ตอนที่ 338 คาดแล้วว่าต้องเป็นท่าน (2)

ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว

ตอนที่ 338 คาดแล้วว่าต้องเป็นท่าน (2)

ในเวลานี้ แม่ทัพตงมู่ได้รับพระราชโองการแล้ว และกำลังรออยู่ใกล้ประตูทักษิณพร้อมด้วยทหารสวรรค์นับหมื่นคน รอเพียงถึงเที่ยงวันของวันที่เก้าเดือนห้าเท่านั้น พวกเขาก็จะปรากฏตัวขึ้นอย่างอลังการ

คราวนี้ แนวคิดหลักในการปรากฏตัวของเหล่าทหารสวรรค์นั้นคือ ให้ ‘บรรเจิดเลิศหล้า’ เช่นนั้นแล้ว หลี่ฉางโซ่วจึงได้ออกแบบค่ายกลต่อสู้โดยใช้การกระทบแสงที่แตกต่างกันหลายชุด

นอกจากนี้ยังมีคณะที่มาร่วมแสดงความยินดีจากศาลสวรรค์ ซึ่งมีเทพเฒ่าจันทราเป็นผู้นำ และมีเหล่าเซียนอาวุโสกลุ่มหนึ่งจะลงมายังโลกมนุษย์เพื่อแสดงความยินดีเช่นกัน

ส่วนทางฝ่ายเผ่ามังกรนั้น จะเตรียมการด้านความมั่นคงปลอดภัยโดยทั่วไป

กลุ่มผู้ชมจากวังมังกรทั้งสี่คาบสมุทรก็เตรียมพร้อมแล้ว ซึ่งจะนำโดยสี่องค์ชายแห่งวังมังกรทั้งสี่คาบสมุทร พร้อมด้วยเหล่าผู้อาวุโสเผ่ามังกร บรรดาปรมาจารย์มังกรและผู้พิทักษ์มังกรสามร้อยคน และมีกองทัพทหารมังกรเซียนวารีหลายพันนายมาเป็นผู้พิทักษ์กองเกียรติยศ

นอกจากราชามังกรทั้งสี่คาบสมุทรแล้ว บรรดามังกรที่เหลือทั้งหมดล้วนไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในระหว่างพิธีเทพทะเลนี้

และคราวนี้ ส่วนใหญ่ก็เป็นการแสดงเพื่อให้พวกเขาเห็นเป็นหลัก

แขกคนอื่นๆ โดยพื้นฐานแล้ว ไม่มีปัญหา

เหตุใดเขาถึงกล่าวว่า ‘พื้นฐาน’?

หลี่ฉางโซ่วยังรู้สึกอับจนหนทางในเรื่องนี้

เมื่ออ๋าวอี่ไปเชิญเทพธิดาจินกวง เทพธิดาหั่วหลิงก็อยู่ข้างๆ นางด้วย ดังนั้นเขาจึงเชิญนางตามมาเข้าร่วมด้วย

แต่เขาไม่รู้ว่า เป็นเทพธิดาจินกวงที่ริเริ่มเชิญคนอื่นๆ หรือ เป็นเทพธิดาหั่วหลิงบอกเรื่องนี้กับใครบางคนที่นั่นไว้อีก จึงคาดว่า จะมีเซียนจากสำนักบำเพ็ญเต๋าเจี๋ยอีกหลายสิบคนมาร่วมรื่นเริง

หลี่ฉางโซ่วประเมินเสน่ห์ดึงดูดของเทพธิดาทั้งสองสำนักบำเพ็ญเต๋าเจี๋ยต่ำเกินไป โดยเฉพาะอิทธิพลเหนือบรรดาเซียนบุรุษ!

หลี่ฉางโซ่วยังต้องทุ่มเทความคิดในการป้องกันของพิธีนี้อย่างมาก

กองทัพตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์นักพรตเต๋าได้เตรียมการเอาไว้ก่อนล่วงหน้าแล้ว ซึ่งพวกเขาแต่ละคนล้วนมีถั่วเซียนจำนวนมาก

ทูตเทวะจากหมู่บ้านสงยังจัดตั้งหน่วยลาดตระเวนพิเศษอีกสองหน่วยมาดูแลรักษาความสงบเรียบร้อยโดยรอบพื้นที่ในวันนั้น และภายใต้การแนะแนวทางของหลี่ฉางโซ่ว พวกเขาได้จัดตั้งค่ายกลขนาดเล็ก ‘ปีศาจเทพสวรรค์เทียม’ เพียงเพื่อให้ผู้คนหวาดกลัวเท่านั้น

นั่นเป็นส่วนหนึ่งของแนวคิด “ข้าจะสำแดงพลังยิ่งใหญ่[1]” ที่หลี่ฉางโซ่วเคยคิดมาก่อนหน้านี้

หลี่ฉางโซ่วได้ตระเตรียมพร้อมในทุกสิ่งที่ต้องเตรียมสำหรับพิธีนี้แล้ว

แต่ในเวลานี้ หลี่ฉางโซ่วยังมีสองสิ่งในใจลึกๆ ที่เขายังไม่ได้ตัดสินใจ

ประการแรก ข้าควรเชิญผู้คนจากแดนยมโลกมาชมพิธี และใช้โอกาสนี้เพื่อให้แดนยมโลกได้สัมผัสถึงพลังอันยิ่งใหญ่แห่งศาลสวรรค์หรือไม่

ประการที่สอง ข้าควรไปรับรางวัลด้วยร่างจริงของข้าหรือไม่?

ปัญหาแรกนั้น จัดการได้ไม่ยาก

ก่อนหน้านี้เขาเคยคิดแผนเกี่ยวกับหัววัวในแดนยมโลกไว้ก่อนล่วงหน้าแล้ว เขาเพียงต้องมีเทียบเชิญและตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์เพื่อไปเชิญแขกจากแดนยมโลกที่มีความเป็นไปได้สูง

เหตุที่หลี่ฉางโซ่วลังเล ก็เพราะไม่อยากให้เรื่องเผ่ามังกรที่เดิมทีก็วุ่นวายอยู่แล้ว ต้องยิ่งยุ่งยากวุ่นวายมากขึ้นไปอีก

ครั้นเมื่อคิดทบทวนดูถ้วนถี่แล้ว หลี่ฉางโซ่วก็ตัดสินใจเชิญคนจากแดนยมโลกมาชมพิธี

เพราะอย่างไรเสีย เบื้องหลังของสำนักเทพทะเลทักษิณ ก็มีเผ่า ‘พ่อมด’ เป็นส่วนสำคัญเช่นกัน และการให้ผู้คนจากแดนยมโลกมาปรากฏตัว ก็ยังช่วยให้เผ่ามังกรมีจินตนาการเตลิดเปิดเปิงไปได้มากขึ้น

ทั้งยังช่วยให้เขาเปิดประตูการรับบุญของแดนยมโลกได้อีกด้วย

แต่ปัญหาที่สองนั้น เกี่ยวข้องกับชีวิตของเขาเอง หลี่ฉางโซ่วรู้สึกขัดแย้งในใจมาสองปีแล้ว และยังตัดสินใจไม่ได้เลย

หากร่างหลักของเขาออกไปโดยปราศจากการคุ้มครองจากปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่หรือเจดีย์น้อยคอยกำบัง… เขาย่อมรู้สึกไม่ปลอดภัย!

แต่หลี่ฉางโซ่วสังหรณ์ใจว่า เมื่อเขาได้รับตำแหน่งเทพแห่งศาลสวรรค์แล้ว ร่างหลักของเขาจะถูกเต๋าสวรรค์ตรึงเอาไว้อย่างแน่นอน

ในเวลานั้นตัวตนของเขาย่อมจะถูกเปิดเผยได้ง่ายมาก!

ยิ่งกว่านั้น หากเขาใช้ร่างจำแลงมารับรางวัลที่ศาลสวรรค์มอบให้ ก็ย่อมจะทำให้ผู้คนรู้สึกว่าเป็นการละเลยศาลสวรรค์ ซึ่งจะขัดกับเป้าประสงค์เดิมของพิธีการนี้

ยิ่งกว่านั้น องค์เง็กเซียนยังเป็นอีกผู้หนึ่งที่สามารถใช้ร่างจำแลงของเขาแอบสอดส่องและติดตามการดำรงอยู่ของแม่ทัพสวรรค์ได้…

บางทีข้าจะให้สมุดจดเล่มเล็กๆ แก่เขาสักเล่ม!

หากไม่ใช้ร่างหลักไป ก็ไม่เหมาะสมจริงๆ

แต่มันเสี่ยงที่จะออกไป

หลี่ฉางโซ่วยังคงครุ่นคิดถึงวิธีแก้ปัญหาในขณะที่ เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว วันแล้ววันเล่า

ในที่สุดครึ่งเดือนก่อนพิธีใหญ่จะจัดขึ้น เขาก็กระทืบเท้า กัดฟัน และตัดสินใจให้ร่างหลักไปรับตำแหน่งเทพนี้ด้วยตนเอง!

เพื่อให้ศาลสวรรค์การผงาดขึ้นอย่างรุ่งโรจน์ เพื่อสิ่งมีชีวิตต่างๆ ในสามอาณาจักร ครั้งนี้ อาจกล่าวได้ว่า เขา…ต้องยอมเสี่ยงมากจริงๆ!

อืม หลี่ฉางโซ่วเองก็เกือบจะดำเนินการด้วยตัวเอง

หลี่ฉางโซ่วพลันกระโดดออกจากแนวความคิดเดิมๆ แล้วเปลี่ยนวิธีคิด ทันใดนั้น เขาก็คิดแผนดีๆ ขึ้นมาได้อย่างรวดเร็ว

ปลอมปนจริง! ข้าจะผ่านมันไปให้ได้!

ให้ร่างหลักของเขาเองกลายเป็นตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์

หลี่ฉางโซ่วเริ่มวางค่ายกลทันที และเปิดใช้งานตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ ‘ร่างหลัก’ หมายเลขหนึ่ง ซึ่งเป็นผลงานชิ้นเอก!

เขายกมือขึ้น กวาดไปทั่วโต๊ะ จากนั้น ก็มีตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ขนาดสองฉื่ออยู่บนโต๊ะ

ตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ตัวนี้หนาครึ่งฉื่อ ลงสลักกฎห้าม และอักขระไว้อย่างแน่นหนา และยังมีพลังเซียนเทียนที่พลุ่งพล่านอยู่ภายในนั้นด้วย

ด้านหลังตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์นี้ มี ‘หน้าต่าง’ เล็ก ๆ

หลี่ฉางโซ่วเสกผนึกออกมาด้วยมือทั้งสองข้างและหน้าต่างนั้น ก็ค่อยๆ เปิดออก ภายในนั้น มีรูกลวงเล็กๆ ที่ถูกครอบคลุมเอาไว้ด้วยกฎห้าม

เขาร่ายเวทแปลงร่างกลายเป็นแมลงบินได้ และเข้าไปอยู่ในหน้าต่างนี้

จากนั้นเขาก็ควบคุมตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ให้ลุกขึ้นยืนและกลายร่างเป็นเซียนชรา ซึ่งถูกกำหนดให้เป็นเทพแห่งท้องทะเลทักษิณ…

ร่างหลักของเขาซ่อนตัวอยู่ในร่างจำแลง ตัวจริงผสมตัวปลอม

หลังจากนั้น ตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ก็คืนสภาพกลับเป็นตุ๊กตากระดาษ และร่างหลักของหลี่ฉางโซ่วก็บินออกมาจากด้านหลังตุ๊กตากระดาษ และกลับคืนสู่รูปแบบที่แท้จริง

เขาร่ายคาถาหดกระดูกก่อนเพื่อเปลี่ยนร่างของเขาให้มีขนาดเท่ากับ ‘ตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์เทพแห่งท้องทะเลทักษิณ’ แล้วจึงสวมชุดคลุมแขนกว้างสีขาวให้ตัวเอง

หลังจากนั้น หลี่ฉางโซ่วก็นั่งอยู่หลังโต๊ะ ก่อนจะหยิบกระจกทองสัมฤทธิ์ออกมา แล้วเริ่มแต่งหน้า ปลอมตัวอย่างระมัดระวัง…

เวทของเขายังถูกมองเห็นได้ แต่เขาไม่กลัวการปลอมตัวทาง ‘กายภาพ’ เช่นนี้เลย…

ผลสุดท้ายของร่างหลักก็คือรูปลักษณ์ของเซียนชราที่ ‘เยาว์กว่า’

หลังจากนั้น หลี่ฉางโซ่วก็สวมหน้ากากครึ่งหน้าและใช้เวทลวงตาเพื่อแปลงร่างเป็นหนอน แล้วมุดกลับเข้าไปในร่างของตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์อีกครั้ง

ไม่นานนัก ตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์นักพรตเต๋าพร้อมด้วยร่างหลักของหลี่ฉางโซ่วก็ออกจากยอดเขาหยกน้อยทางใต้ดิน

จากนั้น ก็ลอบออกจากค่ายกลพิทักษ์ขุนเขาของสำนักตู้เซียนอย่างเงียบๆโดยไม่มีผู้ใดรู้ แล้วรีบพุ่งสู่ทะเลทักษิณ …

ในคืนนั้น ก่อนเริ่มพิธีแต่งตั้งเทพแห่งท้องทะเล ร่างของหลี่ฉางโซ่วก็แอบมาถึงห้องโถงด้านหลังของสำนักเทพทะเลในทะเลทักษิณโดยซ่อนตัวอยู่ในร่างของตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์นักพรตเต๋า ภายใต้ภาพวาดของเจ้าสำนักปรมาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่แห่งสวรรค์ทงเทียนเจี้ยวจู่

จิตสำนึกอมตะแผ่ไปทั่ว กองไฟนับร้อยถูกจุดขึ้นในสถานที่ประกอบพิธี และมนุษย์นับไม่ถ้วนร้องเพลงและเต้นรำที่นี่

เขากวาดสัมผัสเซียนรับรู้แผ่ออกไปทั่วสถานที่นั้น และพบกองไฟหลายร้อยกองถูกจุดขึ้นในสถานที่ทำประกอบพิธี และมนุษย์มากมายนับไม่ถ้วนร้องเพลงและเต้นรำกันที่นี่

ในอีกไม่กี่ชั่วยาม จะมีบรรดาแขกต่างๆ มากมายจากทั่วทุกทิศทาง…

เฮ้อ ในช่วงเวลาสำคัญเช่นนี้ ข้าก็คิดถึงสหายสนิทที่สามารถแบ่งปันความรู้สึกของข้าได้

หลี่ฉางโซ่วถอนหายใจเบาๆ ในใจ เขาไม่คิดว่ามีอะไรเลวร้าย

ข้าจะอดทนกับความเหงาไว้ก่อน แล้ววันข้างหน้า ข้าจะมีเวลาว่างมากมาย…

“เยี่ยมเลย เทพแห่งท้องทะเล!”

จู่ๆ ก็มีเสียงหัวเราะที่เต็มไปด้วยความขุ่นเคืองก็ดังออกมาจากด้านนอกห้องโถงด้านหลัง

หลี่ฉางโซ่วตกใจ และก่อนที่เขาจะทันได้ลุกขึ้นยืน ทันใดนั้น บุรุษร่างกำยำที่มีเคราก็กระโดดตรงไปที่ห้องโถงด้านหลังแล้วก้าวออกไปข้างหน้าอย่างเร่งรีบ

จากนั้น เขาก็เชิดศีรษะขึ้นขณะยืนเท้าเอวอย่างสง่างาม แล้วด่าอย่างติดตลกว่า “พูดมาเดี๋ยวนี้ เทพแห่งท้องทะเล เจ้าไม่คิดว่า ข้า จ้าวกงหมิงเป็นสหายใช่หรือไม่?! เชิญบรรดาเซียนจากสำนักบำเพ็ญเต๋าเจี๋ยจำนวนมากให้มาร่วมชมพิธี แต่เจ้าทิ้งข้าเอาไว้เพียงคนเดียว!

เชื่อหรือไม่ว่า วันนี้ ข้าจะนอนอยู่ในวิหารเทพทะเลของเจ้าแล้วไม่ลุกขึ้นเลย!”

………………………………………………………………..

[1] เป็นคำพูดจากเกมเวลาที่เขาจะปล่อยพลัง