ตอนที่ 336 ไปสู่สวรรค์! (2)

“เฮ้ อย่าพูดถึงเลย!”

แม่ทัพสวรรค์ถอนหายใจแล้วกล่าวว่า “ชายข้างนอกผู้นี้เป็นคนลุ่มหลงในความรัก เพราะเขาได้เห็นเทพธิดาแห่งสระหยกในศาลสวรรค์ของเรา แล้วตกหลุมรัก จึงต้องมาขอเข้าร่วมกับศาลสวรรค์ พอเหล่าพี่น้องไม่ยอมให้เข้า เขาก็เลยนอนลงที่นี่ แล้วทำตัวไร้ยางอาย!”

ร่างจำแลงขององค์เง็กเซียนพลันรู้สึกขบขันเช่นกัน “แล้วเขาสนใจเทพธิดาคนใดอยู่หรือ?”

แม่ทัพสวรรค์กล่าวผ่านการส่งข้อความเสียงไปว่า “เป็นเทพธิดาจ้างเติงที่รับใช้เบื้องหน้าหวังหมู่เหนียงเหนียง[1] ในช่วงร้อยปีที่ผ่านมา มีเพียงเทพธิดาผู้นี้เท่านั้นที่เข้าออกผ่านประตูบูรพา”

องค์เง็กเซียนพยักหน้าเบาๆ และกล่าวว่า “แล้วไยไม่ไล่เขาออกไปเล่า?”

“นี่” แม่ทัพสวรรค์ฝืนยิ้มขมขื่นและกล่าวว่า “เมื่อหมื่นปีก่อน มีคำสั่งจากหอทงหมิงว่า หากมีผู้ใดอยากเข้าเป็นทหารในศาลสวรรค์ ให้นำคนผู้นี้ไปที่ หอทหารเพื่อพิจารณาทดสอบขอรับ

ดังนั้น ตามระเบียบก็คือ เราควรปล่อยให้เขาเข้าไป

แต่เขามีแรงจูงใจไม่บริสุทธิ์และเราก็ไม่รู้ที่มาของเขา เมื่อเป็นเช่นนี้ เราจึงไม่แน่ใจว่าจะไล่หรือปล่อยเขาไปดี”

ร่างจำแลงขององค์เง็กเซียนครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วยิ้ม

“เรื่องนี้จัดการได้ไม่ยาก เจ้าพาเขาไปที่หอทหารเพื่อทดสอบก่อน แล้วค่อยปล่อยให้เขาเป็นทหารสวรรค์หรือแม่ทัพสวรรค์ จากนั้นเขาจะต้องปฏิบัติตามกฎแห่งสวรรค์

หากเขากล้าล่วงเกินเทพธิดาแห่งสระหยก เจ้าก็ทำลายฐานพลังของเขาทันทีแล้วลดระดับเขาไปสู่โลกมนุษย์ ดีหรือไม่?”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ เปี้ยนจวงที่นอนอยู่บนพื้นก็ตัวสั่นเทา เขาลืมตาแล้วจ้องไปที่ร่างจำแลงขององค์เง็กเซียนทันที

“เจ้า เจ้าโหดร้ายถึงเพียงนี้ได้อย่างไรกัน?”

ดวงตาของแม่ทัพสวรรค์เหล่านั้นพลันสาดแสงจ้า พวกเขาแต่ละคนล้วนเดินไปข้างหน้าด้วยรอยยิ้มแล้วถามเปี้ยนจวงว่า เขาต้องการเข้าร่วมกับศาลสวรรค์หรือไม่…

เมื่อเห็นเช่นนี้ ร่างจำแลงขององค์เง็กเซียนก็ส่ายศีรษะเบาๆ แล้วลอยร่างเข้าไป

ที่เขากล่าวไปเมื่อครู่นี้ก็เพียงเพื่อทำให้คนภายนอกตกใจกลัว

เปี้ยนจวงหลงใหลเทพธิดาและตัดสินใจมาที่ศาลสวรรค์ เขาอยู่ที่ประตูบูรพาและไม่ยอมจากไป ไม่จำเป็นต้องลงโทษเขา พวกเขาก็สามารถทำให้ร่างกายของเขาเจ็บปวดได้

แม้ศาลสวรรค์จะขาดทหารและแม่ทัพใหญ่ แต่ก็ไม่ต้องการคนเช่นเขา เมื่อมองแวบแรก ก็รู้ว่า เขาเป็นเด็กเอาแต่ใจนิสัยเสียของขั้วอำนาจบางแห่งของโลกบรรพกาล

กล่าวถึงเรื่องนี้อีกครั้ง…

เมื่อไม่กี่วันก่อน มีพวกแม่ทัพสองสามคนไม่ได้ตรวจสอบตัวตนและแผ่นป้ายของเขา แล้วปล่อยให้เขาเข้าไปข้างในได้ง่ายๆ ทันที

ว้าว ทุกคนจะถูกหักบุญไปสามร้อยปี

ในห้องลับใต้ดินแห่งยอดเขาหยกน้อย

“สามปี ไม่นานเกินไป แต่ก็ไม่สั้นเกินไป”

หลี่ฉางโซ่วพึมพำแล้วควานหาถุงเก็บสมบัติที่ข้อมือของเขาอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะหยิบผ้ากองหนึ่งออกมา

ก่อนหน้านี้ ยอดเขาหยกน้อยเคยสุดแสนอัตคัตมาก่อน มีการใช้ทรัพยากรเพียงเล็กน้อยในการฝึกบำเพ็ญและไพ่ไม้ตาย หลายครั้งที่พวกเขาใช้หนังสัตว์ถูกๆ และม้วนไม้ไผ่เพื่อเขียนบันทึกลงไป

หลี่ฉางโซ่วไม่ยอมให้หลิงเอ๋อร์ประหยัดเลยเพราะเขาไม่อยากให้นางต้องทนลำบากทุกข์ยากกับเขา เขาต้องการมอบทรัพยากรทั้งหมดให้นาง

เวลานี้ ยอดเขาหยกน้อยแทบจะอยู่ในระดับ “กองกำลังที่มั่งคั่งแห่งโลกบรรพกาล” และสามารถใช้ยันต์ผ้ายันต์หยกได้

หลังจากย้ายกองผ้าออกแล้ว หลี่ฉางโซ่วก็ย้ายอีกกองหนึ่งออกไป และทำซ้ำหลาย ๆ ครั้ง จากนั้นก็ปูผ้าเหล่านี้ลงบนพื้นตามลำดับของมัน…

ทันใดนั้น แผนที่ความคิด[2]ที่หนาแน่นก็ปรากฏขึ้นต่อหน้าของหลี่ฉางโซ่ว

นั่นเป็นส่วนหนึ่งของแผนเล็กๆ นั้น

หลี่ฉางโซ่วได้วางกลยุทธ์ไว้เป็นเวลานานว่าจะใช้ ‘พระราชโองการจากศาลสวรรค์และแต่งตั้งเทพแห่งท้องทะเลเข้าสู่ศาลสวรรค์’ เพื่อทำสิ่งต่าง ๆ และเวลานี้ เขากำลังรอคอยพระราชโองการขององค์เง็กเซียน

นั่นเป็นขั้นตอนหนึ่งที่สำคัญเช่นกันในการนำเผ่ามังกรเข้าสู่ศาลสวรรค์ เขาต้องเชิญเผ่ามังกรให้เข้าร่วมพิธี เขาอยากให้เผ่ามังกรเห็นประโยชน์ของศาลสวรรค์ ต้องให้ได้เห็นพลังบุญด้วยตาเปล่าและนั่นย่อมจะส่งผลต่อเผ่ามังกร

เขายังต้องใส่ใจด้วยว่า เรื่องนี้จะเปิดเผยหรือไม่ว่าเขาอยู่ที่ใด เพราะในท้ายที่สุดแล้ว ตำแหน่งเทพก็ไม่อาจมอบให้กับตุ๊กตา กระดาษจำลองมนุษย์ เต๋าสวรรค์ย่อมต้องลงมาบนร่างของเขาเอง

นี่ยังเป็นครั้งแรกที่เขาได้เป็นเทพผู้ชอบธรรม ซึ่งเขาไม่มีประสบการณ์มาก่อน

นอกจากนี้ หลี่ฉางโซ่วยังมีอะไรให้ต้องพิจารณาเพิ่มเติมอีกมาก…

ในระดับกลยุทธ์ เขาต้องอวดประโคมตัวเองให้เด่นดังอลังการ เผยพลังและความสามารถออกมา ทว่าในระดับยุทธวิธีแล้ว เขายังต้องมั่นคงและมั่นคง แสวงหาผลประโยชน์บนการเติบโตที่เสถียรมั่นคง

เขาต้องฉวยโอกาสนี้ สนับสนุนความยิ่งใหญ่ของศาลสวรรค์และเพิ่มการปรากฏตัวของศาลสวรรค์เพื่อเน้นถึงการดำรงอยู่ของศาลสวรรค์ในโลกบรรพกาลต่อไป

และหากจัดการได้เรียบร้อยดี ก็ยังใช้ประโยชน์จากสถานการณ์ในสถานที่ต่างๆ เพื่อเสริมสร้างอิทธิพลของเทพแห่งท้องทะเลทักษิณให้ยืนหยัดได้อย่างแข็งแกร่งต่อไป

ไม่จำเป็นต้องมีคนมากเกินไปในภายหลัง ปริมาณย่อมเพียงพอ

ในรายชื่อของแขกผู้เข้าร่วมประชุมเบื้องต้น ต้องมีแม่ทัพตงมู่เพื่อเป็นตัวแทนของศาลสวรรค์

ต้องมีทหารและแม่ทัพสวรรค์มากพอที่จะเพิ่มพลังของศาลสวรรค์ เพื่อให้ผู้คนรู้สึกได้ว่า ‘ศาลสวรรค์ได้พัฒนาไปแล้วเงียบๆ’

ส่วนเผ่ามังกร ก็ต้องมีอ๋าวอี่ด้วย และยิ่งสามารถเชิญบรรดาปรมาจารย์เผ่ามังกรมาได้มากเท่าใดก็ยิ่งดีมากเท่านั้น แต่เขาต้องระวังสายลับที่สำนักบำเพ็ญประจิมได้วางเอาไว้ด้วย

สำหรับสามสำนักบำเพ็ญเต๋า เขาสามารถเชิญผู้ฝึกบำเพ็ญของเกาะเต่าทอง เช่น เทพธิดาจินกวง พวกเขามีสถานะสูงในสำนักบำเพ็ญเต๋าเจี๋ย และมีปฏิสัมพันธ์กับเขาอยู่บ้าง พวกเขาจึงเป็นทางเลือกที่ดีทีเดียว

ส่วนสำนักบำเพ็ญเต๋าฉาน เพียงเชิญปรมาจารย์หวงหลงมาคนเดียวก็พอและยังฉวยโอกาสนี้ในการเสริมสร้างความสัมพันธ์ระหว่างปรมาจารย์หวงหลงและเผ่ามังกรให้ดีขึ้น

ไม่เหมาะที่จะให้ปรมาจารย์อย่างลุงจ้าว เทพธิดาอวิ๋นเซียว และปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ปรากฏตัวในโอกาสเช่นนี้ สถานะของเทพแห่งท้องทะเลทักษิณ ยังไม่คู่ควรจะขอให้ปรมาจารย์เช่นนี้มาชมพิธี

มันดีกว่าอะไรทั้งนั้นแล้ว

หลี่ฉางโซ่วรีบนั่งขัดสมาธิบนพื้นอย่างรวดเร็ว แล้วจ้องมองไปที่ผ้าที่อยู่ข้างหน้าเขาพลางงอนิ้วแล้วจุ่มลงไปในหมึก จากนั้นเขาก็เริ่มเขียนและวาดลงไปบนผ้า

“ข้าจะลองอีกครั้ง จะไม่มีอะไรผิดพลาดในเรื่องนี้…”

หลี่ฉางโซ่วยุ่งอยู่ในห้องลับใต้ดินมาครึ่งปีแล้ว และเมื่อแน่ใจว่าไม่มีข้อบกพร่องที่สำคัญในแผนของเขาแล้ว เขาจึงเริ่มดำเนินการรอบด้านอย่างเต็มที่

อย่างแรกคือ การยืนยันกำหนดเวลาออกพระราชโองการจากศาลสวรรค์

หลี่ฉางโซ่วลงมือติดต่อแม่ทัพตงมู่ครั้งหนึ่งแล้วจดบันทึกในเรื่องนี้และคำตอบที่เขาได้รับก็คือ องค์เง็กเซียนปล่อยให้เขาทำโดยไม่มีข้อจำกัด

ในขณะนี้ พระราชโองการยังมีเวลาเหลืออีกราวสองปีห้าเดือนจึงจะเสร็จสมบูรณ์ เพื่อความปลอดภัย หลี่ฉางโซ่วจึงได้เลื่อนเวลาออกไปอีกครึ่งปี เป็นวันกำหนดที่ศาลสวรรค์จะออกพระราชโองการแห่งศาลสวรรค์

เหตุใดจึงเลื่อนเวลาออกไป…

จะเกิดอะไรขึ้น หากการส่งข้อมูลถึงเก้าสิบเก้าในร้อยส่วนแล้ว จู่ๆ ก็เกิดติดขัดขึ้นมากะทันหัน?

เขาเคยเจอเรื่องแบบนี้มาหลายครั้งในชีวิตชาติก่อน!

หลังจากนั้น หลี่ฉางโซ่วก็บอกเรื่องนี้กับอ๋าวอี่อย่างละเอียด

หากเทพแห่งท้องทะเลทักษิณมีตำแหน่งเทพผู้ชอบธรรม อ๋าวอี่ ในฐานะรองเจ้าสำนักและเป็นผู้พิทักษ์ใหญ่ ย่อมจะได้รับตำแหน่งเทพผู้ช่วยโดยปริยาย แม้จะเป็นเพียงระดับที่หกเท่านั้น แต่เขาก็ทำได้ แล้วยังได้รับบุญบริสุทธิ์และการคุ้มครองจากเต๋าสวรรค์

และนั่นน่าจะทำให้เผ่ามังกรตื่นเต้นทีเดียว

และหลี่ฉางโซ่วก็บอกอ๋าวอี่ซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่าเรื่องนี้ต้องระวังให้มากขึ้นและห้ามเปิดเผยล่วงหน้า

เพื่อไม่ให้สำนักบำเพ็ญประจิมมีโอกาสที่จะวางแผนสร้างปัญหาได้

นั่นคือการทดสอบความสามารถในการโป้ปดอย่างแนบเนียนของอ๋าวอี่

เผ่ามังกรอยู่ที่นี่เพื่อทำให้สถานการณ์โดยรวมมีเสถียรภาพ หลี่ฉางโซ่วใช้ตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์นักพรตเต๋าส่วนตัวเพื่อไปที่ถ้ำหมากู่แห่งภูเขาเอ้อร์เซียน ซึ่งเป็นถ้ำของหวงหลงเจินเหรินเพื่อเชิญหวงหลงเจินเหรินให้มาชมพิธีในวันนั้น

และหวงหลงเจินเหรินก็รับปากทันที

ส่วนเทพธิดาจินกวงนั้น เขาขอให้อ๋าวอี่ช่วยเชิญนางมาได้โดยที่เขาไม่จำเป็นต้องไปที่นั่นด้วยตนเอง

น่าเสียดายที่มีคนของสำนักบำเพ็ญเต๋าหยินไม่กี่คน แม้จอมปราชญ์เทพไท่ชิงจะมีศิษย์ในนามไม่มากนัก แต่หลี่ฉางโซ่วก็หาคนเหมาะสมที่จะเชิญมาไม่ได้

ข้าย่อมไม่อาจเชิญท่านผู้ก่อตั้งสำนัก ตู้เอ้อร์เจินเหรินมาได้ใช่หรือไม่?

เทพแห่งท้องทะเลทักษิณไม่รู้จักผู้ยิ่งใหญ่ท่านนี้เช่นกัน จึงไม่มีเหตุผลจะเชิญเขามาได้

“มีหวงหลงเจินเหรินคอยสนับสนุนเหตุการณ์นี้ ก็เกือบเพียงพอแล้ว ”

หลี่ฉางโซ่วถอนหายใจเบา ๆ และเริ่มเตรียมการอย่างหนัก

ทว่าสิ่งที่หลี่ฉางโซ่วไม่รู้ก็คือ…

บัดนี้ ลมในวังดุสิตพัดมาอีกครั้งแล้ว

………………………………………………………………..

[1] อีกพระนามที่ใช้เรียกขานเทพมารดาซีหวังหมู่

[2] คือ แผนผังแสดงการเชื่อมโยงความคิดที่หลากหลาย โดยแตกกิ่งก้านสาขาออกไปเรื่อย ๆ จากหัวข้อหลักและเขียนคำสำคัญเอาไว้บนเส้นแต่ละเส้นเพื่อให้เห็นความเชื่อมโยงของแนวคิด