บทที่ 451 ไปหาผ้าเช็ดหน้าเป็นเพื่อน

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

บทที่ 451 ไปหาผ้าเช็ดหน้าเป็นเพื่อน

บทที่ 451 ไปหาผ้าเช็ดหน้าเป็นเพื่อน

ครั้นเห็นว่ากู้ซินเถาไม่สนใจตนเองอีก กุ้ยตงเหมยก็ถอนหายใจยาวด้วยความโล่งอก ใบหน้าปรากฏรอยยิ้มเบิกบาน “ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร มีบางเวลาที่เสือยังงีบหลับ*[1] นับประสาอะไรกับซินเถาล่ะ” กล่าวจบพลันแสร้งทำหน้าเศร้าอีกครั้ง “ซินเถา ผ้าเช็ดหน้าของเจ้าคงแพงมากใช่หรือไม่? เจ้าจึงดูเศร้าสร้อยเช่นนี้ เจ้าอาจต้องใช้เงินเป็นจำนวนมากเป็นแน่!”

กู้ซินเถาที่ถูกฉินเย่จือขู่จนเกิดอาการหวาดกลัวเมื่อครู่ คราวนี้ผ้าเช็ดหน้าก็มาหายไปอีก หัวใจของนางรู้สึกย่ำแย่

เมื่อวานขุดหน่อไม้และเหวี่ยงจอบโดนชุดที่ซื้อมาถึงสิบตำลึงเงินขาดหลุดลุ่ย

วันนี้เมื่อได้พบกับฉินเย่จือ นางก็สูญเสียผ้าเช็ดหน้าราคาสองตำลึงเงิน

ในช่วงสองวันที่ผ่านมา นี่มันโชคร้ายอะไรกัน ทำไมทุกอย่างถึงไม่ราบรื่นเลย

เมื่อได้ยินว่าผ้าเช็ดหน้าในเสื้อของนางมีราคาสองตำลึงเงิน กุ้ยตงเหมยก็อ้าปากกว้างด้วยความไม่เชื่อ หากแต่ดวงตาของนางเต็มไปด้วยความสุข

สำหรับเงินสองตำลึงเงิน ลูกสาวของตระกูลใหญ่คงจะไม่ใช้ผ้าเช็ดหน้าราคาสองตำลึงเงินเช่นนี้ แต่ในเสื้อของนางมีหนึ่งผืน!

“ผ้าเช็ดหน้าผืนนี้เป็นครั้งแรกที่ข้าหยิบมันออกมาใช้ในวันนี้ และข้าก็ทำมันหายก่อนที่จะเริ่มใช้ ฮือ…” กู้ซินเถาร้องออกมาด้วยความทุกข์ใจ และค้นหาอย่างระมัดระวังขณะที่เดิน

กุ้ยตงเหมยยังแสร้งทำเป็นช่วยกู้ซินเถาหา หากแต่หัวใจกลับโลดเต้นด้วยความสุข

ผ้าเช็ดหน้าผืนนี้ยังไม่ได้ใช้ และเป็นครั้งแรกที่นำมันออกมา นั่นหมายความว่ามันยังคงเป็นผ้าเช็ดหน้าผืนใหม่

ในช่วงเวลานี้ ทำไมตนเองโชคดีถึงเพียงนี้!

กุ้ยตงเหมยรู้สึกยินดีมากในใจ แต่บนใบหน้าของนางยังคงดูสงสารและช่วยกู้ซินเถาค้นหาทุกที่ ด้วยท่าทางที่จริงจังนั้น ดูราวกับว่านางเป็นคนที่สูญเสียผ้าเช็ดหน้าไป

ทั้งสองเดินไปตามถนน เดินจากฝั่งนี้ไปและเดินกลับจากอีกฝั่งหนึ่ง พวกเขาไม่แม้แต่จะปล่อยที่ข้างถนนไปด้วย พวกนางค้นทุกหนทุกแห่ง แต่ไม่มีแม้แต่เงาของผ้าเช็ดหน้า

หยาดน้ำในดวงตาของกู้ซินเถากำลังจะเอ่อล้น “ฮือ ฮือ ฮือ ผ้าเช็ดหน้าหายไปจริง ๆ!”

ในใจของกุ้ยตงเหมยกำลังรอที่จะกลับไปซักผ้าเช็ดหน้าให้แห้งก่อนที่จะใช้มัน นางเหม่อลอยเล็กน้อย ก่อนตบไหล่กู้ซินเถาและพูดปลอบใจว่า “ไม่เป็นไร ซินเถา ที่บ้านเจ้ามีเงินไม่ใช่หรือ ค่อยให้แม่ของเจ้าซื้อให้ใหม่ก็ได้ เมื่อหายแล้วก็ปล่อยให้หายไปเถอะ มันคุ้มหรือที่จะร้องไห้ให้กับผ้าเช็ดหน้าเช่นนี้!”

กู้ซินเถากลอกตามองกุ้ยตงเหมย และกล่าวอย่างไม่พอใจ “ถ้าคนที่ทำผ้าเช็ดหน้าหายเป็นเจ้าล่ะ นั่นคือเงินสองตำลึงเงินเลยนะ! พ่อของเจ้าสามารถทำเงินได้มากมายในหนึ่งเดือนหรือไม่ล่ะ!”

“ทำไม่ได้!” กุ้ยตงเหมยพูดตามความจริง “แต่มันไม่มีประโยชน์ที่เจ้าจะเศร้าถึงเพียงนี้ ข้ากำลังสอนเจ้าอยู่! ผ้าเช็ดหน้าหายแล้วก็หายไปเถิด ถึงร้องไห้ไปมันก็ไม่วิ่งกลับมาหาเจ้าหรอกใช่หรือไม่ล่ะ? เลิกคิดมากแล้วกลับบ้านเถอะ แม่ของข้ากำลังรอข้ากลับไปกินข้าวแล้ว”

หลังจากพูดจบโดยไม่รอให้กู้ซินเถาตอบ นางก็วิ่งตัวปลิวหนีหายไปทันที

กู้ซินเถายืนอยู่ตรงนั้นแล้วหันกลับไปมองซ้ายมองขวา พื้นดินสะอาด ไม่มีสิ่งใดทั้นนั้น

เฮ้อ…

กู้ซินเถาถอนหายใจอย่างกลัดกลุ้ม เกิดอะไรขึ้น เกิดอะไรขึ้น ทำไมช่วงนี้นางโชคร้ายถึงเพียงนี้!

สำหรับฉินเย่จือ แม้แต่หน้าหรือเงินที่นางเสียให้ไป เขาก็พูดกับนางเพียงแค่คำเดียว

ไสหัวไป!

หากรู้ว่ามันจะเป็นคำนี้ กู้ซินเถาหวังว่ามันจะไม่ออกมาจากปากฉินเย่จือ

หากพูดเช่นนี้ออกมา ไม่ว่ากู้ซินเถาจะโง่เขลาเพียงใด นางก็เห็นได้ว่าฉินเย่จือไม่พอใจตนเอง

อย่างไรก็ตาม ยิ่งต่อสู้มากเท่าไรก็ยิ่งมีความกล้ามากขึ้นเท่านั้น ในตอนนี้ ไม่ว่าฉินเย่จือจะปฏิบัติต่อนางอย่างไร วันหนึ่งในอนาคต ฉินเย่จือจะต้องคลานมาหานางด้วยรอยยิ้มอ่อนโยนที่เขายิ้มให้นางเพียงคนเดียวเท่านั้น

กู้ซินเถาลืมเรื่องผ้าเช็ดหน้าราคาสองตำลึงเงินไปเสียสนิท แผนของวันนี้ล้มเหลว และกู้ซินเถาก็กลับบ้านมาด้วยความหดหู่

ครั้นเห็นเฉาซื่อ ความขุ่นเคืองที่นางเพิ่งได้รับจากฉินเย่จือก็เอาไปลงที่เฉาซื่อทันที กู้ซินเถาตะโกนลั่นด้วยความไม่พอใจ “เฉาซินเหลียน ฉินเย่จือไม่พูดอะไรกับข้าเลยแม้สักประโยค!”

กู้หนิงผิงและกู้เสี่ยวหวานไม่ได้อยู่เคียงข้างเขาเช่นกัน เดิมทีนางคิดว่าฉินเย่จือจะพูดกับตน และจะมาอยู่ข้างนางอย่างแน่นอน ความจริงก็คือเขาไม่สนใจตนเองเลย และไม่สนใจเงินสิบตำลึงเงินเลยแม้แต่น้อย

ไม่รู้ว่าโง่หรือโง่ อยากกินข้าวที่คนอื่นแบ่งให้มากกว่าเงินที่คนอื่นให้ ไม่รู้ว่าศีรษะโดนประตูกระแทกหรือเปล่า

กู้ซินเถาบ่นด้วยความสงสาร ไม่มีอะไรมากไปกว่าโทษความคิดที่ไม่มีประโยชน์ของเฉาซื่อ

ทั้งยังบอกด้วยว่าตนเองทำผ้าเช็ดหน้าใหม่หาย เมื่อเฉาซื่อได้ยินว่าผ้าเช็ดหน้าที่กู้ซินเถาทำหายมีราคาสองตำลึงเงินต่อผืน ดวงตาของนางก็เป็นประกาย หากเงินเดือนของกู้ฉวนลู่เพียงคนเดียวในร้านซุ่นซินเพียงพอที่จะเลี้ยงดูครอบครัวสี่คน และกู้จือเหวินก็ต้องเรียนหนังสือ เขาจึงไม่สามารถจ่ายค่าใช้จ่ายรายวันของกู้ซินเถาได้

ผ้าเช็ดหน้าที่มีราคามากกว่าสองตำลึงเงิน ใครเป็นคนให้นางกัน!

ในใจของเฉาซื่อมีความทุกข์ กู้ซินเถาผู้นี้เป็นเด็กฟุ่มเฟือยมากเกินไป มันฟุ่มเฟือยเกินไปที่จะใช้ผ้าเช็ดหน้าราคาแพงเช่นนี้

“มันแพงมาก! แม่ของเจ้าซื้อให้หรือ?” ดวงตาของเฉาซื่อเต็มไปด้วยความทุกข์ใจ กู้ซินเถาพ่นลมหายใจด้วยความรังเกียจเมื่อเห็นท่าทางที่เย่อหยิ่งของเฉาซื่อ ถ้ามันไม่ใช่ของนาง แล้วนางจะทุกข์ใจไปทำไมกัน

แม้ว่าผ้าเช็ดหน้าจะหายไปแล้ว แต่เมื่อเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้นมา กู้ซินเถาก็ไม่โกรธอีกต่อไป

“ท่านแม่ไม่ได้ซื้อให้ข้า!” กู้ซินเถาไม่รู้สึกเจ็บปวดกับการสูญเสียผ้าเช็ดหน้าอีกต่อไป ครั้นเห็นความอิจฉาริษยากุ้ยตงเหมยและเฉาซื่อ กู้ซินเถาก็รู้สึกพึงพอใจอย่างยิ่ง

ผ้าเช็ดหน้าราคาสองตำลึงเงิน เกรงว่าคนเหล่านี้จะไม่มีวันได้ใช้มันเลยตลอดชีวิต

ไม่ใช่ว่าไม่มีวันได้ใช้ แค่เห็นคงยังไม่เคยเห็น!

แน่นอนว่านางเห็นเฉาซื่อยิ้มพลางพูดว่า “ผ้าเช็ดหน้าที่มีราคาถึงสองตำลึงเงิน ข้าไม่เคยเห็นมันมาก่อนเลย หากไม่ใช่แม่ของเจ้าที่ซื้อให้ แล้วใครซื้อให้เจ้ากันล่ะ?” ในที่สุดหัวใจของนางเต็มไปด้วยความอยากรู้

แน่นอนว่าผ้าเช็ดหน้าผืนนี้ ซุนซื่อคงไม่ได้ซื้อให้นางอย่างแน่นอน ซุนซื่อคงจะไม่ใช้เงินไปมากเช่นนี้ นี่เป็นเงินเป็นจำนวนมาก เงินสองตำลึงเงินสามารถซื้อชุดหนึ่งชุดได้เลย!

เมื่อเห็นใบหน้าที่แดงก่ำของกู้ซินเถา ดวงตาของเฉาซื่อก็เป็นประกาย และนางก็ร้อง โอ้ โอ้ โอ้ สามครั้งติดกัน ราวกับว่านางเดาอะไรบางอย่างได้ แต่เพื่อคำนึงถึงชื่อเสียงของกู้ซินเถา นางจึงลดเสียงลงและกระซิบว่า “ใช่นายน้อยเจียงหรือไม่?”

*[1] หมายความว่า เป็นไปไม่ได้ที่จะทำทุกอย่างให้สมบูรณ์แบบ และอาจมีข้อผิดพลาดอยู่เสมอ