อืม……”ลี่เจี้ยนเย่ตอบกลับเสียงเบา แต่จากการแสดงออกของเขา ลี่หยูนห่วนเองก็สัมผัสมันได้ว่า ลี่เจี้ยนเย่ก็คงจะยังไม่มีแผนการอะไร
“พ่อ ตอนนี้เราเอายังไงกันดี?”ลี่หยูนห่วนยังคงไม่พอใจกับการมีอยู่ของลี่หุย และเขาอยากจะกำจัดชายหนุ่มให้พ้นทางไปโดยเร็ว
ก่อนที่ลี่หุยจะปรากฏตัว ลี่หยูนห่วนก็อยู่ภายใต้เงาของลี่จุนถิงมาโดยตลอด และตอนนี้ก็มีลี่หุยโผล่มาอีก การมีตัวตนอยู่ของลี่หยูนห่วนก็ยิ่งน้อยลงไปทุกที
สิ่งนี้มันทำให้ลี่หยูนห่วนรู้สึกไม่เท่าเทียมเป็นอย่างยิ่ง
หากเขาจะเทียบไม่ได้กับลี่จุนถิงที่เพียบพร้อมไปเสียทุกอย่างเขาเองก็พอจะยอมรับได้ แต่กับลี่หุยมันจะอะไรกัน ? เป็นเพียงลูกนอกสมรสที่โผล่มาจากไหนก็ไม่รู้ เขาเองก็ไม่รู้ว่าท่านปู่ลี่จะเห็นดีเห็นงามอะไรหนักหนากับคนพรรค์นั้น
แม้ว่าท่านปู่ลี่จะไม่เคยยอมรับการมีตัวตนของลี่หุย แต่ลี่หุยก็เคยมีผลงานที่ดีปรากฏให้เห็นมาแล้ว ซึ่งทำให้อคติของท่านปู่ลี่ที่เคยมีคลายลงไปไม่น้อย
ยังดีที่ช่วงนี้ไม่รู้เพราะอะไรลี่หุยถึงได้เอื่อยเฉื่อยลงไป แม้ว่าจะพอทำให้ลี่หยูนห่วนเบาใจลงมาได้บ้าง แต่เขาก็รู้ดีว่าจะยังวางใจอะไรไม่ได้ทั้งนั้น
ทรัพย์สมบัติของตระกูลลี่นั้นช่างล่อตาล่อใจยิ่งนัก ไม่อย่างนั้นลี่หุยคงไม่เลือกที่จะปรากฏตัวขึ้นทั้งที่ก็รู้ว่าจะถูกต่อต้านหรือถูกเพ่งเล็งแต่อย่างใด เขาก็อยากที่จะมีตัวตนอยู่ในตระกูลลี่
ลี่เจี้ยนเย่ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วเอ่ยพูดเสียงทุ้มกับลี่หยูนห่วนไปว่า:“หยูนห่วน ลูกต้องใจเย็นๆ พ่อจะช่วยคิดหาวิธี ไม่ปล่อยให้ลูกนอกสมรสนั้นมีชีวิตที่สุขสบายไปได้แน่”
แม้ว่าลี่เจี้ยนเย่จะเอ่ยปากพูด แต่สีหน้าของลี่หยูนห่วนก็ไม่อาจซ่อนความวิตกกังวลนั้นไปได้
“พ่อ พ่อก็พูดอยู่ตลอดว่าจะคิดหาวิธีจะคิดหาหนทาง แต่ถ้าพ่อยังเป็นแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ สถานการณ์ก็จะยิ่งไม่เป็นผลดีกับเรามากขึ้นไปอีก!”
เมื่อถูกกระตุ้นจากลี่หยูนห่วน อารมณ์ของลี่เจี้ยนเย่ก็กังวลขึ้นมาทันที เขาเงยหน้ามองไปยังลี่หยูนห่วน แล้วพูดว่า:“ แล้วลูกคิดว่าตอนนี้เราควรจะทำยังไงกันดี ?”
เมื่อได้ยินคำถามของลี่เจี้ยนเย่ ลี่หยูนห่วนก็นิ่งเงียบไป เพราะตอนนี้เขาเองก็ยังไม่มีแผนการใดๆ ไม่อย่างนั้นคงไม่มานั่งวิตกกังวลใจอยู่แบบนี้
เมื่อเห็นลี่หยูนห่วนนิ่งเงียบไป ลี่เจี้ยนเย่มองไปยังลูกชาย อดสงสารไม่ได้ จึงได้พูดไปว่า:“เอาอย่างนี้แล้วกัน พ่อจะไปหาท่านปู่ ลองคุยกับท่านดู ดูสิว่าท่านจะมีท่าทียังไง”
“ดีครับ”ลี่หยูนห่วนพยักหน้ารับทันที นี่เป็นสิ่งที่เขาอยากได้ยิน
จากนั้นลี่เจี้ยนเย่ก็เดินทางไปที่คฤหาสน์ทันที
ในขณะที่เขาเดินเข้ามาในคฤหาสน์นั้น ก็เห็นท่านปู่ลี่นั่งอยู่ในสวนบริเวณลานบ้าน กำลังเพลินกับการรับแสงแดดอย่างสบายใจ
ลี่เจี้ยนเย่มองออกว่า ตอนนี้ท่านปู่ลี่กำลังอารมณ์ดีอยู่ไม่น้อย พลันคิดขึ้นมาว่า หากเขาพูดเรื่องของลี่หุยในตอนนี้ จะทำให้ท่านปู่ลี่ขุ่นเคืองใจหรือเปล่า
“คุณพ่อครับ”
ในขณะที่ลี่เจี้ยนเย่ กำลังลังเลอยู่นั้น ท่านปู่ลี่ที่นั่งอยู่บนเก้าอี้เอนกายก็ลืมตาขึ้น สายตาที่เฉียบคม เพียงพริบตาก็มองเห็นลี่เจี้ยนเย่ที่ยืนลังเลอยู่หน้าประตู
ลี่เจี้ยนเย่เอ่ยเรียก แล้วเดินตรงไปยังที่ท่านปู่ลี่อยู่
“จู่ๆมาถึงที่นี่ได้ยังไง?”
แม้ว่าท่านปู่ลี่จะไม่มีท่าทีที่ดูแปลกใจนัก แต่ก็พอจะเดาได้ ที่เอ่ยถามไปก็เป็นเพียงคำกล่าวทักทายทั่วไปเท่านั้น ไม่ได้จะคาดหวังเอาคำตอบ
ลี่เจี้ยนเย่ฝืนยิ้มออกมา แต่เห็นได้ชัดว่าเขาเองไม่ได้มีความมั่นใจอะไร :“ไม่มีอะไรครับ คุณพ่อ ผมก็แค่อยากจะแวะมาเยี่ยม ช่วงนี้สุขภาพเป็นยังไงบ้างครับ?”
คำพูดที่เอ่ยทักทายของลี่เจี้ยนเย่ ท่านปู่ลี่ไม่รู้ว่าเขาต้องการอะไร แต่ในความจริง เขามองออกแต่แรกแล้วกับพฤติกรรมที่เสแสร้งนี้ และก็พอจะเดาได้ว่าการมาครั้งนี้ของเขาก็คงจะไม่ใช่เรื่องดีอะไร
ช่วงนี้ตระกูลลี่วุ่นวายอยู่พอสมควร หลังจากที่มีเรื่องเกิดขึ้นกับลี่จีถอง สุขภาพของท่านปู่ลี่ก็แย่ลงเรื่อยๆ บางทีลูกๆหลานๆก็คงจะสังเกตเห็น เลยทำให้พวกเขาแต่ละคนเริ่มที่จะอยู่ไม่สุขและเป็นกังวลกันขึ้นมา
เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ ท่านปู่ลี่ก็รู้สึกเศร้ารันทดอยู่ในใจ ไม่คิดว่าตัวเองที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมาขนาดนี้ สุดท้ายแล้ว ก็ไม่พ้นต้องมาเผชิญหน้ากับการเสแสร้งจอมปลอมของคนในครอบครัว
“สุขภาพร่างกายของฉันเป็นยังไง แกก็ใช่ว่าจะไม่รู้ ก็เหมือนเดิมนั่นแหละ”ท่านปู่ลี่ตอบกลับไปเบาๆ
ลี่เจี้ยนเย่ตกใจ รู้สึกเหมือนท่านปู่ลี่ต้องการจะบอกใบ้อะไรบางอย่าง ในใจรู้สึกตื่นกลัว แต่ก็ตอบไม่ได้ว่าอะไรที่มันผิดปรกติไป
“พ่อครับ พ่อก็ต้องพักผ่อนให้มากๆ อย่าหักโหมทำงานหนักเกินไป”ลี่เจี้ยนเย่กล่าว
ท่านปู่ลี่หึเสียงเบา มีท่าทีเงียบงันและเอียนกับคำพูดของลี่เจี้ยนเย่:“ฉันจะไปหักโหมอะไรได้ ? เรื่องทั้งหมดก็มีพวกแกคอยดูแลให้อยู่แล้วนี่ ?”
แม้ว่าท่านปู่ลี่จะเป็นที่เคารพนับถือของคนในตระกูลลี่ แต่อำนาจในมือก็ไม่ได้มากมายเท่าไรนัก เพราะเหตุนี้เขาถึงได้พูดมันไปแบบนั้น
ลี่เจี้ยนเย่สำลัก และพูดตะกุกตะกักไปว่า:“ก็ถูก…… มีจุนถิงคอยช่วย……แต่ว่า จุนถิงก็ตัวคนเดียว ยังไงก็ยังลำบากอยู่ดี เด็กนั่นต้องทำงานหนักและทำงานล่วงเวลาทุกวันเลยไม่ใช่เหรอครับ ? ผมว่า ให้พวกเราได้แบ่งเบามาบ้างก็น่าจะเป็นการดีนะครับ”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น ท่านปู่ลี่ก็เหลือบมองไปที่เขาแวบหนึ่ง เหมือนจะไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองกับคำพูดของเขา:“ฉันเห็นถึงความสามารถของจุนถิง และฉันก็เข้าใจมากกว่าที่แกเข้าใจ เรื่องบางเรื่อง ฉันไม่วางใจ……ที่จะให้คนอื่นเป็นคนทำ”
ท่านปู่ลี่พูดอย่างชัดเจน ในคำพูดแฝงความหมายว่าไม่เชื่อในความสามารถของพวกเขา สีหน้าของลี่เจี้ยนเย่ก็ซีดสลดขึ้นมาทันที
ก็คงจะเป็นเฉพาะกับคนที่มีสถานะอย่างท่านปู่ลี่ ที่สีหน้ายังคงเรียบเฉยเวลาที่พูดคำเหล่านี้ ไม่สนใจความรู้สึกของคนอื่น เพราะมันไม่มีความจำเป็นอะไร
“พ่อครับ อันที่จริงแล้ว……หยูนห่วนเองก็พอจะมีพรสวรรค์อยู่บ้าง เพียงแต่ยังขาดโอกาสที่จะได้ฝึกปรือ และลี่หุยเอง……ก็ยังได้รับโอกาสนั้น ผมคิดว่ามันไม่ยุติธรรมเท่าไรกับหยูนห่วนนัก
“ฉันไม่ได้ให้โอกาสเขา แต่เป็นเพราะเขาแสวงหาโอกาสเอง ”ท่านปู่ลี่กล่าว
ลี่เจี้ยนเย่เองก็เงียบไป ตอนนี้เขารู้แล้วว่าท่านปู่ลี่ไม่ใช่คนที่ให้ความสำคัญกับสายเลือดหรือเครือญาติมาก่อน ทุกอย่างล้วนต้องอาศัยเพียงความสามารถเท่านั้น
หากลี่หุยมีความสามารถที่โดดเด่นอย่างลี่จุนถิง ไม่แน่ว่าท่านปู่ลี่ก็อาจจะให้เขาเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของตระกูลลี่ก็เป็นได้
“ฉันเหนื่อยแล้ว แกกลับไปก่อนแล้วกัน”
ลี่เจี้ยนเย่ยังคงคิดหาวิธีที่จะพูดโน้มน้าวท่านปู่ลี่ต่อ ฉับพลันก็ได้ยินคำพูดเชิงไล่ของท่านปู่ลี่ขึ้นมาพอดี
ลี่เจี้ยนเย่ขยับริมฝีปาก เงียบไปชั่วครู่แต่ก็พยักหน้ารับ:“งั้นผมกลับก่อนแล้วกันนะครับ คุณพ่อเอง ก็เข้าไปพักผ่อนในบ้านได้แล้วนะครับ อยู่ด้านนอกลมมันแรงระวังเป็นหวัดเอานะครับ