ตอนที่ 337 คาดแล้วว่าต้องเป็นท่าน (1)

ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว

ตอนที่ 337 คาดแล้วว่าต้องเป็นท่าน (1)

เกิดอันใดขึ้น?

ใต้ต้นไม้ในสวนด้านหลังของวังดุสิต ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่เสวียนตูซึ่งกำลังนั่งสมาธิ หลับตา ค่อยๆ ลืมตาขึ้น พร้อมด้วยดวงตาที่ฉายแววอับจนหนทาง

ท่านอาจารย์จัดการให้อีกแล้ว

ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่เสวียนตูคาดการณ์อย่างถี่ถ้วนและเข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นได้อย่างรวดเร็ว

“ช่างหายากได้นักที่ คราวนี้ข้าไม่ต้องต่อสู้ แค่เพียงไปช่วยเป็นแขกให้ฉางโซ่ว”

ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่เสวียนตูหัวเราะเบา ๆ แล้วหลับตาลงอีกครั้ง

เรื่องนี้ยังมีเวลาอีกสามปีหลังจากนี้ แต่ไม่ต้องห่วง แล้วไปนอนเถิด…แค่กๆ มาฝึกกันสักพัก

สองสามเดือนต่อมา

เกาะเต่าทอง

อ๋าวอี่ขี่เมฆออกจากถ้ำที่เขาและเจียงซื่อเอ๋อร์กำลังฝึกบำเพ็ญอยู่ แล้วบินเป็นครึ่งวงกลมไปตามขอบรอบเกาะเต่าทองก่อนจะร่อนลงหยุดที่ชายป่าดอกท้อ

เขาโค้งตัวไปข้างหน้าแล้วเงยหน้าขึ้นพลางเชิดหน้าอกขึ้นพร้อมเผยรอยยิ้มออกมาบนใบหน้าแล้วตะโกนว่า

“อ๋าวอี่ขอน้อมพบอาจารย์อาจินกวงขอรับ!”

“เอ๋?”

ทันใดนั้น ร่างงดงามสองร่างก็ปรากฏออกมา จากภายในป่าดอกท้อ ท่ามกลางดอกท้อเบ่งบาน

สองสาวเหล่านี้ คนหนึ่งสวมชุดกระโปรงสั้นสีเหลืองอ่อน นางมีร่างเล็กและโปร่งบาง ใบหน้าของนางมีเสน่ห์น่ารักและเต็มไปด้วยรอยยิ้ม ส่วนอีกคนหนึ่งก็สวมชุดกระโปรงยาวสีแดงเพลิง นางมีผิวขาวราวหิมะ และปกเสื้อของชุดกระโปรงยาวของนางดูเหมือนเปลวเพลิง ซึ่งทำให้รูปร่างของนางดูเพรียวบางยิ่งขึ้น

อ๋าวอี่นึกขึ้นในใจและรู้ว่า ผู้ที่สวมชุดกระโปรงยาวสีแดงเพลิงคือใคร จึงรีบกล่าวว่า “อ๋าวอี่ขอน้อมพบกับอาจารย์อาจินกวงและศิษย์พี่หญิงหั่วหลิงขอรับ”

เทพธิดาวิญญาณเพลิง หั่วหลิงถามเบาๆ ว่า “เจ้าคือ?”

เทพธิดาจินกวงยิ้มและกล่าวว่า “เขาคือ ศิษย์ของอู้หยุนเซียน อ๋าวอี่ องค์ชายรองแห่งวังมังกรทะเลบูรพา ”

“ข้าต้องขออภัยด้วย” เทพธิดาหั่วหลิงพยักหน้าพลางแย้มยิ้ม แล้วทำการคารวะเต๋าให้อ๋าวอี่

อ๋าวอี่ก็กลับคำนับคืนให้อีกครั้ง แน่นอนว่า เขาไม่อาจผิดมารยาทได้

เทพธิดาจินกวงถามว่า “อ๋าวอี่มีเรื่องใดกัน? เจ้าไม่เคยมาหาข้าที่นี่มาก่อน”

“ขอรับ” อ๋าวอี่ยิ้มและกล่าวว่า “หลังจากนี้อีกสองปี ในวันที่เก้าเดือนห้า สำนักเทพทะเลทักษิณจะจัดพิธีเทพทะเลในทะเลทักษิณ ศิษย์ยังเป็นผู้ที่ได้รับเครื่องหอมของสำนักเทพทะเลอีกด้วย

ศิษย์พี่เจ้าสำนักของข้าอยากเชิญเซียนของสำนักบำเพ็ญเต๋าเจี๋ยมาชมงานพิธี เดิมที เขาอยากเชิญปรมาจารย์จ้าวกงหมิง แต่มันจะเป็นการรบกวนปรมาจารย์จ้าวกงหมิงด้วยเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ของสำนักเทพทะเล

ดังนั้นท่านเจ้าสำนักจึงขอให้ข้าเชิญท่านอาจารย์อาจินกวงเพื่อดูว่าท่านจะมีเวลาแวะไปเยี่ยมชมหรือไม่ขอรับ ”

เทพธิดาจินกวงยิ้มและกล่าวว่า “เรื่องแค่นี้เองหรือ? เช่นนั้น ข้าก็ตกลง โอ น้องหั่วหลิง เจ้าอยากจะไปด้วยกันหรือไม่? เทพแห่งท้องทะเลนั้น หาใช่คนธรรมดาไม่ ครั้งนี้ ข้าจะแนะนำเขาให้เจ้ารู้จักเขาในครั้งนี้ เขาเป็นคนของสำนักบำเพ็ญเต๋าหยิน เขามีความสัมพันธ์ที่ดีกับศิษย์พี่ของเราสองสามคน เขามีความรู้และประสบการณ์เหนือสามัญและยังพูดจาไพเราะยิ่ง! ”

เทพธิดาวิญญาณเพลิงหั่วหลิงยิ้มบางพลางกล่าวเบา ๆ ว่า “ข้าไม่มีอะไรต้องทำ เช่นนั้น ข้าก็จะไปกับท่านอาจารย์อาในครั้งนี้”

“เรียกข้าว่าพี่สาวสิ! อาจารย์อาฟังดูชรามากไป!”

“เจ้าค่ะ เจ้าค่ะ พี่สาว”

อ๋าวอี่กะพริบตาและมองออกว่าทั้งสองสนิทสนมกันแ

เมื่อได้รับการยืนยันแล้วว่า เทพธิดาทั้งสองจะไปร่วมงาน อ๋าวอี่จึงให้รายละเอียดวันที่และที่อยู่ จากนั้นก็กล่าวคำอำลาแล้วขี่เมฆจากไป…

อ๋าวอี่ย่อมรู้เป็นธรรมดาว่า เทพธิดาหั่วหลิงได้รับการแนะนำก่อนหน้านี้ และนางก็ยังเป็นศิษย์สายตรงของนักพรตตั๋วเป่า ซึ่งเป็นศิษย์คนโตของสำนักบำเพ็ญเต๋าเจี๋ย จึงน่าจะถือได้ว่า นางเป็นศิษย์พี่หญิงอาวุโสที่สุดในสามรุ่นของสำนักบำเพ็ญเต๋าเจี๋ยอีกด้วย

ในด้านหนึ่งนั้น ศิษย์สายตรงของจอมปราชญ์ จะสำคัญว่าศิษย์รุ่นที่สอง อย่างเช่น เทพธิดาจินกวงซึ่งเป็นศิษย์สายตรงผู้หนึ่ง

บัดนี้ เมื่อมีเทพธิดาอีกคนหนึ่งจะไปชมพิธีด้วย เขาก็ควรแจ้งเรื่องนี้ให้ศิษย์พี่เจ้าสำนักได้รับรู้ทันที

อ๋าวอี่ขี่เมฆกลับไปที่ถ้ำของเขาบนเกาะเต่าทอง เมื่อเห็นว่า เจียงซื่อเอ๋อร์ ภรรยาของเขายังคงนอนหลับอยู่ เขาจึงนั่งสมาธิบนเตียง แล้วเริ่มสื่อสารกับเจ้าสำนักผ่านเจตจำนงวิญญาณ…

หลังจากนั้นไม่นาน

“เทพธิดาวิญญาณเพลิงหั่วหลิง?”

ในห้องลับใต้ดินของยอดเขาหยกน้อย ขณะนี้ หลี่ฉางโซ่วพึมพำกับตัวเองเบาๆ เขารู้สึกว่าไม่ใช่ปัญหาใหญ่

ในบรรดาเทพธิดาเหล่านี้ แน่นอนว่า เทพธิดาวิญญาณเพลิงหั่วหลิงและเทพธิดาจินกวงนั้น อยู่ในอันดับหลังๆ และหนึ่งหรือสองคนที่มาในนั้น ก็ไม่ได้มีผลกระทบมากนัก

แขกรับเชิญของสำนักบำเพ็ญเต๋าเจี๋ยได้รับการยืนยันแล้ว และเผ่ามังกรก็ส่งข้อความตอบกลับมาแล้วเมื่อสองสามวันก่อน ส่วนหวงหลงเจินเหรินก็รับปากมาด้วยตัวเองแล้ว…

โดยทั่วไป รายนามแขกผู้เข้าร่วมชมพิธีได้รับการยืนยันไว้เป็นส่วนใหญ่แล้ว

เพื่อลดความเป็นไปได้ที่จะดึงดูดให้สำนักบำเพ็ญประจิมมาสร้างปัญหา หลี่ฉางโซ่วและอ๋าวอี่จึงได้ประกาศต่อสาธารณชนว่า นี่คือ “พิธีสำนักเทพทะเล” ไม่ใช่ พิธีบูชาเทพแห่งท้องทะเล

ด้วยเหตุนี้ สำนักเทพทะเลจึงทำอย่างเปิดเผย และยังเป็นการแผ่ขยายชื่อเสียงและอิทธิพลกว้างขวางออกไปไกลในทางตอนใต้ของเมืองอันสุ่ยและชายฝั่งทะเลทักษิณจีนใต้…

และในเวลานั้น จะมีมนุษย์จำนวนมากมายมารวมตัวกันที่นี่ เพื่อเป็นสักขีพยานในช่วงสำคัญนี้

เวลานี้ สำนักเทพทะเลมีวิหารที่เป็นทางการมากกว่าสองหมื่นแห่ง และมีจำนวนสานุศิษย์ผู้ศรัทธามากมายนับไม่ถ้วน ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อพื้นที่ขนาดใหญ่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของดินแดนเทวะทักษิณ

กำลังคนและทรัพยากรต่างๆ ที่หลี่ฉางโซ่วสามารถสั่งระดมมาได้นั้น ไม่อาจประเมินต่ำเกินไปได้

ในครั้งนี้ หลี่ฉางโซ่วไม่ได้ระดมเหล่าสานุศิษย์ผู้ศรัทธาของเขามาเพื่อทำเรื่องน่าทึ่งอะไร แต่ได้จ้างช่างฝีมือมนุษย์จำนวนมากมาด้วยทรัพย์สินที่สำนักเทพทะเลเก็บสะสมเอาไว้

ช่างฝีมือเหล่านี้ได้รับแรงจูงใจด้วยผลประโยชน์ทำให้มีความกระตือรือร้นอย่างยิ่งเช่นกัน และการก่อสร้างโครงการจึงคืบหน้าไปได้รวดเร็วยิ่งมาก

เพียงแค่ผ่านไปครึ่งปี บัดนี้ สถานที่จัดงานพิธีใหญ่โตก็เป็นรูปเป็นร่างขึ้นมาแล้ว

‘รายได้’ จากเครื่องสักการะของสำนักเทพทะเลนั้นน่าทึ่งมาก นอกจากเพื่อรักษาการดำเนินงานตามปกติของสำนักเทพทะเล รางวัลที่มอบให้กับเหล่าทูตเทวะและผู้ดูแลวิหารแล้ว หลี่ฉางโซ่วจะจัดทรัพย์สินส่วนใหญ่เพื่อแจกจ่ายให้กับบรรดามนุษย์ที่ยากไร้และน่าสงสารภายในขอบเขตพื้นที่ของสำนักเทพทะเล

เขาไม่ต้องการ ‘ความมั่งคั่ง’ นี้เพื่อนำไปสนับสนุนการฝึกบำเพ็ญของเขา ซึ่งจะช่วยตัดกรรมของบุญเครื่องสักการะบางอย่างได้…

ทูตเทวะส่วนใหญ่จากหมู่บ้านสงรีบรุดมาที่เมืองอันสุ่ย ทุกคนล้วนง่วนกับงานที่ได้รับมอบหมายจากเทพแห่งท้องทะเล

ผู้พิทักษ์มังกรแท้ของเผ่ามังกรที่อยู่ในสำนักเทพทะเล ก็หาใช่เกียจคร้านเช่นกัน พวกเขารับผิดชอบในการขุดลอกทางน้ำ สร้างสิ่งอำนวยความสะดวกด้านการจัดการน้ำ และดูแลให้มั่นใจว่าสภาพอากาศในเมืองอันสุ่ยดีในช่วงสามปีที่ผ่านมา…

ด้วยวิธีนี้ เวลา สถานที่ที่เหมาะสม ล้วนมีอยู่

ด้วยเหตุนี้ เวลา สถานที่ที่เหมาะสม และผู้คนจึงล้วนได้รับการจัดเตรียมอยากพร้อมพรัก

พิธีใหญ่ในครั้งนี้ ถูกจัดเตรียมไว้และเผยแพร่ออกไปอย่างพิถีพิถัน และเป็นระบบระเบียบยิ่ง

หลี่ฉางโซ่วเองก็ไม่ได้อยู่เฉย

นอกเหนือจากการบรรยายให้หลิงเอ๋อร์ตรงเวลา บางครั้งก็ช่วยชี้แจงข้อสงสัยให้โหย่วฉินเสวียนหย่าและหยอกล้อกับอาจารย์อาน้อยเป็นครั้งคราวแล้ว เขาก็ระงับการหลอมโอสถและการสร้างค่ายกลเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับพิธีประกาศแต่งตั้งขึ้นเป็นเทพอย่างเต็มที่!

การกลายเป็นเทพผู้ชอบธรรมในศาลสวรรค์เป็นก้าวสำคัญอย่างยิ่งในชีวิตอมตะของเขา

เขาย่อมจะหลุดพ้นจากมหาทัณฑ์สวรรค์ปราบดาเทพในภายภาคหน้า ทั้งยังได้รับบุญจากเต๋าสวรรค์มากขึ้น ได้ใกล้ชิดวังดุสิตมากขึ้น และได้รับการคุ้มครองจากเต๋าสวรรค์

ยิ่งไปกว่านั้น…เมื่อเขากลายเป็นเทพผู้ชอบธรรมแห่งศาลสวรรค์แล้ว เขาก็ย่อมจะกลายเป็นคนของเต๋าสวรรค์ที่ปลอมตัวมาด้วย เช่นนั้นแล้ว สมเหตุสมผลหรือไม่ที่เต๋าสวรรค์ควรจะผ่อนปรนให้เขาบ้างในช่วงทัณฑ์สวรรค์เซียนจิน?

ล้อเล่นน่า ขำๆ

ทางแห่งสวรรค์ไม่ลำเอียง ไม่เห็นแก่ตัว มิใช่สิ่งมีชีวิต มิใช่เจตจำนงอันเรียบง่ายของฟ้าและดิน ไม่มีประตูหลังให้ผ่านไป

เต๋าสวรรค์ย่อมเป็นกลางและไม่เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตน มันมิใช่สิ่งมีชีวิตหรือเจตจำนงแห่งสวรรค์ละปฐพีที่เรียบง่าย และย่อมไม่มีประตูหลัง[1]ให้ผ่านไป

เพื่อจะเป็นเซียนจินให้ได้ เขายังต้องทุ่มเทพยายามด้วยตัวเอง

หากอยากได้รับผลเต๋าอายุยืน เขายังต้องผ่านความทุกข์ยากลำบากต่างๆ

หลี่ฉางโซ่วได้เตรียมพร้อมจิตใจในเรื่องนี้ไว้เพียงพอแล้ว

ยังมีเวลาเหลืออีกสองเดือนก่อนจะถึงพิธีสำนักเทพทะเล บัดนี้ ชายฝั่งทะเลทักษิณ เหมือนดั่งมีงานเทศกาลเกิดขึ้น

หากมองลงมาจากฟากฟ้า ก็ย่อมจะเห็นเหล่ามนุษย์มากมายกำลังเดินอยู่บนถนนและรีบเร่งไปทางใต้ของเมืองอันสุ่ยเพื่อสักการะเทพแห่งท้องทะเลอย่างแน่นอน

สถานที่จัดพิธีพร้อมแล้ว

แท่นสูงตั้งตระหง่านอยู่บนชายฝั่งทะเลทักษิณ พื้นที่ขนาดใหญ่ถูกแบ่งออกเป็นหลายร้อยส่วนพื้นที่ มีการเพิ่มรั้วและเครื่องกั้นในทั่วทุกที่เพื่อป้องกันเหตุการณ์แตกตื่นเมื่อมีมนุษย์จำนวนมากเกินไป

ศาลสวรรค์เตรียมพร้อมแล้ว

………………………………………………………………..

[1] การแอบใช้วิธีลับๆ ที่ไม่ถูกต้อง ไม่เป็นทางการโดยผ่านการเข้าหาคนที่อยู่ใกล้ชิดหรือคนที่เกี่ยวข้องกับผู้มีอำนาจโดยตรงเพื่อขอผลประโยชน์บางสิ่งบางอย่าง แทนที่จะไปหาผู้ที่มีอำนาจตรงๆ