ตอนที่ 460 ใช้เวลาทั้งชีวิตเพื่อพิสูจน์

หลินเว่ยเว่ยสาวน้อยจอมพลัง

ตอนที่ 460 ใช้เวลาทั้งชีวิตเพื่อพิสูจน์

“ไม่มีเรื่องเช่นนั้นเกิดขึ้นแน่นอน ! ” เจียงโม่หานขมวดคิ้วมุ่น คนอย่างเขาไม่น่าเชื่อถือขนาดนั้นเลยหรือ ? เหตุใดแต่ละคนจึงสงสัยนักว่าเมื่อเขาก้าวหน้าแล้วจะทอดทิ้งภรรยาไว้ข้างหลัง หรือคิดว่าเขาจะรับอนุภรรยาเข้ามา ? สตรีเหล่านั้นทั้งบอบบางและทำอะไรไม่เป็นสักอย่าง วันทั้งวันเอาแต่สร้างเรื่อง ต่อให้เขาโง่งมก็คงไม่อยากเพิ่มปัญหาให้ตนหรอกกระมัง ?

หลินเว่ยเว่ยพยักหน้าแล้วกล่าวว่า “ใช่ ! จะไม่มีเหตุการณ์เช่นนั้น ! ถ้าเกิดว่าในอนาคตบัณฑิตน้อยถูกใจสตรีคนอื่นขึ้นมา ข้าจะปล่อยเขาไปและจะเป็นฝ่ายขอแยกทางกับเขาเอง จากนั้นข้าจะไปหาคนที่พร้อมอยู่เคียงข้างจนแก่เฒ่า ! ”

เจียงโม่หานได้ยินดังนั้นก็ขมวดคิ้วเป็นปมยิ่งกว่าเดิม “เลิกพูดเรื่องพวกนี้ได้แล้ว ! ข้าไม่มีสตรีคนอื่นหรอก ข้ามีเจ้าคนเดียวก็วุ่นวายมากพออยู่แล้ว ถ้ารับสตรีคนอื่นเข้ามาเพิ่มก็ไม่ไหว ! ”

หลินเว่ยเว่ยมองเขาด้วยรอยยิ้มหยาดเยิ้ม “บัณฑิตน้อย เจ้าอย่าเพิ่งมั่นใจไปเลย เพราะถึงอย่างไรชีวิตคนเราก็ยังอีกยาวไกล ! ”

เจียงโม่หานจับมือของนางเอาไว้แน่น “ใช่ ! ข้ายังมีเวลาอีกทั้งชีวิตเพื่อพิสูจน์ว่าจะมีแค่เจ้าเพียงคนเดียว ! ”

จู่ ๆ หลินจื่อเหยียนและเผิงหยูเหยี่ยนก็รู้สึกเหมือนจะสำลักออกมา…โดนความรักหวานเลี่ยนของทั้งสองคนทำให้สำลักแน่นอน !

ตกเย็น พวกเขาแวะพักในเขตที่มีขนาดเทียบเท่ากับเขตเริ่นอัน รถม้าสองคันของนางจึงมาจอดอยู่หน้าโรงเตี๊ยมแห่งเดียวในเมืองนี้

“เสี่ยวเอ้อร์ ขอห้องพัก 5 ห้อง ! ” หลินเว่ยเว่ยเข้าไปในโรงเตี๊ยมแล้วก็ง่วนอยู่กับการหาห้องพัก

หลงจู๊ของโรงเตี๊ยมได้ยินแบบนั้นจึงกล่าวขอโทษ “ต้องขออภัยกู่เหนียงด้วยขอรับ โรงเตี๊ยมของเราเหลือห้องพักแค่ 3 ห้องเท่านั้น ! ”

เขตเล็กๆ แบบนี้ไม่ใช่เส้นทางหลักในการคมนาคม ปกติพ่อค้าต่างถิ่นมีเข้ามาไม่มากนัก ในโรงเตี๊ยมจึงมีห้องไม่ถึงสิบห้อง ในแต่ละวันมีคนเข้าพักสองถึงสามห้องก็ถือว่าไม่เลวแล้ว แต่เป็นเพราะการสอบระดับเซียงซื่อในคราวนี้จึงทำให้กิจการในระยะนี้คึกคักมาก ถึงขั้นมีห้องพักไม่เพียงพอต่อความต้องการของลูกค้า !

หลินเว่ยเว่ยหันกลับไปมองผู้ติดตามของตน เหลยหยู่และซัวถัวคนขับรถม้าทั้งสอง บัณฑิตทั้งสามคนและตัวนางเอง…

ซัวถัวขนสัมภาระที่จำเป็นต้องใช้ในคืนนี้ลงจากรถม้าแล้วจึงกล่าวว่า “ถ้าอย่างนั้น…ให้ข้ากับเหลยหยู่นอนบนพื้นดีหรือไม่ ? ยกเตียงให้บัณฑิตซิ่วไฉเถิด”

หลินเว่ยเว่ยส่ายหน้า “พรุ่งนี้พวกเจ้าต้องขับรถม้าทั้งวัน หากนอนไม่สบายแล้วทำให้เกิดอุบัติเหตุขึ้นมาก็อาจทำให้เสียการใหญ่ได้ ! ”

หลินจื่อเหยียนจึงเอ่ยปาก “ข้าและพี่เขยใหญ่พักห้องเดียวกันได้…”

หลินเว่ยเว่ยคิดอยู่ครู่หนึ่ง ทันใดนั้นนางก็ทำตาเป็นประกาย “พี่ซัวถัวและเหลยหยู่นอนห้องหนึ่ง น้องสามและพี่เผิงนอนห้องหนึ่ง…ประเดี๋ยวข้าจะเสียสละนอนกับบัณฑิตน้อยเอง…”

“ไม่ได้ ! ”

“อย่าได้คิดเชียว ! ”

ทันใดนั้นก็มีเสียงตอบกลับดังมาถึงสองเสียงพร้อมกัน โดยเสียงหนึ่งเป็นของหลินจื่อเหยียนและอีกเสียงเป็นของเจียงโม่หานที่ตอนนี้กำลังหน้าแดงหูแดง เพราะเขาอดไม่ได้ที่จะจินตนาการภาพตอนที่ตนและนางอยู่ห้องเดียวกันในยามค่ำคืน ทันใดนั้นใบหน้าของเขาก็ร้อนผ่าวขึ้นมา “เจ้าอย่าละโมบในความงามของข้าเชียว ! ”

หลินเว่ยเว่ยหัวเราะเจ้าเล่ห์ ‘ข้าไม่ได้อยากครอบครองแค่ความงามของเจ้าเท่านั้น แต่ยังอยากครอบครองเรือนร่างของเจ้าด้วย’ อีกอย่างคือห้องพักแต่ละห้องมีแค่เตียงเดียว นางสามารถใช้โอกาสตอนบัณฑิตน้อยหลับไปแล้วลวนลามเขาเท่าไหร่ก็ได้ คิกคิกคิก…

“ทุกท่านจะไปเข้าร่วมการสอบเซียงซื่อที่เมืองเหอโจวใช่หรือไม่ ? ” มีเสียงอ่อนโยนดังขึ้นจากด้านหลังของพวกนาง ทุกคนจึงหันไปมองก็พบว่าเป็นบัณฑิตหนุ่มรูปร่างสูงโปร่ง หน้าตาสะอาดสะอ้านและที่น่าดึงดูดเป็นพิเศษคือนัยน์ตากระจ่างใสของเขา ทำให้เขาดูมีเสน่ห์มาก เวลามองผู้ใดก็คล้ายเต็มไปด้วยความเสน่หา

หลินเว่ยเว่ยยังอดมองไปยังบริเวณหน้าอกของเขาไม่ได้ คนผู้นี้คงไม่ใช่สตรีที่แต่งกายเป็นบุรุษใช่หรือเปล่า ? ข้าสวมชุดบุรุษยังดูมีความเป็นชายมากกว่าอีก !

เจียงโม่หานมองไปยังบัณฑิตรูปงามด้วยแววตาสับสน…อีกฝ่ายคือคนที่ยื่นแป้งทอดเนื้อขาวเนียนให้เขาเมื่อชาติก่อนและถูกเขาปฏิเสธไม่ใช่หรือ ? คาดไม่ถึงว่าชาตินี้จะได้มาพานพบล่วงหน้าถึงสามปี

ทั้งสองสบตากันเข้าพอดี ทว่าอีกฝ่ายละสายตาไปก่อน หลินจื่อเหยียนจึงเข้าไปพูดคุยถามไถ่ถึงได้รู้ว่าอีกฝ่ายจะเดินทางไปสอบที่เมืองเหอโจวเช่นเดียวกัน

บัณฑิตหนุ่มรูปงามถือพัดไว้ในมือแล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “ที่แท้น้องชายทั้งสามก็เป็นบัณฑิตซิ่วไฉของปีนี้เอง ! ข้ามีแซ่ว่าโอวหยาง ชื่อชิง เป็นคนเขตหลู่อันจากเมืองจงโจว”

ต่างฝ่ายต่างแนะนำชื่อของตน โอวหยางชิงจึงอดที่จะอุทานด้วยความชื่นชมไม่ได้ “ในเขตที่พวกท่านอาศัยอยู่มีคนสอบบัณฑิตซิ่วไฉได้อันดับยอดเยี่ยมหลายคนขนาดนี้เชียว ที่เขตของข้าในปีนั้นมีแค่ข้าคนเดียว…”

เมื่อรู้ว่าห้องของอีกฝ่ายไม่พอ โอวหยางชิงจึงอดกวาดตามองไปยังเจียงโม่หานผู้เป็นบัณฑิตหนุ่มรูปงามที่สุดไม่ได้ “ข้าพักที่ห้องเพียงคนเดียว หากน้องเจียงไม่รังเกียจก็สามารถพักกับข้าได้…”

เจียงโม่หานขมวดคิ้วเล็กน้อยแล้วส่ายหน้าปฏิเสธ “ขอบคุณสำหรับความปรารถนาดีของพี่โอวหยาง…” ถ้าให้นอนกับคนแปลกหน้า เขายอมนอนที่พื้นในห้องของพวกหลินจื่อเหยียนยังดีเสียกว่า

เจียงโม่หานจึงสอบถามหลงจู๊ว่ามีเตียงเหลือบ้างหรือไม่ จะได้นำไปเสริมในห้องของพวกหลินจื่อเหยียน หลงจู๊จึงให้บุตรชายคนเล็กมานอนเบียดกับตนและภรรยาก่อน สุดท้ายบัณฑิตหนุ่มจึงได้เตียงเสริมมาครอง

โอวหยางชิงเห็นดังนั้น ในแววตาลึก ๆ ของเขาพลันเผยให้เห็นถึงความผิดหวังและเมื่อเห็นว่าพวกเจียงโม่หานกำลังรีบร้อนเข้าไปพักผ่อน เขาจึงสนทนาด้วยอีกสองสามประโยคแล้วกลับห้องของตน

หลินเว่ยเว่ยเหลือบเมืองตามแผ่นหลังของอีกฝ่าย นางมักรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติอยู่เสมอ แต่คิดไม่ออกว่าตรงไหนผิดปกติ นางจึงเลิกคิดแล้วไปช่วยเจียงโม่หานจัดที่นอน ก่อนจะกระซิบเสียงหวานใส่เขาว่า “ข้าไปดูห้องมาแล้ว เตียงในห้องของข้ากว้างมาก…เหตุใดต้องมาเปลืองแรงปูเตียงใหม่ด้วย ? ”

หลินจื่อเหยียนได้ยินดังนั้นก็เดินมากระซิบข้างกายนาง “พี่รอง สงวนกิริยาหน่อย ! ท่านและศิษย์พี่เจียงแค่หมั้นหมายกัน ยังไม่ได้แต่งงานกันเสียหน่อย ! ดูเหมือนไม่ผิดไปจากที่ท่านแม่กังวลเลยสักนิด ข้าต้องจับตามองท่านให้ดีเสียแล้ว ! จะปล่อยให้ท่านมีโอกาสลงมือกับพี่เขยรองไม่ได้เด็ดขาด ! ”

ใคร…ใครจะลงมือกับใคร ? มั่นใจหรือเปล่าว่าตนไม่ได้เข้าใจผิด ? หลินเว่ยเว่ยหันไปถลึงตาใส่น้องชายตัวแสบ !

จากนั้นหลินเว่ยเว่ยก็หันไปพูดกับเจียงโม่หานต่อ “บัณฑิตน้อย เจ้าต้องอยู่ให้ห่างจากคนแซ่โอวหยางผู้นั้นให้มาก เพราะข้ารู้สึกว่าเขาค่อนข้าง…”

หลินจื่อเหยียนเงยหน้าพลางเหลือบมองนางแล้วกล่าวว่า “พี่โอวหยางทำอะไร ? ข้าคิดว่าเขานิสัยดีมากทีเดียว อีกทั้งยังเป็นคนพูดจาสุภาพ ทำอะไรเป็นระบบระเบียบ เป็นผู้ที่ได้รับการอบรมสั่งสอนมาเป็นอย่างดี ! ”

“ข้าก็อธิบายไม่ถูก แต่มันเป็นความรู้สึกบางอย่าง…เราเพิ่งพบเขาเป็นครั้งแรก ระวังไว้หน่อยก็ดี ! ” หลินเว่ยเว่ยไม่รู้ว่าตนกังวลมากเกินไปหรือเปล่า แต่ครั้งนี้นางมีหน้าที่สำคัญคือมาส่งบัณฑิตซิ่วไฉทั้งสามสอบเซียงซื่อ นางจึงต้องระวังให้มาก

หลังจัดห้องเสร็จเรียบร้อยแล้ว หลินเว่ยเว่ยจึงขอยืมห้องครัวของโรงเตี๊ยมเพื่อทำอาหารร้อน ๆ ให้บัณฑิตทั้งสาม ช่วงนี้อากาศร้อนเกินไป นางจึงไม่ได้เตรียมพวกเนื้อและปลาสดมาด้วย…อากาศไม่เอื้ออำนวย ! ดังนั้นนางจึงทำพวกบะหมี่เย็นแทน

แตงกวาสดใหม่ถูกนำมาหั่นฝอย ให้รสชาติที่กรอบอร่อย เส้นหมี่ที่นางทำไว้ทั้งนุ่มและเหนียว ใช้ถั่วลิสงบดผสมกับน้ำมันพริกและเติมน้ำส้มสายชูลงไปเล็กน้อย…ทำให้เหล่าบัณฑิตที่ตอนแรกไม่อยากอาหาร จู่ ๆ ก็กินกันอย่างเอร็ดอร่อย ต่างคนต่างกินไปถึงสองชาม หลังจากกินเสร็จแล้วก็ต่อด้วยน้ำแตงโมปั่นเย็นชื่นใจ ทำให้พวกเขากลับมาสดชื่นอีกครั้ง !

“พวกท่านกินมื้อเย็นเสร็จแล้วหรือ ? ” โอวหยางชิงเดินออกมาจากห้อง กลิ่นบะหมี่เย็นลอยฟุ้งไปทั่ว ทำให้นัยน์ตาสดใสของเขาเผยแววน้อยใจออกมาทันที…นึกว่าคนรู้จักกันแล้วถือเป็นสหาย ใครจะคิดว่าอีกฝ่ายกินมื้อเย็นแต่ไม่เรียกเขาสักคำ…ทำเกินไปแล้ว !