บทที่ 466 หลุดไปหนึ่งตน

ข้าก็แค่กลั่นลมปราณ 3,000 ปี

บทที่ 466 หลุดไปหนึ่งตน

บทที่ 466 หลุดไปหนึ่งตน

“หนีไปได้หรือ?”

ไป๋ชิวหรานตกตะลึงสักพัก จากนั้นตบบ่าของเจียงหลานแล้วกล่าวอย่างอ่อนโยน

“ไม่เป็นไร.. ถ้างั้นก็ตามไปฆ่ามัน อย่าได้กังวลไปเลย… จะว่าไปมันหนีรอดจากเจ้าไปได้อย่างไร?”

“ตอนที่ท่านผู้ทรงเกียรติเว่ยอวี้หลบหนี ได้ทำการคายร่างตัวเองขนาดเล็กออกมาจากปากยั้วเยี้ยเต็มไปหมด”

สีหน้าของเจียงหลานเผยความหงุดหงิด

“หลังจากพ่นออกมา ร่างขนาดเล็กของมันก็ยังหนีต่อไป อาจารย์อสูรนั่นเริ่มควบคุมโลกวัตถุบางแห่งที่มีอารยธรรมเพื่อมาปะทะกับข้า ข้าทำได้เพียง… ไล่ฆ่าไปตลอดทาง ฆ่าจนกระทั่งเหลือมันเพียงจำนวนน้อยนิดเท่านั้น แต่มันยังหนีไปได้อยู่ดี!”

“ดูท่าว่าท่านผู้ทรงเกียรติเว่ยอวี้จะเป็นอาจารย์อสูรที่เจ้าเล่ห์ที่สุดในบรรดาหกอสูรแห่งความปรารถนา”

ไป๋ชิวหรานถอนหายใจ

“เป็นไปได้ว่าตัวที่หนีไปได้จะเป็นตัวที่เหลือความคิดและความรู้สึกน้อยที่สุด คาดว่าในสงครามครั้งก่อน มันได้สำรองพละกำลังให้อยู่ในจุดสูงสุดเช่นกัน รูปลักษณ์ที่เต็มไปด้วยรอยแผลเหล่านั้นคิดว่าเป็นเพียงการเสแสร้งเท่านั้น… แต่นั่นไม่สำคัญหรอก ดินแดนแห่งความตระหนักรู้มีพรมแดน มันไม่สามารถหนีไปไหนได้!”

“ใช่แล้ว… นอกดินแดนแห่งความตระหนักรู้ อาจจะมีสิ่งที่เชื่อมโยงกับท่านอาจารย์อยู่ เช่นนั้นท่านผู้ทรงเกียรติเว่ยอวี้ย่อมไม่กล้าผ่านไปแน่นอน”

เล่อเจิ้นเทียนเดินเข้ามาเช่นกัน ก่อนปลอบเจียงหลานแล้วกล่าวว่า

“อาจารย์กับท่านไม่ต้องกังวลไป ดินแดนอาจารย์อสูรนี้กว้างใหญ่ไร้พรมแดน อาจารย์อสูรที่อาศัยอยู่ข้างในไม่ได้มีแค่หกอสูรแห่งความปรารถนาเท่านั้น พวกเรายังต้องใช้เวลาอีกหน่อย ถึงจะสามารถเก็บกวาดอสูรในพื้นที่นี้ได้หมดสิ้น ถึงตอนนั้นท่านผู้ทรงเกียรติเว่ยอวี้จะต้องถูกตามล่าอย่างแน่นอน!!”

“ได้ยินแบบนี้ค่อยโล่งใจหน่อย…”

เจียงหลานกล่าวอย่างเคร่งขรึม

“ข้าหวังว่าเมื่อถึงเวลานั้นจะได้เป็นคนล่าท่านผู้ทรงเกียรติเว่ยอวี้!”

“เรื่องนี้…”

เล่อเจิ้นเทียนมองไป๋ชิวหรานผู้กำลังยืนอยู่ด้านหลังเจียงหลาน อีกฝ่ายพยักหน้าให้เขา

“ได้สิ! หากภารกิจตามล่าท่านผู้ทรงเกียรติเว่ยอวี้มาถึง ข้าจะมอบความรับผิดชอบทั้งหมดให้กับท่านเอง… ข้าจะส่งทหารสอดแนมไปด้วย หากมีข่าวดีเมื่อไหร่ ข้าจะแจ้งให้ท่านทราบทันที”

“ยอดเยี่ยม!”

ในที่สุดเจียงหลานก็รู้สึกโล่งอกขึ้นมา

“แต่ครั้งนี้ การเก็บเกี่ยวนับว่าได้กำไรยิ่งนัก”

ถังรั่วเวยเปี่ยมด้วยความยินดี

“ข้ารู้สึกว่าร่างจำแลงอาจารย์อสูรแข็งแกร่งขึ้นมาก! ท่านอาจารย์ บางทีการก้าวข้ามความปรารถนาอันยิ่งใหญ่ของข้าคงกำลังจะสำเร็จแล้ว!”

“ใช่แล้ว!”

อารมณ์ของไป๋ชิวหรานดีขึ้นมากหลังจากได้ยินเช่นนี้

“หลังจากกลืนกินท่านผู้ทรงเกียรติอี้อวี้เข้าไป เทพอาวุโสก่อสร้างรากฐานของข้าสามารถไปได้อีกขั้น! บางทีตอนนี้ อาจจะทำให้ข้าทะลวงรากฐานได้”

ศิษย์อาจารย์มองหน้ากัน ต่างเห็นความยินดีในแววตาของอีกฝ่าย

“เฮ้อ… ข้าไม่ได้คิดจริงจังมากขนาดนั้น”

เมื่อเห็นว่าศิษย์อาจารย์ต่างยิ้มให้กัน หลีจิ่นเหยาก็ยื่นตัวออกไป อวดร่างงดงามของตัวเอง ก่อนจะยิ้มให้ซูเซียงเสวี่ย

“พี่เซียงเสวี่ย ข้าได้ยินมาว่าทางใต้ของแดนเซียนมีการค้นพบน้ำพุร้อนแห่งใหม่ ช่วยทำให้ผิวพรรณเปล่งปลั่ง กลิ่นหอมละมุน พวกเราเดินทางไปกันทั้งครอบครัวเพื่อผ่อนคลายที่น้ำพุร้อนกันเถอะ เจ้าคิดว่าอย่างไร?”

“ก็ไม่เลว…”

ซูเซียงเสวี่ยพยักหน้า

“ถูกต้อง เหมยเฉียวก็เติบใหญ่แล้วเช่นกัน ถึงเวลาที่ข้าจะต้องส่งต่อสำนักเหอฮวนให้นางดูแลแล้วล่ะ”

หลังจากสงครามสิ้นสุดลง กองเรือแห่งความว่างเปล่าจากแดนเซียนส่วนใหญ่ก็ประจำการอยู่ในดินแดนท่านผู้ทรงเกียรติเจี้ยนอวี้ และเริ่มสร้างวงล้อมของแดนเซียนในดินแดนอาจารย์อสูร

ส่วนเล่อเจิ้นเทียนนำกองเรือที่เหลือกลับไปแดนเซียนพร้อมกับชัยชนะที่คว้ามา เขาเกณฑ์นักรบและแม่ทัพจำนวนมาก สอนสั่ง และตั้งกองเรือผสมเพื่อกวาดล้างอาจารย์อสูร

พวกเขาเริ่มจากป้อมปราการของแดนเซียนในดินแดนแห่งความตระหนักรู้ และกวาดผ่านกำแพงแห่งความตระหนักรู้ตลอดทาง จนถึงส่วนลึกของดินแดนอาจารย์อสูร พร้อมจัดการเก็บกวาดอาจารย์อสูรทั้งหมดที่เผชิญตามทาง จากป้อมปราการของแดนเซียนไปจนถึงวงล้อมของท่านผู้ทรงเกียรติเจี้ยนอวี้

ในเวลาเดียวกัน ดินแดนของเทพอาวุโสก่อสร้างรากฐานก็แผ่ขยายตามฝีเท้าของพวกเขาด้วยเช่นกัน

มันคืองานระยะยาว เพราะดินแดนของอาจารย์อสูรกว้างใหญ่ไร้พรมแดน ต่อให้ใช้เวลานับหมื่นปีก็อาจจะยังไม่สามารถเก็บกวาดทุกหัวมุมของดินแดนแห่งความตระหนักรู้ได้อย่างสมบูรณ์

แต่มีใครคนหนึ่งกล่าวเอาไว้ว่า ‘ขอเพียงไม่หยุดยั้ง ความหวังก็ยังรออยู่ข้างหน้า’ ดังนั้นตราบใดที่ดินแดนเซียนไม่หยุดงานเก็บกวาดดินแดนของอาจารย์อสูร สักวันหนึ่ง อาจารย์อสูรที่ไม่ถูกควบคุมตัวจะไม่มีเหลือให้เห็น

ขณะดำเนินการเก็บกวาด งานเผยแผ่ลัทธิของฝ่ายเทพอาวุโสก่อสร้างรากฐานก็ต้องดำเนินการอย่างจริงจังเช่นกัน

ไป๋ชิวหรานตั้งมั่นกับตัวเองไว้เรียบร้อย ดังนั้นจึงเป็นไปไม่ได้ที่เทพอาวุโสก่อสร้างรากฐานจะเป็นสิ่งชั่วร้าย

ตรงกันข้าม การกระจายความเชื่อในเทพอาวุโสก่อสร้างรากฐานยังเอื้อต่อการฝึกฝนของสิ่งมีชีวิตในโลกวัตถุ รวมถึงความก้าวหน้าของอารยธรรมอีกด้วย

ในเวลาเดียวกัน เพราะเขายังระแวดระวังวิถีสวรรค์ พวกเล่อเจิ้นเทียนจึงเชื่อว่าการเสริมสร้างเทพอาวุโสก่อสร้างรากฐานเป็นข้อจำกัดในเจตจำนงของสวรรค์เช่นกัน หลังจากจัดการหกอสูรแห่งความปรารถนาในแดนเซียนไปแล้ว เจตจำนงของวิถีสวรรค์ได้ส่งกฎเกณฑ์แห่งวิถีสวรรค์มาจากทางฝั่งกำแพงแห่งความตระหนักรู้ ทำให้เจตจำนงของร่างกายเชื่อมต่อกับดินแดนแห่งความตระหนักรู้นี้อย่างช้า ๆ

แต่การทำแบบนี้แดนเซียนจะตกอยู่ในสถานการณ์ขาดกำลังคน เหล่าเซียนคือตัวตนที่หายาก เซียนทุกตนล้วนได้รับการคัดเลือก บางตนอาจจะไม่ใช่เซียนที่แท้จริง ก่อนจะกลายเป็นเทพในเวลาหลายพันปี

ไป๋ชิวหรานเองก็เชื่อเช่นนั้น หากจะปล่อยให้เหล่าเซียนทำเรื่องเผยแผ่ลัทธิเทพอาวุโสก่อสร้างรากฐานมันก็เสียของเกินไป ในช่วงยุคแรกของระบบความเชื่อเทพอาวุโสก่อสร้างรากฐาน พวกเขาสามารถมาช่วยทำภารกิจกันเองได้

แต่ตอนนี้มีชัยชนะครั้งใหม่ในดินแดนของอาจารย์อสูร มีแนวคิดนับร้อยรอคอยให้จัดการ ด้วยพลังของเหล่าเซียน มันมากพอจะให้เขาเอาเวลาไปทำสิ่งต่าง ๆ ที่สำคัญกว่าได้

ดังนั้น ไป๋ชิวหรานจึงเสนอว่าควรเปิดใบอนุญาตผ่านทางระหว่างโลกวัตถุ เพื่อให้สิ่งมีชีวิตเหล่านี้ที่ยอมรับความเชื่อของเทพอาวุโสก่อสร้างรากฐาน ช่วยเหลือในการเทศนา

ณ พรมแดนของหกอสูรแห่งความปรารถนาที่ไป๋ชิวหราน เจียงหลาน และซูเซียงเสวี่ยมาถึงตอนสำรวจ

ระยะเวลาเกือบสองร้อยปีแล้วนับตั้งแต่การรุกราน และการทำลายล้างโลกชั้นสองของอาจารย์อสูรระดับสูง ตั้งแต่นั้นมาหลังจากอาจารย์อสูรถูกสังหาร เหล่าผู้เหลือรอดอย่างภูตปฐพี ภูตอัคคี และภูตน้ำแข็ง ได้มุ่งสู่โลกชั้นสองที่ถูกทำลาย เพื่อสร้างบ้านขึ้นมาใหม่

บนพื้นฐานของเทพเจ้าแห่งยันต์สูงสุด มหาปราชญ์เท่อหมีซื่อของเผ่าภูตแนะนำเทพตนใหม่จำนวนมากที่นำโดยเทพนามว่า ‘เทพอาวุโสก่อสร้างรากฐาน’ เทพเหล่านี้ล้วนมีความสามารถที่มีประสิทธิภาพเป็นอย่างยิ่ง

ด้วยการสักการะพวกเขา จะทำให้ได้รับความช่วยเหลือ และในไม่ช้าภูตกับเผ่ามังกรก็สามารถสร้างบ้านที่เคยสูญเสียไปได้อีกครั้ง

แต่วันนี้ เหนือยอดต้นไม้โลกที่จุดสูงสุดของโลกวัตถุนี้ รอยแยกขนาดใหญ่พลันเปิดออก

อุกกาบาตตกลงมาจากรอยแยกอีกครั้ง! พุ่งลงมาถึงชั้นหนึ่งของต้นไม้โลก!

มังกรศักดิ์สิทธิ์หลัวซาผู้เกิดใหม่เป็นมังกรหนุ่มอีกครั้ง เดิมทีนั้นหมอบอยู่ใกล้บ้านของภูตแห่งพฤกษาโส่วเฟ แต่เมื่อเห็นอุกกาบาตในนภาก็ใจสั่นระรัวโดยไม่อาจห้ามได้

มันไม่หมอบอยู่กับที่อีกต่อไป แต่กลับตั้งท่าระวังตัว กางปีกออกและโผบินขึ้นไปลอยอยู่กลางอากาศ เตรียมพร้อมหลบทุกเมื่อ! หากอุกกาบาตลูกนั้นตั้งใจพุ่งเข้าหามัน หลัวซาจะหลบได้ในทันที

แต่สิ่งที่ทำให้มันขบขัน คือสหายจากชาติที่แล้วผู้กลายเป็นเป็นพ่อบุญธรรมในชาตินี้ มังกรแดงซาข่ามีปฏิกริยาไม่ต่างกัน อีกฝ่ายกางปีกออก และจับจ้องอุกกาบาตในนภาด้วยความแตกตื่น!

สัตว์ร้ายขนาดยักษ์ทั้งสองต่างมองกันและกันกลางท้องฟ้า ต่างฝ่ายต่างเห็นความเขินอายในแววตา พวกมันลอบเบือนหน้าหนีอย่างรู้ใจ แสร้งทำเป็นมองไม่เห็น

“มาเดินเล่นหรือ”

หลัวซาเป็นฝ่ายกล่าวทักทายก่อน

“ว่าไง?”

ซาข่ายิ้มอย่างเจ้าเล่ห์

“พอดีเพิ่งกินอิ่ม จึงออกมาบินย่อยอาหาร”

เกิดเสียงหวีดหวิวกลางนภา อุกกาบาตมุ่งไปที่มุมหนึ่ง เคลื่อนผ่านที่แห่งนี้ไป

หลังจากได้ยินเสียงหวีดหวิว มังกรยักษ์สองตัวก็แยกจากกันทันที พวกมันกระพือปีกจากไปอย่างรวดเร็ว บินแยกกันไปคนละทาง ทำเป็นว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น พวกตนไม่ได้แตกตื่นอะไรทั้งนั้น!