เมื่อได้ยินคำตอบที่น่าพึงพอใจ เคธี่ก็อารมณ์ดีขึ้นมาทันที คิ้วที่ผูกกันเป็นปมแน่นก็คลายลงได้บ้าง เธอครุ่นคิด แล้วพูดออกไปว่า “ อันที่จริงแล้วมันก็ไม่ใช่เรื่องยากอะไรเท่าไรนัก ตอนนี้ในมือฉันไม่มีงานอะไรเลย และฉันก็ต้องจัดการกับความเสียหายที่เกิดจากการยกเลิกสัญญากับบริษัทลี่ซื่อกรุ๊ป เพราะฉะนั้นนายพอจะแบ่งงานที่นายดูแลรับผิดชอบอยู่ให้ฉันสักงานสองงานได้ไหม ? ”
เดิมทีคิดว่าลี่หุยอาจจะพอช่วยเหลือเธอได้บ้าง แต่อีกฝั่งกลับไม่ได้ตอบอะไร เคธี่จากที่มีความหวังอยู่ก็ดูเหมือนจะริบหรี่ลงไป หลังจากที่เงียบกันไปสักพัก คำพูดของลี่หุยเหมือนดั่งน้ำเย็นที่สาดราดรดบนตัวเธอ
“พูดตรงๆแบบไม่ปิดบังเลยนะ ตอนนี้ฉันเองก็ลำบากใจ งานที่ดูแลอยู่ก็ไม่ได้มีมากเท่าไร เกรงว่าคงจะช่วยอะไรได้ไม่มาก อีกอย่างตอนนี้ตัวฉันเองก็แทบจะเอาตัวไม่รอดเหมือนกัน เราต่างคนต่างอยู่กันไปก่อนดีไหม!”
เมื่อได้ยินคำพูดประโยคนี้ของลี่หุย ความหวังที่มีของเคธี่ก็พังทลายลงทันที เธอขมวดคิ้ว แม้ในใจจะไม่พอใจนัก แต่ก็รู้ว่าที่ลี่หุยพูดนั้นเป็นเรื่องจริง เธอจึงได้พูดอย่างชัดถ้อยชัดคำไปว่า“หากเป็นเช่นนี้ งั้นนายก็ดูแลตัวเองไปแล้วกัน ฉันจะหาวิธีเอง”
หลังจากพูดจบ ก็ไม่ได้สนใจว่าลี่หุยจะพูดอะไรต่อ เธอกดวางสายไปทันที
ห้องทำงานก็กลับมาเงียบสงบอีกครั้ง เคธี่นั่งคิดอยู่นาน แต่แล้วก็ตัดสินใจที่จะไปคุยกับลี่จุนถิง เพราะยังไงเหตุการณ์ครั้งนี้ก็เกิดขึ้นเพราะความขัดแย้งที่มีกับลี่ซื่อกรุ๊ปเป็นสำคัญ หากยังพอสามารถแก้ไขมันได้ ปัญหาที่มีอยู่ในตอนนี้ก็พอจะทุเลาลงไปได้บ้าง
เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ เธอจึงลุกขึ้นแล้วสวมใส่เสื้อคลุม หยิบกระเป๋าแล้วตรงไปยังบริษัทลี่ซื่อกรุ๊ปทันที
……
ณ บริษัทลี่ซื่อกรุ๊ป
เมื่อเห็นสีหน้าที่เรียบเฉยของพนักงานต้อนรับ เคธี่จ้องเขม็งไปที่พวกเขา เอ่ยพูดด้วยอาการหงุดหงิด “พวกเธอรู้ไหมว่าฉันเป็นใคร ? ฉันมาหาลี่จุนถิง ฉันมีธุระที่ต้องคุยกับเขา พวกเธอช่วยหลีกทางด้วย! ทำฉันเสียเวลา ฉันจะกลับมาคิดบัญชีกับพวกเธอ!”
พนักงานต้อนรับกระตุกริมฝีปาก เผยรอยยิ้มให้เห็นชัดเจน เอ่ยพูดอย่างแผ่วเบาว่า“คุณผู้หญิงค่ะ เราได้แจ้งรายละเอียดไว้ชัดเจนแล้ว ตอนนี้ประธานลี่กำลังอยู่ในระหว่างการประชุม อีกอย่างคุณเองก็ไม่ได้ทำการนัดเอาไว้ล่วงหน้า ยังไงก็ให้เข้าพบท่านประธานไม่ได้ค่ะ รบกวนคุณทำการนัดล่วงหน้าก่อนแล้วติดต่อเข้าพบมาใหม่นะคะ !
“นัดล่วงหน้า ? ฉันมาหาลี่จุนถิงต้องนัดล่วงหน้าด้วยเหรอ ? ตอนนี้ฉันยังอารมณ์ดีอยู่ หลีกทางซะ ไม่อย่างนั้นฉันไม่ปล่อยพวกเธอเอาไว้แน่ พวกเธอเตรียมหางานใหม่เอาไว้ได้เลย!”เคธี่เอ่ยพูดอย่างขุ่นเคืองแล้วชี้ไปยังพนักงานต้อนรับทั้งสองคน
พนักงานต้อนรับทั้งสองยิ้มหัวเราะอย่างไม่เกรงกลัวสิ่งใด“คุณผู้หญิงค่ะ พวกเราก็ทำตามกฎระเบียบ คุณไม่ได้นัดเอาไว้ล่วงหน้าก็คือเข้าพบไม่ได้ เราไม่ได้ทำผิดอะไรตรงไหน และขอความกรุณาอย่าส่งเสียงดังด้วยค่ะ ขอบคุณค่ะ !”
“นี่พวกเธอ……”
เคธี่ยังไม่ทันจะได้พูดจบ ก็เห็นผู้ช่วยของลี่จุนถิงเดินมาพอดี เธอคิดว่าลี่จุนถิงคงต้องการที่จะเจอเธอ จึงรีบเดินไปข้างหน้าแล้วรั้งตัวเขาไว้เอ่ยถามด้วยรอยยิ้มไปว่า “ว่ายังไงคะ ? ลี่จุนถิงอยากจะเจอฉันใช่ไหม ? ฉันรู้ว่าเขาไม่ไร้เยื่อใยกับฉันหรอก !”
“คุณเคธี่ครับ ผมคิดว่าคุณคงเข้าใจผิดแล้ว ประธานลี่ให้ผมมาแจ้งคุณโดยเฉพาะ ท่านไม่ประสงค์จะพบคุณอีก แล้วยังให้ผมแจ้งคุณอีกว่า โครงการที่เราทั้งสองบริษัทได้ร่วมงานกันนั้นไม่จำเป็นต้องพูดถึงมันอีก ท่านไม่มีความประสงค์ที่จะร่วมงานอะไรกับบริษัทของคุณอีก ยังไงเสียรบกวนคุณหาคู่ค้ารายอื่นมาแทนได้เลยนะครับ!”
สีหน้าของผู้ช่วยบ่งบอกถึงความจริงจัง
“คุณว่าอะไรนะ? จุนถิงทำกับฉันแบบนี้ได้ยังไง ? ฉัน……”เคธี่ไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่ตัวเองได้ยิน เธอยืนอึ้งอยู่กับที่อย่างมึนงง จนผู้ช่วยต้องชำเลืองมองแต่แล้วก็เดินจากไป เธอถึงจะมาได้สติและคิดได้ว่าลี่จุนถิงไม่อยากพบเธอ
เธอสังเกตเห็นสายตาของผู้คนละแวกนั้นที่จ้องมองมา ทำให้เธอต้องกระทืบเท้าด้วยอารมณ์โมโห พ่นลมหายใจออกมา แล้วเชิดหน้าเดินออกจากอาคารลี่ซื่อกรุ๊ปไป พนักงานต้อนรับที่อยู่ด้านหลังก็หัวเราะเยาะเธอออกมาทันที
“ฉันบอกแล้วว่าผู้หญิงแบบนี้นะเหรอที่ประธานลี่จะสนใจ ? งามหน้าไหมล่ะ ? ยังจะมาคิดบัญชีอะไรกับเราอีก ช่างน่าขำจริงๆ !”
“ก็นั้นนะสิ ประธานลี่ก็ยังเด็ดขาดเหมือนเดิม พูดมันตรงๆว่าไม่ต้องการพบเธอ แล้วเธอจะพูดอะไรได้อีก !”
เคธี่ที่ถูกลี่จุนถิงปฏิเสธก็ต้องมาหาวิธีใหม่ เมื่อคิดไปถึงนักธุรกิจหลายคนที่เธอเคยแนะนำให้ลี่หุยได้รู้จักไปก่อนหน้า คงทำได้เพียงอาศัยความสัมพันธ์เก่าก่อนที่เคยมีพูดคุยหาทางเพื่อจะได้ร่วมงานกันอีกครั้ง
และหลังจากนั้นอีกไม่กี่วัน เคธี่เองก็ยุ่งอยู่กับการแก้ไขปัญหาต่างๆที่เกิดขึ้นไม่ได้ไปปรากฏตัวให้ลี่จุนถิงได้เห็นอีก เธอยุ่งจนหัวหมุนอยู่กับเรื่องราวปัญหามากมายที่เกิดขึ้นเหล่านี้ จนไม่มีเวลาไปสนใจเอาใจลี่จุนถิง
……
ณ ตระกูลลี่
เจียงหยุนเอ๋อรู้สึกเอือมและไร้หนทางกับซูม่านลีที่นั่งอยู่ตรงหน้า เธอคิดไปถึงคำพูดที่ลี่จุนถิงกำชับเอาไว้ในตอนเช้า เธอก็ถอนหายใจขึ้นมาเล็กน้อย ไม่รู้ว่าควรพูดอะไรดี ผ่านไปสักพัก เธอเอามือกุมหน้าผาก แล้วเอ่ยพูดไปเบาๆว่า “แม่คะ แม่มาที่นี่ได้ยังไง ? หนูก็อยู่แต่บ้านไม่ได้ออกไปข้างนอกแล้วนะคะ ?”
“ลูกคนนี้ ถ้าไม่ใช่เพราะจุนถิงยืนกรานที่จะให้ลูกดูแลลูกน้อยในท้อง ลูกก็คงจะออกไปเที่ยวเล่นข้างนอกอีกจนได้! นับวันท้องก็ยิ่งจะโตขึ้นเรื่อยๆ ยังไงแม่ก็ต้องมาดูแลลูกอยู่แล้ว หรือจะหวังพึ่งแม่ผัวของเราละ ? ”ซูม่านลีมองจ้องเขม็งไปยังเจียงหยุนเอ๋อ
เมื่อได้ยินแม่เอ่ยพูดถึงโม่เสี่ยวฮุ่ย เธอก็หัวเราะแฮะๆ “ แหม แม่ก็ หนูรู้ว่าแม่หวังดีกับหนู หนูก็แค่สงสัย ไม่มีความหมายอะไรแอบแฝง แม่อย่าคิดมาก ! และหนูก็จะให้ความร่วมมือกับแม่ทุกอย่าง แบบนี้แม่พอใจรึยังคะ?”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ซูม่านลีก็พยักหน้าอย่างพึงพอใจ แล้วเดินเข้าครัวไปเพื่อเตรียมทำน้ำซุป
ที่หน้าประตูบ้านของตระกูลลี่ มองดูที่อยู่ที่กว่าจะหามันมาได้อย่างยากลำบาก ลี่หุยยกยิ้มมุมปาก เขารู้ว่าวันนี้ลี่จุนถิงมีประชุมสำคัญที่ต้องเข้าร่วม และไม่อยู่บ้านในตอนนี้ เขาเลยตั้งใจเดินทางมาหาเจียงหยุนเอ๋อ และมีข้อมูลบางอย่างมาด้วย
แต่พอแจ้งจุดประสงค์ของการมาที่นี่ ก็ถูกบอดี้การ์ดกันตัวเอาไว้ “ประธานลี่ได้กำชับเอาไว้แล้ว หากไม่ได้รับอนุญาตจากเขา ใครก็เข้าพบคุณผู้หญิงไม่ได้ทั้งนั้น! เพราะฉะนั้นคุณเองก็เข้าไปไม่ได้เช่นกัน !”
“ผมเป็นเพื่อนกับคุณผู้หญิงของคุณ ไม่เชื่อก็ถามเธอได้ อีกอย่างผมมาดี พวกคุณให้ผมเข้าไปข้างในเถอะ!”ลี่หุยยังคงพยายามที่จะอธิบาย และยืนกรานหนักแน่น
ลี่หุยมีท่าทีเอะอะโวยวาย และบอดี้การ์ดก็ยังคงสีหน้าเรียบเฉยยืนกรานกับคำสั่งที่ได้รับ และไม่ยอมให้ลี่หุยได้เข้าไปด้านใน แต่ลี่หุยเองก็ไม่ได้ยอมแพ้ไปง่ายๆเช่นกัน เขายังคงแหกปากตะโกนโวยวายไม่หยุด
“ให้ผมเข้าไปข้างในเถอะ!ผมเป็นเพื่อนของเจียงหยุนเอ๋อจริงๆ มาครั้งนี้ก็เพื่ออยากจะมาเยี่ยมเธอเท่านั้น ไม่ได้มีจุดประสงค์อื่น พวกคุณกันตัวผมไว้ที่หน้าประตูแบบนี้ มันทำลายความสัมพันธ์ของเราได้นะ !”
“ไม่ได้ครับ ไม่ได้รับอนุญาตจากประธานลี่ เราไม่สามารถให้คุณเข้าไปด้านในเด็ดขาด!คุณกลับไปซะเถอะ!”
เจียงหยุนเอ๋อที่เริ่มเบื่อกับการอยู่บ้านก็ได้ยินเสียงเอะอะดังมาจากด้านนอก เธอขมวดคิ้ว และเกิดความสงสัย ไม่รู้ว่าด้านนอกเกิดอะไรขึ้น ด้วยความอยากรู้เธอจึงเดินออกไปดูทันที