเดียวกัน ซูอันก็ไม่เข้าใจว่าทำไมนางถึงไม่ต่อต้านเขาเช่นกัน

แม้ว่านี่น่าจะเป็นกับดักน้ำผึ้ง แต่อ้อยกำลังจะเข้าปากช้าง ดังนั้นช้างอย่างข้าก็ควรจะกินอ้อยจริงไหม?

ข้าหมายถึง…ถ้าเจ้ายินยอม!

ซูอันตัดสินใจว่าตัวเองจะไม่ลังเลอีกต่อไป มือของเขาค่อย ๆ รุกเข้าไปในกระโปรงของนาง

เจิ้งตานน้ำตาคลอขณะที่นางรู้สึกว่าร่างกายของนางกำลังถูกชายอื่นรุกล้ำ

ทว่านางก็ไม่ได้ต่อต้านสัมผัสจากเขา นางไม่รู้ด้วยซ้ำว่าทำไม นางรู้ดีว่าถ้านางโต้กลับจริง ๆ ผู้ชายคนนี้คงทำอะไรไม่ได้

แต่ถึงกระนั้น ประสบการณ์แปลกใหม่นี้มันกลับเป็นเหมือนสิ่งที่นางหิวกระหายจากส่วนลึกในจิตวิญญาณของนาง

นางถูกเลี้ยงดูมาในครอบครัวที่เคร่งครัดมาโดยตลอด นางจึงต้องเชื่อฟังอย่างว่าง่ายเสมอ และตอนนี้นางก็เติบโตขึ้นแล้ว จนถูกเรียกได้ว่าเป็นกุลสตรีที่ไร้ที่ติ ทุกคำพูดและกิริยามารยาทของนางล้วนสมบูรณ์แบบ

คู่หมั้นของนางก็หล่อเหลาและสูงส่ง แน่นอนว่าสาว ๆ หลายคนใฝ่ฝันที่จะใกล้ชิดกับเขา

แม้ว่านางจะไม่เคยแสดงการคัดค้านใด ๆ ต่อการแต่งงานครั้งนี้ แต่นางก็ไม่สามารถทำให้ตัวเองรู้สึกมีความสุขกับเรื่องนี้ได้

นางไม่พอใจคู่หมั้นของนางงั้นเหรอ?

มันอาจจะไม่ใช่ แม้ว่าคู่หมั้นของนางอาจจะไม่ได้ฉลาดที่สุดและเป็นคนหัวร้อนเล็กน้อย แต่เขาก็ยังโดดเด่นในด้านอื่น ๆ

นับเป็นพรสำหรับตระกูลเจิ้ง ที่สามารถหาคู่หมั้นที่มีคุณสมบัติเหมาะสมแบบนี้มาเป็นคู่ครองให้กับนาง

อย่างไรก็ตามนางกลับรู้สึกไม่ชอบกับสิ่งที่เกิดขึ้น

เจิ้งตานไม่ชอบดำเนินชีวิตที่มีคนอื่นตัดสินใจเลือกให้เสมอ นางรู้สึกเหมือนไม่ได้มีชีวิตอยู่เพื่อตัวเองแม้แต่วันเดียว…

แต่แล้วเมื่อนางได้มาพบกับซูอัน เพราะงานที่นางได้รับมอบหมายมา ตั้งแต่นั้นมานางก็รู้สึกแตกต่างไปจากเดิม

ความรู้สึกของการเดินบนขอบของศีลธรรมมันทำให้หัวใจนางเต้นแรง

นี่เป็นความรู้สึกที่นางไม่เคยมีมาเลยตั้งแต่เกิดมา

แม้ว่ารอยยิ้มอันอ่อนโยนของนางจะมีอยู่เสมอ แต่นางก็รู้สึกเหมือนกับว่านางเพียงแค่ขยับปากไปแบบนั้น

ไม่มีอะไรให้ตั้งตารอ

อย่างไรก็ตาม หลังจากที่นางได้พบกับซูอัน นางจะตื่นขึ้นมาทุกวันด้วยความคาดหวังและความกระตือรือร้น

นางรู้สึกราวกับว่าตัวเองอายุน้อยลงหลายปี แม้ว่าอาจจะยังไม่แก่ขนาดนั้น แต่การใช้ชีวิตที่ทุกอย่างได้รับการวางแผนอย่างพิถีพิถันสำหรับนาง ทำให้หัวใจของตัวเองแก่เร็วขึ้น

ซูอันนั้นแตกต่างออกไป เขาแตกต่างจากผู้ชายที่นางเคยพบมาก่อน

เขาเป็นวายร้าย น่ารังเกียจ ไร้ยางอาย…

ราวกับว่าคำคุณศัพท์เชิงลบทุกคำในโลกสามารถนำมาใช้เพื่ออธิบายตัวตนของเขาได้

นางควรเกลียดผู้ชายแบบนี้ อย่างไรก็ตาม ทั้งหมดนี้กลับกลายเป็นว่าเมื่อตอนที่นางได้พบกับซูอัน ดูเหมือนว่าเขาจะตรงไปตรงมาและจริงใจกับนางมากกว่าคนอื่น เขาให้ความสบายใจ ไม่เหมือนผู้ชายหน้าซื่อใจคดที่อยู่รอบตัวนาง

ร่างกายของซูอันดูเหมือนจะเปี่ยมไปด้วยพลังที่ชวนให้หลงใหล

หญิงสาวไม่สามารถอธิบายความรู้สึกที่นางมีได้ด้วยซ้ำ ราวกับว่าชายผู้นี้มีเปลวเพลิงที่ลุกโชนอยู่ภายในตัวเขา และเมื่อได้อยู่ใกล้เขา ตัวตนของนางก็ฟื้นคืนชีพขึ้นมา

นี่คือเหตุผลที่เจิ้งตานยอมรับการกระทำที่ไม่สุภาพบางอย่างของเขาอย่างเงียบ ๆ

ก่อนหน้านี้มันจะเป็นไปไม่ได้เลย นางไม่มีวันยอมให้ใครแตะต้องแม้แต่มุมชุดของนาง นางไม่ยอมให้คู่หมั้นของนางจับมือด้วยซ้ำ!

แต่นางกลับปล่อยให้ซูอันปฏิบัติต่อนางแบบนี้ทุกครั้งที่พบกัน

เจิ้งตานเริ่มสงสัยว่านางเป็นพวกชอบความเจ็บปวดหรือเปล่า? ยิ่งเขาทำให้นางขายหน้ามากเท่าไหร่ นางก็จะยิ่งตั้งหน้าตั้งตารอการเจอกันครั้งต่อไปมากขึ้นเท่านั้น

เมื่อเห็นว่าซูอันกำลังไปไกลกว่าเดิม นางจึงรีบเอื้อมมือไปหยุดเขา “เจ้าจะทำไม่ได้ ข้าไม่สามารถปล่อยให้ความบริสุทธิ์ของข้าถูกทำลายก่อนแต่งงานได้!”