บทที่ 485 อย่าหาว่าผมใจดำ

Lucky baby คุณพ่อ ต้องพยายามจีบแม่

ลี่หุยที่เอะอะโวยวายเสียงดังอยู่ด้านนอกกำลังจะคิดยอมแพ้ แต่พอเงยหน้าขึ้นก็เจอเข้ากับเจียงหยุนเอ๋อที่ใบหน้าเต็มไปด้วยความสงสัยเดินมาทางนี้พอดี ใบหน้าที่เคยสิ้นหวังของชายหนุ่มก็แปรเปลี่ยนเป็นดีใจขึ้นมาทันที เขาเอ่ยพูดด้วยความประหลาดใจไปว่า “เห็นไหม เจียงหยุนเอ๋อออกมาแล้ว! ผมบอกแล้วว่าผมเป็นเพื่อนกับเธอ !”

บอดี้การ์ดหันมองไปยังเจียงหยุนเอ๋อที่เดินมาอย่างเชื่องช้า มีอาการตกตะลึงไม่น้อย แต่ก็เรียกสติกลับมาในทันที เอ่ยพูดอย่างสุภาพไปว่า :“คุณนาย!ประธานลี่ได้สั่งกำชับเอาไว้หากไม่ได้รับอนุญาตจากท่านใครก็ให้เข้าไปไม่ได้ทั้งนั้นครับ เพราะฉะนั้นเราจึงได้กันตัวเขาเอาไว้ ”

ฟังที่บอดี้การ์ดพูดจบ เจียงหยุนเอ๋อมองไปยังลี่หุยด้วยความสงสัย เธอไปเป็นเพื่อนกับลี่หุยตั้งแต่เมื่อไรกัน ? เขาเข้าใจอะไรผิดไปหรือเปล่า ทำไมถึงได้พูดจาเหลวไหลแบบนี้ ?

ลี่หุยมองไปยังเจียงหยุนเอ๋อด้วยท่าทีประหม่าเล็กน้อย ในใจรู้สึกหวาดหวั่น แต่เมื่อคิดไปถึงจุดประสงค์ในการมาที่นี่ของเขา ก็กัดฟันแล้วพูดไปว่า “เจียงหยุนเอ๋อ ผมมีเรื่องอยากจะคุยกับคุณ และต้องการขอความช่วยเหลือจากคุณด้วย ผมสัญญาว่าพูดจบแล้วผมจะไปทันที ให้ผมเข้าไปคุยด้านในได้ไหม ?”

เมื่อได้ยินเช่นนั้น เจียงหยุนเอ๋อก็ขมวดคิ้วขึ้นด้วยความสงสัย เธอรู้มาโดยตลอดว่าลี่หุยกับลี่จุนถิงนั้นไม่ถูกกัน ตามหลักแล้วเธอควรที่จะปฏิเสธเขาไปตรงๆ แต่เมื่อเห็นสีหน้าท่าทางที่อ้อนวอนของเขา ก็ไม่กล้าที่จะปฏิเสธออกไป คิดไปคิดมา ก็เอ่ยพูดเพียงว่า“ลี่หุย ฉันคงจะช่วยอะไรคุณไม่ได้ คุณกลับไปเถอะ !”

ช่วยไม่ได้ ? เจียงหยุนเอ๋อเป็นถึงยอดดวงใจของลี่จุนถิง ทำไมจะช่วยเขาไม่ได้ ?

“เจียงหยุนเอ๋อ ผมรู้ว่าคุณต้องช่วยผมได้แน่ ผมหมดหนทางแล้วจริงๆถึงได้บากหน้ามาหาคุณ ขอร้องคุณช่วยผมสักครั้งเถอะนะ ! และเรื่องที่ต้องการให้ช่วยก็ไม่ใช่เรื่องยุ่งยากอะไร ไม่ทำให้คุณลำบากใจแน่นอน ให้ผมเข้าไปด้านในเถอะนะ !”

ลี่หุยพยายามอ้อนวอนขอร้อง

แม้ว่าเขาจะไม่สนิทอะไรมากมายกับเจียงหยุนเอ๋อ แต่ก็คิดว่ายังไงเจียงหยุนเอ๋อเองก็เป็นผู้หญิงที่อ่อนแอ ไม่แน่ว่าอาจจะเห็นอกเห็นใจเขาก็ได้

เมื่อเห็นท่าทางที่ไร้หนทางของชายหนุ่ม เจียงหยุนเอ๋อก็ใจอ่อน เธอเม้มปากแน่น และลังเลอยู่นาน กำลังจะเอ่ยปากพูด ก็ได้ยินเสียงของซูม่านลีที่ไล่ตามหลังเธอมา

“เจียงหยุนเอ๋อ ทำไมไม่อยู่ในบ้าน เดินออกไปด้านนอกทำไมกัน ? แล้วยังไปยืนอีกเป็นนานสองนาน ไม่กลัวเมื่อยมันเลยรึไง รีบเข้าไปกินน้ำซุปนั้นซะ บำรุงร่างกาย ไปกินในตอนที่มันยังร้อนๆนี่แหละ!”

เจียงหยุนเอ๋อชี้ไปยังนอกประตูที่มีร่างของลี่หุยยืนอยู่ “ แม่ มีคนมาหาหนู หนูกำลังคุยกับเขาอยู่! คุยเสร็จแล้ว หนูจะรีบกลับเข้าไปค่ะ !”

พอได้ยินว่าด้านนอกมีคนมาหา ซูม่านลีก็ขมวดคิ้วด้วยความสงสัย เธอวางของในมือลง แล้วเดินออกมาดู เมื่อเห็นว่าคนที่มาหาคือลี่หุย สีหน้าก็เคร่งขรึมขึ้นมาทันที “ทำไมถึงเป็นคุณ ? เจียงหยุนเอ๋อก็ไม่ได้สนิทสนมอะไรกับคุณ คุณมาที่นี่ทำไม กลับไปซะเถอะ!”

เมื่อเห็นว่าซูม่านลีก็ไม่ได้ต้อนรับขับสู้เท่าไรนัก ลี่หุยก็เริ่มประหม่าขึ้นมาทันที แล้วรีบเอ่ยปากอธิบายออกไปว่า“ คุณป้า อย่าเพิ่งเข้าใจผิด ผมมาดี แค่อยากจะคุยกับเจียงหยุนเอ๋อเท่านั้น พูดธุระจบผมก็จะไปทันที ขอผมเข้าไปเถอะนะครับ !”

ความสัมพันธ์ระหว่างลี่หุยกับลี่จุนถิงนั้น ซูม่านลีก็พอจะรู้มาบ้าง นางขมวดคิ้วอย่างไม่พอใจ แล้วยิ้มอย่างเย็นชา “คุณมาหาเจียงหยุนเอ๋อด้วยเรื่องอะไร ฉันว่าคุณอย่าหาเรื่องใส่ตัวเลยจะดีกว่า ไม่รู้ว่ามีแผนอะไรอีก!ไปจากที่นี่ซะเถอะ !”

“ลี่หุย ระหว่างเราไม่มีอะไรที่ต้องคุยกันจริงๆ ส่วนเรื่องที่ให้ช่วยนั้น ฉันว่าฉันคงจะช่วยอะไรคุณไม่ได้หรอก คุณไปหาคนอื่นเถอะ! แค่นี้นะ!” พอพูดจบ เจียงหยุนเอ๋อก็พาซูม่านลีเดินกลับเข้าไปทันที

“เดี๋ยวก่อน!”

ด้านหลังมีเสียงตะโกนคร่ำครวญออกมา เจียงหยุนเอ๋อขมวดคิ้วอย่างอดรนทนไม่ได้ หันกลับมาแล้วพูดว่า “ลี่หุย อะไรที่ควรพูดฉันก็พูดไปหมดแล้ว คุณกลับไปซะเถอะ!”

“เจียงหยุนเอ๋อ ผมมีเรื่องจะคุยกับคุณจริงๆ คุณให้โอกาสผมสักครั้งได้ไหม? ผมสัญญาว่าพูดจบแล้วผมจะไปทันทีแค่นี้ก็ช่วยกันไม่ได้เลยเหรอ ? ถือว่าผมขอร้องเถอะนะ!”จบประโยค น้ำเสียงของลี่หุยก็เต็มไปด้วยความผิดหวัง

ซูม่านลีมองไปยังลี่หุยที่ต้องการจะเข้ามาในบ้านให้ได้ นางก็ยิ่งสงสัยว่าเขาต้องมีแผนอะไรเป็นแน่ เธอก็โบกมือไล่“ ฉันว่าจะไม่เอ่ยปากไล่แล้วนะ แต่คุณก็ยังเอะอะโวยวายไม่เลิก ฉันก็ไม่รู้จะทำยังไงแล้วเหมือนกัน บอดี้การ์ดที่ยืนอยู่ตรงนั้นมาพาตัวเขาออกไปที!”

พอพูดจบ ก็ไม่ได้สนใจเสียงของลี่หุยอีก นางพาเจียงหยุนเอ๋อกลับเข้าไปในบ้านทันที และตัวลี่หุยเองก็ถูกบอดี้การ์ดหลายคนพาตัวออกจากบ้านพักไป

ชายหนุ่มถูกโยนลงไปกับพื้น ลี่หุยยืนขึ้นด้วยสภาพที่ทุลักทุเล ปัดเอาเศษสิ่งสกปรกที่ติดตามร่างกายออก จ้องมองไปยังแผ่นหลังของบอดี้การ์ดด้วยสีหน้าถมึงทึง แล้วถุยน้ำลายลงพื้น

คิดไปถึงท่าทางของเจียงหยุนเอ๋อกับซูม่านลีที่มีต่อเขา ในใจก็ทวีความโกรธมากขึ้นไปอีก

“เจียงหยุนเอ๋อ ในเมื่อเธอกล้าทำกับฉันแบบนี้ ก็อย่าหาว่าฉันใจดำก็แล้วกัน เรามาลองดูกันสักตั้ง! ไม่ช้าก็เร็วฉันจะให้เธอได้ลิ้มรสชาติของการที่เธอทำกับฉันแบบนี้ !” ด้วยน้ำเสียงที่เยือกเย็น เขาหันหลังแล้วก็เดินจากไป

เจียงหยุนเอ๋อที่เดินตามซูม่านลีเข้ามายังห้องนั่งเล่นและยังคงคิดเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อครู่นี้ ซูม่านลีดูออกว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่ ก็เอ่ยพูดขึ้นด้วยเสียงเรียบนิ่งไปว่า:“ลูกยังคิดเรื่องของลี่หุยอยู่ใช่ไหม ? ก็เพราะลูกใจอ่อนแบบนี้ยังไงละ ลี่หุยเขาไม่ใช่คนดีอะไร คนแบบนี้อยู่ให้ห่างเอาไว้เป็นดีที่สุด!”

“และเราก็ไม่รู้ว่าเขาจะทำอะไรลับหลังเราบ้าง ตอนนี้ลูกก็ยังท้องอยู่ด้วย ระมัดระวังเอาไว้เป็นดีที่สุด เพราะฉะนั้นอย่าคิดมาก หากเขามีชีวิตอยู่ต่อไปไม่ได้แล้วจริงๆ นั้นก็เป็นเรื่องของเขาไม่เกี่ยวกับเรา ”

เจียงหยุนเอ๋อรู้ว่าที่ซูม่านลีพูดนั้นก็เพราะเป็นห่วงและหวังดีกับเธอ เธอขมวดคิ้ว แล้วพยักหน้ารับ

……

หลังจากที่ลี่หุยจากไปได้ไม่นาน ก็มีหญิงสาวคนหนึ่งปรากฏตัวขึ้น เธอมองไปยังทิศทางที่ลี่หุยเดินจากไป แล้วหันกลับไปมองวิลล่าที่ลี่จุนถิงกับเจียงหยุนเอ๋ออาศัยอยู่ ถอดถอนหายใจออกมา

ช่วงนี้มีเรื่องเกิดขึ้นมากมาย และที่บ้านก็ยุ่งวุ่นวายไปหมด ลี่จีถองขมวดคิ้ว เธอไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น เพียงแต่บังเอิญมาเจอเข้ากับลี่หุย ก็เลยสะกดรอยตามจนมาถึงที่นี่

ไม่คิดว่าที่นี่จะเป็นที่พักอาศัยของลี่จุนถิงกับเจียงหยุนเอ๋อ

ตั้งแต่เกิดเรื่องขึ้นในโรงพยาบาลคราวนั้น ลี่จุนถิงก็ระวังตัวมากขึ้น เพื่อป้องกันอันตรายที่จะเกิดขึ้นกับเจียงหยุนเอ๋อ เขาพาหญิงสาวย้ายออกจากคฤหาสน์ และพยายามที่จะซ่อนตัวจากลี่จีถอง

หากวันนี้ไม่ได้เจอเข้ากับลี่หุย เธอคงไม่รู้ที่อยู่ของเจียงหยุนเอ๋อเป็นแน่

ลมเย็นพัดผ่านมา ลี่จีถองก็มองดูบ้านพักที่สูงตระหง่าน จ้องมองด้วยสายตาที่แปลกไป จากนั้นสวมใส่หน้ากากแล้วเดินออกจากบริเวณนั้นทันที

เรื่องที่เธอออกจากคุก ลี่จุนถิงคงยังไม่รู้เรื่อง หากชายหนุ่มรู้ว่าเธอมาโผล่อยู่ที่นี่ คงคิดว่าเธอมีแผนชั่วอะไรอีกเป็นแน่

บอดี้การ์ดยังคงยืนทำหน้าที่อยู่ตรงหน้าประตู พวกเขาไม่ได้สังเกตเห็นความผิดปกติที่เกิดขึ้น สถานการณ์เป็นไปด้วยความเรียบร้อย และทุกอย่างก็กลับมาเงียบสงบอีกครั้ง