สองยายหลานเผ่าอูเหมียวที่เปิดร้านอยู่ในถนนซีซื่อ ไม่เพียงแค่อวี้จิ่นเท่านั้นที่ส่งคนไปจับตามอง แต่เจียงซื่อก็ได้กำชับให้อาเฟยใส่ใจจับจ้องด้วย
เมื่อไม่กี่วันก่อน อาจเป็นเพราะว่าไม่ได้รับจดหมายจากทางเผ่าอูเหมียวสักที ดังนั้นหญิงชราจึงได้เคลื่อนไหวด้วยการลองติดต่อกับนางใน
จากที่เจียงซื่อมองดูแล้ว ในเมื่ออีกฝ่ายไม่อาจยับยั้งและเริ่มติดต่อด้วยตนเอง สตรีเผ่าอูเหมียวที่ซ่อนกายอยู่ในพระราชวัง คงจะต้องโผล่ขึ้นมาสักวันไม่ช้าก็เร็ว
สตรีเผ่าอูเหมียวผู้นั้นโทษหนักไม่เบา อย่างน้อยนางก็คือฆาตกรที่ยุยงให้เฉินเหม่ยเหรินวางยาพิษองค์หญิงสิบห้า คาดว่าบัดนี้คงจะกลายเป็นก้อนเนื้อร้ายในใจของฮ่องเต้และฮองเฮา ประสงค์จะจัดการกับนางให้เร็วที่สุด
และคนผู้นี้เข้าไปในพระราชวังได้อย่างไรในตอนนั้น เกรงว่าคงจะเกี่ยวข้องกับองค์หญิงใหญ่หรงหยางแน่นอน รอให้คนผู้นั้นถูกเปิดเผยออกมา องค์หญิงใหญ่หรงหยางก็ไม่มีโอกาสจะถอยหนี
เมื่อกลับมาที่จวนเยี่ยนอ๋อง เจียงซื่อและอวี้จิ่นได้พบหน้ากัน
“เสียนเฟยได้ทำให้เจ้ารู้สึกอึดอัดใจหรือต้องอับอายหรือไม่”
เจียงซื่อยิ้มขึ้นแล้วกล่าวว่า “บัดนี้ข้ากำลังตั้งครรภ์ ดังนั้นต่อให้นางอยากทำให้ข้าคับข้องใจเพียงไรก็ต้องอดทนเอาไว้ ทว่าได้เกิดเรื่องหนึ่งที่คาดไม่ถึงขึ้น”
“เรื่องใดกัน”
“พระชายาฉีอ๋องได้รับการวินิจฉัยจากหมอหลวงว่ากำลังตั้งครรภ์”
อวี้จิ่นเลิกคิ้วขึ้นแล้วกล่าวอย่างเย็นชาว่า “ดูเหมือนพี่สี่จะมีโชคมากทีเดียว”
ช่วงนี้เขามองดูจิ้นอ๋องและฉีอ๋องต่อสู้กันดุจดั่งดูละครด้วยดวงตาเย็นชา
เดิมทีสถานการณ์อยู่เท่าเทียมกัน บัดนี้ดูเหมือนเขากำลังจะได้เปรียบแล้ว
“อาจจะเป็นเช่นนั้น” เมื่อนึกขึ้นว่าพระชายาฉีอ๋องกำลังตั้งครรภ์ เจียงซื่อก็รู้สึกไม่แน่ใจเล็กน้อย
ในวันนี้ตอนที่อยู่ในตำหนักอวี้เฉวียน และได้ใกล้ชิดกับพระชายาฉีอ๋อง หนอนกู่ในร่างกายของนางสัมผัสได้ถึงความผิดปกติไปของพระชายาฉีอ๋อง เนื่องจากนางมีประสบการณ์ในการตั้งครรภ์มาก่อน นางจึงรู้สึกว่านั่นคือลมหายใจแห่งชีวิตใหม่ในร่างกาย
เรื่องที่พระชายาฉีอ๋องตั้งครรภ์ แท้จริงแล้วนางรู้มาก่อนหน้าบ้างเล็กน้อย จึงได้กล่าวประโยคเช่นนั้นเพื่อปิดปากเสียนเฟยเสีย
แต่เมื่อชาติก่อน ตอนที่นางได้รับตำแหน่งพระชายาอ๋องและกลับมาจากหนานเจียง ฉีอ๋องไม่มีลูกคนนี้
ในตอนนั้น พระชายาฉีอ๋องมีธิดาเพียงองค์เดียว อีกทั้งมักจะกังวลใจว่าตนไม่มีโอรสให้แก่ฉีอ๋อง
นั่นอาจหมายความว่าบุตรคนนี้ของพระชายาฉีอ๋องไม่อาจรักษาเอาไว้ได้…
เมื่อนึกถึงใบหน้าอันมีความสุขอย่างล้นหลามซึ่งไม่อาจควบคุมได้ของเสียนเฟย อีกทั้งหลั่งน้ำตาแห่งความปีติต่อพระชายาฉีอ๋อง เจียงซื่อก็ได้แต่ถอนหายใจเบาๆ
แม้ว่านางจะรู้สึกไม่ชื่นชอบพระชายาฉีอ๋องสักเพียงใด นางก็จะไม่ลงมือกับลูกของผู้อื่น กล่าวได้เพียงว่าคนเช่นพระชายาฉีอ๋องที่มีหัวใจโหดเหี้ยมอำมหิตดุจแมงป่องพิษไร้วาสนาในการรักษาลูกคนนี้เอาไว้ได้เอง
อวี้จิ่นเอื้อมมือมากอดเจียงซื่อแล้วยิ้มว่า “เพียงแค่ไม่เกี่ยวข้องกับพวกเรา พวกเขาจะไปทำอะไรก็เรื่องของพวกเขา”
หากเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับเขาและอาซื่อ ก็อย่าหาว่าเขาไม่เกรงใจ
……
พระชายาฉีอ๋องกลับมาถึงจวนอ๋อง นางไม่อาจซ่อนความภาคภูมิใจของนางเอาไว้ได้บนใบหน้า “ท่านอ๋องเล่า”
“ท่านอ๋องอยู่ที่ห้องหนังสือเพคะ”
“ไปเชิญท่านอ๋องมาที่เรือนหลัก”
เมื่อฉีอ๋องได้รับคำเชิญที่ส่งต่อมาจากสาวรับใช้ เขาก็ขมวดคิ้วเข้าหากันอย่างรวดเร็วแล้วก้าวขามุ่งหน้าไปที่เรือนหลัก
สาวรับใช้ที่ยืนอยู่ตรงประตูพบว่าฉีอ๋องเดินทางมาก็พากันเข้าไปคารวะ ใบหน้าของพวกนางไม่อาจปกปิดความยินดีเอาไว้ได้
ฉีอ๋องเป็นผู้ที่มีความละเอียดอ่อน เมื่อเดินเข้าไปในเรือนก็ได้เอ่ยถามขึ้นว่า “มีเรื่องน่ายินดีอย่างนั้นหรือ”
พระชายาฉีอ๋องโบกมือให้ผู้รับใช้ทุกคนออกไป สีหน้าของนางแดงเรื่อแล้วกล่าวว่า “มีเรื่องน่ายินดีเรื่องหนึ่งที่ต้องเรียนให้ท่านอ๋องรับทราบเพคะ”
“ไหนกล่าวมาสิว่าเรื่องใด” ฉีอ๋องนั่งลงตรงข้ามกับพระชายา
“ในวันนี้ตอนอยู่ที่พระราชวังข้ารู้สึกไม่ค่อยสบายตัว เสด็จแม่จึงให้หมอหลวงเดินทางมาตรวจดูอาการ หมอหลวงพบว่าชีพจรของข้ากำลังตั้งครรภ์…”
ฉีอ๋องยืดตัวตรง ใบหน้าของเขาตกตะลึง “เจ้าว่าอย่างไรนะ!”
พระชายาฉีอ๋องยิ้มขึ้นแล้วมองไปทางฉีอ๋อง “ท่านอ๋องเพคะ หม่อมฉันกำลังตั้งครรภ์”
“จริงหรือ!” ฉีอ๋องเอื้อมมือไปคว้ามือของพระชายาเอาไว้ เขาดีใจยิ่งนักจนอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมาเสียงดัง
สวรรค์เข้าข้างข้าจริงๆ
……
เรื่องอันน่าชื่นชมยินดีนี้ของจวนฉีได้ยินไปถึงจวนจิ้นอ๋อง จิ้นอ๋องที่ปิดประตูลงก็ทุบลงไปที่โต๊ะอย่างแรง
พระชายาจิ้นอ๋องเป็นคนที่มีจิตใจดี นางหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาแล้วเช็ดไปที่น้ำซึ่งกระเด็นถูกแขนเสื้อของจิ้นอ๋อง
จิ้นอ๋องสะบัดมือของพระชายาด้วยความเหลือทน “ไม่ต้องเช็ดหรอก ประเดี๋ยวเปลี่ยนใหม่ก็พอ”
พระชายาจิ้นอ๋องกล่าวโน้มน้าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า “เหตุใดท่านอ๋องจึงได้โมโหเยี่ยงนี้ ฝูเกอเอ๋อร์ของเราอายุหกปีแล้ว แต่ก็เลือดที่อยู่ในท้องของพระชายาฉีอ๋องยังไม่อาจรู้ได้ว่าเป็นหญิงหรือชาย ต่อให้เป็นชายคลอดออกมาก็ไม่มีผลกระทบใดต่อเรา”
“เจ้าไม่เข้าใจ” จิ้นอ๋องกล่าวออกมาประโยคหนึ่ง ก่อนจะถอนหายใจและกุมมือพระชายาจิ้นอ๋องเอาไว้พึมพำว่า “ผู้ใดให้เสด็จแม่ของข้าเป็นเพียงแค่นางในเล่า ตั้งแต่เกิดมาข้าก็ต่ำต้อยกว่าเข้าไปครึ่ง…”
พระชายาจิ้นอ๋องโน้มกายเข้ามา กล่าวด้วยน้ำเสียงปวดใจว่า “ท่านอ๋องเพคะ ที่จริงแล้วข้าคิดว่าเช่นนี้ก็ดีอยู่แล้ว ลูกๆ ของเราล้วนน่ารัก สามีภรรยารักใคร่กัน เหตุใดจึงต้องไปคิดถึงเรื่องราวเหล่านั้นเล่า…”
แม้ว่าจิ้นอ๋องจะไม่เห็นด้วยกับประโยคนี้ของพระชายา แต่น้ำเสียงของเขาก็ดูอ่อนโยนลงมาก “หากว่าพี่รองไม่ถูกถอดตำแหน่ง ข้าเองก็ไม่เคยจะมีความคิดใดเหล่านี้หรอก แต่บัดนี้เมื่อพี่รองถูกแต่งตั้งให้เป็นเพียงจิ้งอ๋องแล้ว ตำแหน่งองค์รัชทายาทก็ยังว่างเปล่า ยังไม่มีการแต่งตั้งผู้ใด แล้วเหตุใดข้าจึงไม่มีสิทธิ์จะไปแย่งชิง”
พระชายาจิ้นอ๋องกำลังจะกล่าวบางอย่างออกมา ก็พบว่าจิ้นอ๋องถอนหายใจออกมายืดยาว “เจ้าคิดว่าในเวลานี้ต่อให้ข้าไม่อยากเข้าไปแย่งชิงก็สามารถทำได้ดังนั้นหรือ มีผู้คนมากมายเบื้องหลังค้าผลักดันให้ข้าออกไปต่อสู้ หากข้าไม่ทำคาดว่าคงจะล้มลงเจ็บกว่านี้”
หากว่าเขาแพ้การต่อสู้ ก็คงจะแหลกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย
ในเมื่อเขามีภรรยาและลูกที่น่ารัก อีกทั้งพวกเขาล้วนเป็นเด็กผู้ชาย เขาจึงจะต้องเข้าต่อสู้แก่งแย่งและจะต้องชนะ
“ไม่ว่าเป็นเช่นไร ข้าก็จะสนับสนุนท่านอ๋องเสมอ” พระชายาจิ้นอ๋องเอนกายไปที่บ่าของจิ้นอ๋องแล้วกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงบางเบา แววตาของนางแฝงถึงความสับสน
ในวันนั้น มีของกำนัลมากมายจากพระราชวังถูกส่งไปที่จวนฉีอ๋องอย่างไม่ขาดสาย
เนื่องจากพระชายาฉีอ๋องไม่มีทีท่าจะตั้งครรภ์มานานหลายปีแล้ว บรรดาสาวใช้ห้องข้างที่หามาให้ฉีอ๋องระบายความใคร่ ล้วนให้กำเนิดธิดามากมาย คาดว่าหากเป็นเช่นนี้ไปอีกไม่กี่ปี บุตรีของฉีอ๋องเกรงจะมากกว่าจำนวนขององค์หญิงในหวังแล้ว
บัดนี้พระชายาฉีอ๋องตั้งครรภ์ขึ้นอีกครั้งนับว่าเป็นเรื่องน่ายินดียิ่งนัก
“เสด็จพ่อประธานหยกสมปรารถนาให้แก่พระชายาฉีอ๋องหรือ” จิ้นอ๋องที่ได้ยินข่าวนี้มาก็โมโหเสียจนใช้มือหักพู่กันออกเป็นสองท่อน
หยกสมปรารถนา นั่นหมายความว่าประสงค์จะให้พระชายาฉีอ๋องกำเนิดบุตรชายอย่างสมปรารถนา หรือต้องการให้เจ้าสี่สมความปรารถนากันแน่
ไม่ได้การละ เด็กในท้องของพระชายาฉีอ๋องจะให้มีชีวิตอยู่นานไปไม่ได้!
ยังมีเวลาอีกนานกว่าพระชายาฉีอ๋องจะคลอดบุตร และช่วงเวลานี้เนื่องจากพระชายาฉีอ๋องตั้งครรภ์ ดังนั้นเสด็จพ่อมีแนวโน้มที่จะหันไปเอ็นดูเจ้าสี่มากกว่า
เวลาเกือบหนึ่งปีที่ต้องถูกเจ้าสี่กดดันเอาไว้ เพียงพอสำหรับการให้เจ้าสี่สร้างพลังอันแข็งแกร่ง กดดันเขาให้ไม่อาจพลิกผันกลับไปได้ เมื่อถึงเวลานั้นต่อให้พระชายาฉีอ๋องคลอดธิดาออกมา แล้วจะเปลี่ยนแปลงสิ่งใดได้
เขาจะนั่งรอความตายเฉยๆ ไม่ได้แล้ว
กระแสน้ำระหว่างจิ้นอ๋องและฉีอ๋องล้วนไม่ได้ส่งผลกระทบใดต่ออวี้จิ่นเลย
หลังจากที่พระชายาฉีอ๋องตั้งครรภ์ ท่าทีต้องการจะรวมเขาเข้าเป็นพวกของฉีอ๋องก็ระงับลงชั่วครู่
อวี้จิ่นจึงได้รับความสงบสุขกลับคืนมา นอกจากเดินทางไปที่ศาลาว่าการแล้ว โดยมากจะใช้เวลาอยู่กับเจียงซื่อ เขาใช้เวลา อันสุขสบายได้เพียงไม่กี่วัน จู่ๆ ข้าหลวงก็เดินทางมาส่งข่าวให้เขาเข้าวัง
แม้อวี้จิ่นจะไม่เข้าใจว่าอยู่ดีๆ เหตุใดจึงเรียกเขาเข้าวัง แต่ก็ได้ทำท่าทางสงบนิ่งเดินตรงเข้าไปในห้องทรงพระอักษร คารวะจิ่งหมิงฮ่องเต้แล้วยืนอยู่ด้านข้างอย่างเงียบๆ
จิ่งหมิงฮ่องเต้วางม้วนหนังสือลงแล้วมองไปทางอวี้จิ่น
“บัดนี้ศาลาว่าการกำลังจะปิดประทับยันต์[1]แล้ว ชีวิตเจ้าค่อนข้างสบายใช่หรือไม่”
อวี้จิ่นรู้สึกประหลาดใจ เขาตอบรับด้วยความคลุมเครือ
การที่เขาเป็นอ๋อง หากไม่ให้ใช้ชีวิตอยู่สุขสบายแล้วจะให้ทำเช่นไร จะให้ใช้ชีวิตยุ่งเหยิงเหมือนพี่สามและพี่สี่หรือ
“อยู่อย่างสบายก็ดีแล้ว” จิ่งหมิงฮ่องเต้กล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงต่ำทุ้ม สีหน้าของเขาดูจริงจังขึ้นมา “ในเมื่ออยู่เปล่าๆ ก็คงว่างเหงา ข้ามีเรื่องบางอย่างให้เจ้าทำ”
“เสด็จพ่อโปรดกำชับมาเถิดพ่ะย่ะค่ะ”
————————————-
[1] ปิดประทับยันต์ ในสมัยโบราณ จะมีการปิดยันต์ช่วงก่อนตรุษจีนเพื่อเสริมพลังอำนาจให้กับศาลาว่าการต่างๆ