ตั้งแต่ที่ลี่จีถองออกมาจากคุก เธอก็คิดมาโดยตลอดว่าใครกันที่เป็นคนช่วยเธอออกมา ไม่นานเธอก็ได้คำตอบ ทุกอย่างเป็นเพราะส้งหวั่นหวั่นกับ Anthonyที่ช่วยเธอออกมา

เดินทีตั้งใจจะไปหาส้งหวั่นหวั่น แต่ก็ได้ข่าวมาว่าส้งหวั่นหวั่นถูกลี่จุนถิงจับตัวส่งเข้าคุกไปแล้ว และ Anthony เองก็ถูกลี่จุนถิงทำร้ายร่างกายจนพิการ ชั่วขณะหนึ่งก็รู้สึกปลงตก

ในตอนที่อยู่ในคุกทำให้เธอได้คิดอะไรมากมาย ที่ทำให้เรื่องราวต่างๆต้องกลายมาเป็นแบบนี้ ก็เพียงเพราะเธอประเมินสถานะความสำคัญของเจียงหยุนเอ๋อที่มีต่อลี่จุนถิงต่ำไป ไม่คิดว่าเจียงหยุนเอ๋อที่ดูอ่อนแอนี้ จะมีอิทธิพลกับลี่จุนถิงได้มากมายขนาดนั้น มันช่างเหลือเชื่อจริงๆ

เธอถอนหายใจเบาๆ ลี่จีถองลุกยืนขึ้น เพราะส้งหวั่นหวั่นเป็นคนช่วยเหลือเธอออกมา เธอก็ควรที่จะไปเยี่ยมหญิงสาวสักหน่อย และดูสถานะความเป็นอยู่ของเธอด้วย

เพราะชีวิตในคุกนั้นช่างยากลำบากนัก ส้งหวั่นหวั่นเองถูกเลี้ยงดูแบบตามใจมาตั้งแต่เด็ก คงทนต่อคำพูดดูถูกเหยียดหยามประณามไม่ได้ และไม่รู้ว่าตอนนี้เธอจะเป็นอย่างไรบ้าง

……

ณ ตระกูลลี่

เรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้เข้าหูของลี่จุนถิงอย่างรวดเร็ว เขาเดินเข้ามาด้วยสีหน้าท่าทางที่เคร่งขรึม เมื่อเห็นเจียงหยุนเอ๋อที่กำลังตั้งอกตั้งใจดูหนังสืออยู่ สีหน้าเขาก็คลายกังวลลง เผยรอยยิ้มขึ้นมาเล็กน้อย แล้วก็เดินเข้ามาหาหญิงสาวตรงหน้า

“วันนี้ลูกเป็นยังไงบ้าง ? มีพัฒนาการอะไรบ้างไหม ?”

ทันทีที่เสียงของลี่จุนถิงดังมาจากด้านหลัง เจียงหยุนเอ๋อก็เงยหน้าขึ้นมองด้วยความตกใจ “วันนี้ทำไมคุณกลับมาเร็วจัง ฉันนึกว่าตัวเองหูแว่วไปเสียอีก!ลูกก็ปรกติดีค่ะ มีแม่ของฉันคอยบังคับให้ฉันกินน้ำซุปเพื่อบำรุงอยู่ตลอดเวลาแบบนี้ จะมีอะไรเกิดขึ้นได้อีกละคะ?”

ลี่จุนถิงพยักหน้าเล็กน้อย “มีแม่อยู่ด้วยผมก็สบายใจ และเรื่องที่ลี่หุยมาวันนี้ผมรู้เรื่องแล้วนะ ต่อไปคุณอย่าออกไปโดยพลการแบบนั้นอีก วันนี้ที่ไม่ได้ให้เขาเข้ามาในบ้าน คุณทำถูกแล้ว ไม่อย่างนั้นผมไม่อยากจะคิดเลยว่าจะเกิดอะไรขึ้น !”

พอได้ฟังในสิ่งที่ลี่จุนถิงพูด เจียงหยุนเอ๋อก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย เธอไม่คิดว่าเรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้จะเข้าหูของลี่จุนถิงไปได้ “ฉันไม่คิดว่าลี่หุยจะตามมาถึงที่นี่ได้ แล้วฉันเองก็เอ่ยปากไล่เขาไปแล้วแต่เขาก็ไม่ยอมไป สุดท้ายก็เป็นแม่ที่ให้บอดี้การ์ดมาเอาตัวเขาออกไป เขาถึงยอมไป ไม่รู้จะพูดยังไงแล้วเหมือนกัน !”

“ยังไงก็จำเอาไว้ ลี่หุยเป็นคนมีใจทะเยอทะยาน เวลาที่ผมไม่อยู่คุณต้องระวังตัวให้มากขึ้น พยายามอย่าพูดคุยหรืออยู่ใกล้กับลี่หุยให้มากนัก ไม่รู้เกิดบ้าขึ้นมาจะทำอะไรได้บ้าง !”ลี่จุนถิงดึงเจียงหยุนเอ๋อเข้ามาในอ้อมกอด เอ่ยพูดเสียงเบา

รับรู้ถึงความมาดแมนเป็นสุภาพบุรุษของชายที่อยู่ตรงหน้า หญิงสาวก็หัวเราะออกมาเบา ๆ “รู้แล้วค่ะ ฉันรู้ว่าคุณเป็นห่วง คำพูดพวกนี้คุณพูดมันซ้ำๆ จนฉันจำได้ขึ้นใจแล้ว!คุณสบายใจเถอะ ฉันจะดูแลตัวเองให้ดี และจะระวังตัวให้มากรักษาระยะห่างกับลี่หุย แบบนี้พอจะทำให้คุณรู้สึกดีขึ้นมาได้บ้างหรือยังคะ?”

ลี่จุนถิงพยักหน้าเบา ๆ และไม่ได้พูดอะไรออกไปชายหนุ่มยังคงซึมซับอ้อมกอดที่อบอุ่น

เมื่อเห็นทั้งสองคนกำลังกอดกันอยู่ ซูม่านลีก็ยิ้มอย่างพึงพอใจ และเมื่อเห็นว่าเจียงหยุนเอ๋อมีชีวิตที่มีความสุขแล้ว เธอก็พลอยจะมีความสุขไปด้วย

……

ณ เรือนจำ

เมื่อเห็นสภาพที่อิดโรยของส้งหวั่นหวั่น ลี่จีถองก็ขมวดคิ้ว เธอไม่คิดว่าส้งหวั่นหวั่นจะมีสภาพอย่างทุกวันนี้ไปได้ ส้งหวั่นหวั่นคนเก่าที่งดงามมีสง่าราศี มีชายหนุ่มมากมายต่างหมายปอง แต่ตอนนี้กลับมีสภาพที่น่าอเนจอนาถยิ่งนัก

ในตอนแรกส้งหวั่นหวั่นรู้สึกแปลกใจอยู่ไม่น้อยที่มีคนมาเยี่ยม แต่เมื่อเห็นลี่จีถองที่นั่งอยู่ตรงหน้า ดวงตาที่สิ้นหวังกลับมีประกายขึ้นมาทันที อาการตื่นเต้นดีใจปรากฏบนใบหน้าอย่างเห็นได้ชัด

ทันทีที่นั่งลง ส้งหวั่นหวั่นแทบจะรอไม่ไหวเริ่มเอ่ยพูดไปทันทีว่า “คุณป้า ในที่สุดคุณป้าก็มาซะที! ป้าต้องช่วยหนูนะ หนูไม่อยากอยู่ที่นี่ต่อไปแล้ว ที่นี่มันน่ากลัว และคนเหล่านี้ก็น่ากลัวเช่นกัน ขืนต้องอยู่ต่อ หนูมีหวังต้องเป็นบ้าแน่ๆ !”

ตั้งแต่ที่เข้ามาอยู่ในคุกนี้ ทุกวันของส้งหวั่นหวั่นเหมือนเดินอยู่บนแผ่นน้ำแข็งบางๆ

เพราะเธอเพิ่งเข้ามาใหม่ และหยิ่งยโสมองไม่เห็นคนอื่นๆในสายตา ทำให้คนในคุกนี้รู้สึกไม่พอใจเธอเป็นอย่างมาก และคอยแต่จะเยาะเย้ยถากถางเธอ จนบางครั้งก็ถึงขั้นลงไม่ลงมือกับเธอ

ส้งหวั่นหวั่นที่ไม่เคยพบเจอกับเรื่องแบบนี้มาก่อนทนกับสภาพแบบนี้ไม่ได้ เธอพยายามที่จะอดทนไม่ตอบโต้ แต่ผู้หญิงตัวเล็กๆคนหนึ่งจะไปสู้อะไรกับพวกเขาเหล่านั้นได้ ? และสุดท้ายก็ไม่พ้นถูกรังแกและเพิกเฉยเย็นชาจากกลุ่มคนเหล่านั้น

และตำรวจเองก็มักจะเมินเฉยกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ปล่อยให้พวกเขารังแกส้งหวั่นหวั่น และแน่นอนว่า ตัวส้งหวั่นหวั่นเองก็รู้ดี ทุกอย่างล้วนเป็นเพราะคำสั่งของลี่จุนถิง และเธอเองก็ทำอะไรไม่ได้

จากที่เคยสิ้นหวัง แต่เพราะการมาของลี่จีถองทำให้เกิดมีความหวังขึ้นมาอีกครั้ง

เมื่อเห็นสายตาที่มีความหวังของส้งหวั่นหวั่น ลี่จีถองก็เอ่ยพูดจุดประสงค์ของตัวเอง แต่เมื่อคิดถึงสภาพการณ์ในตอนนี้ เธอก็ทำได้เพียงกัดฟันแน่น แล้วพูดไปว่า “หวั่นหวั่น ไม่ใช่ไม่อยากจะช่วย แต่เพราะไม่รู้จะช่วยยังไงได้ เธอเองก็รู้ว่าลี่จุนถิงมีอิทธิพลมากแค่ไหน”

พอได้ฟังที่ลี่จีถองพูด ความหวังของส้งหวั่นหวั่นก็พังทลายลงในทันที เธอพูดอย่างมีความหวังไปว่า “คุณป้า ป้าเป็นญาติผู้ใหญ่ของเขา ต้องทำได้แน่ ไม่อย่างนั้นป้าลองไปขอให้คุณปู่ช่วยอีกแรง หากคุณปู่เอ่ยปากยังไงลี่จุนถิงก็ต้องฟัง!”

“หวั่นหวั่น ตอนนี้ที่ตระกูลลี่มีเพียงจุนถิงเท่านั้นที่มีอำนาจสูงสุด ท่านปู่เองก็เชื่อมั่นและไว้วางใจในตัวเขามาก และครั้งนี้หนูทำจุนถิงโกรธจริงๆ ดูท่าแล้วเขาคงจะไม่ปล่อยหนูออกไปง่ายๆเป็นแน่ อดทนไปก่อนนะ!” ลี่จีถองถอนหายใจ เอ่ยพูดเสียงเบา

“ลี่จีถอง ฉันไม่คิดว่าคุณจะเนรคุณได้ถึงเพียงนี้!คุณลืมไปแล้วเหรอว่าใครที่เป็นคนช่วยคุณออกมา ? ตอนนี้ฉันต้องการความช่วยเหลือจากคุณ คุณกลับนิ่งดูดาย ฉันผิดหวังในตัวคุณจริงๆ ! หากรู้อย่างนี้ฉันไม่ควรจะช่วยคุณออกมาตั้งแต่ทีแรก น่าจะปล่อยให้คุณอยู่ในนั้น!”ส้งหวั่นหวั่นตะโกนร้องออกมาเสียงดัง มีท่าทีดุร้ายขึ้นมาทันที

เมื่อได้ยินที่เธอพูด ลี่จีถองนิ่งไป แล้วเอ่ยพูดว่า “เรื่องที่คุณช่วยเหลือฉัน ฉันซาบซึ้งใจเป็นอย่างมาก และต้องขอบคุณ แต่สิ่งที่ฉันพูดในตอนนี้มันเป็นเรื่องจริง ฉันอยากจะช่วยเหลือคุณ แต่ฉันไม่มีความสามารถขนาดนั้น ต้องขอโทษด้วยจริงๆ”

“ฉันไม่อยากฟังคำพูดไร้สาระเหล่านี้ ไม่มาช่วยฉันแล้ววันนี้คุณมาทำไม ? มาดูสารรูปฉันเหรอ?” ส้งหวั่นหวั่นตบมือไปที่โต๊ะอย่างแรง กำลังจะกระโจนเข้าใส่แต่ก็ถูกตำรวจที่ยืนอยู่ด้านหลังลากให้นั่งลง

เมื่อรู้ว่าส้งหวั่นหวั่นมีอารมณ์แปรปรวน ลี่จีถองก็ไม่อยากจะชักสีหน้ากับเธอในตอนนี้ เธอลุกขึ้นยืนอย่างช้าๆ “วันนี้ที่มาก็เพื่อมาดูว่าคุณเป็นยังไงบ้าง ในเมื่อคุณไม่อยากเจอฉัน งั้นฉันก็ขอตัวกลับก่อน แล้วจะมาเยี่ยมคุณอีก คุณก็ดูแลตัวเองด้วยแล้วกัน !”

หลังจากที่พูดจบ เธอมองไปยังส้งหวั่นหวั่น แล้วก้าวเดินออกไปอย่างรวดเร็ว ด้านหลังมีเสียงตะโกนร้องของส้งหวั่นหวั่นตามมา ดังก้องอยู่ในหู ทำให้เธอต้องเร่งฝีเท้าขึ้นอีก แล้วออกจากสถานที่กักกันไปอย่างรวดเร็ว