ตอนที่ 502 ชะตาอาภัพ

เสียงกระทบกึกๆ แว่วห่างออกไป ก่วนฟางอี๋ที่นั่งอยู่ท่ามกลางความมืดเพียงลำพังถอนหายใจอย่างโล่งอก มองเงาตนในคันฉ่อง ทว่ามองอย่างไรก็ไม่ชัดเจนเลย ทุกอย่างพร่ามัวไปหมด

นางกลัวจริงๆ ว่าหนิวโหย่วเต้าจะบุกเข้ามาแล้วมาเห็นสภาพของนางในตอนนี้เข้า

ขอบตาค่อยๆ เปียกชื้นขึ้นมาอย่างน่าประหลาด นางโน้มตัวฟุบลงกับโต๊ะเครื่องแป้ง ก้มหน้าซุกแขน หยาดน้ำตาร่วงรินอย่างเงียบงัน…

นอกเรือน หนิวโหย่วเต้าที่เดินค้ำกระบี่ออกมากวักมือเล็กน้อย

ลุงเฉินโผล่ออกมาจากความมืด ตามเขาออกไป

ยามที่ทั้งสองเดินผ่านลานเรือน หยวนกังที่ยืนอยู่ในมุมมืดใต้ชายคาเฝ้ามองตาม เขาก็ทราบเรื่องแล้วเช่นกัน

ตอนที่หนิวโหย่วเต้ากลับมาก่อนหน้านี้ได้หยิบกระบี่ออกมาจากชั้นวางกระบี่ ชักกระบี่ออกจากฝัก มองตัวกระบี่ที่ล้อแสงตะเกียงอยู่นานพักใหญ่

หยวนกังรับรู้ได้ถึงความผิดปกติ จึงถามว่ามีเรื่องอะไร ด้วยเหตุนี้หนิวโหย่วเต้าจึงเล่าเรื่องราวให้เขาฟัง

เมื่อออกจากเรือนมา หนิวโหย่วเต้ายืนค้ำกระบี่อยู่ริมเขา สายลมในหุบเขาโชยแผ่ว

ลุงเฉินตามมาอยู่ข้างๆ เอ่ยถามว่า “มีเรื่องใดหรือขอรับ?”

หนิวโหย่วเต้ากล่าวว่า “ตอนที่เจ้าติดตามหงเหนียง สวี่เหล่าลิ่วยังไม่ได้มาติดตามหงเหนียงกระมัง?”

“ถูกต้อง! สวี่เหล่าลิ่วมาทีหลัง” ลุงเฉินตอบ ไม่เข้าใจว่าเขาถามเรื่องนี้ไปทำไม หรือยังอยากจะซักประวัติภูมิหลังเขาอยู่?

“กล่าวก็คือ เจ้ารู้เรื่องของกลุ่มคนที่เคยมีอดีตกับหงเหนียงเหล่านี้มากกว่า”

“ก็ไม่แน่ ท่านอยากพูดอะไรกันแน่?”

หนิวโหย่วเต้าเอ่ยว่า “วันนี้ตอนที่หงเหนียงติดตามข้าออกไป ถูกคนอื่นตบเข้า”

ลุงเฉินหันมองกลับไปทางเรือนรับรองทันที ในที่สุดก็เข้าใจแล้วว่าเหตุใดวันนี้ก่วนฟางอี๋จึงดูแปลกไป เขาหันกลับมาอีกครั้ง เอ่ยเสียงเครียด “ฝีมือผู้ใด?”

หนิวโหย่วเต้าเอ่ยนามหนึ่งออกมาช้าๆ “เหวินซินจ้าว!”

ลุงเฉินผงะไป สีหน้าดุดันค่อยๆ จืดจางลงไป ถามขึ้นมา “ฮูหยินของตู้อวิ๋นซางหรือ?”

“ใช่ วันนี้ตอนที่ไปรอเข้าพบทางสำนักเทพนารี บังเอิญพบพวกเขาสามีภรรยาเข้า…” หนิวโหย่วเต้าเล่าเรื่องราวตามที่ทราบออกมาคร่าวๆ

ลุงเฉินฟังจบก็ถอนหายใจเบาๆ “รู้ดีว่าเป็นเหตุบังเอิญแต่ก็ยังลงมือ สตรีนางนี้ทำเกินไปแล้ว”

“ดูเหมือนเจ้าจะรู้ต้นสายปลายเหตุของเรื่องราวดี เล่ามาเถอะ หากจะคิดบัญชีอย่างน้อยก็ต้องรู้สถานการณ์ของเรื่องราวให้แน่ชัดก่อนกระมัง? หากไม่รู้รายละเอียดแล้วจะลงมือได้อย่างไร?”

“เกรงว่าคงไม่จำเป็นต้องทำเช่นนั้น หงเหนียงอาจจะไม่อยากคิดบัญชีนี้ก็ได้ สมัยก่อนเหวินซินจ้าวเคยเตือนหงเหนียงไว้แล้วว่าห้ามพบหน้าตู้อวิ๋นซางอีก หงเหนียงก็รับปากไปแล้ว”

หนิวโหย่วเต้าหันมองด้วยความแปลกใจ “หงเหนียงไปยั่วยวนชายที่มีภรรยาแล้วจริงๆ น่ะหรือ เป็นหงเหนียงที่ทำผิดต่อคนอีกฝ่ายอย่างนั้นหรือ?”

“หาใช่ไม่ หงเหนียงมิใช่คนเช่นนั้น ปัจจุบันอาจจะปล่อยตัวไปบ้าง แต่เมื่อก่อนมิได้เป็นเช่นนี้ แต่ก่อนมีเพียงคนอื่นที่เข้ามาพัวพันเพราะชื่อเสียง แต่นางไม่มีทางเป็นฝ่ายไปพัวพันผู้อื่นก่อน ตู้อวิ๋นซาง คำนวณคร่าวๆ แล้ว เรื่องน่าจะเกิดขึ้นราวยี่สิบกว่าปีก่อนแล้วกระมัง ช่วงเวลานั้นตู้อวิ๋นซางยังมิได้แต่งงาน ไหนเลยจะมีเรื่องทำนองยั่วยวนชายมีภรรยาอันใดได้ เวลานั้นตู้อวิ๋นซางก็มากับสหายเพราะได้ยินชื่อเสียงของนางเช่น ต้องยอมรับเลยว่าตู้อวิ๋นซางรูปโฉมงามสง่า บุคลิกไม่ธรรมดา แตกฉานทั้งบุ๋นบู๊ พิณหมากตำราภาพล้วนสันทัดทั้งสิ้น บอกว่าเป็นเพชรยอดมงกุฎในหมู่ศิษย์รุ่นนั้นของสำนักชะตาสวรรค์ก็ไม่เกินเลยไปสักนิด”

“เสียก็แต่ตู้อวิ๋นซางเป็นคนดีเกินไป เพียงพบหน้ากันคราแรก หงเหนียงที่ไม่ค่อยเห็นผู้ใดอยู่ในสายตาก็ถูกเขาดึงดูดใจเข้าเสียแล้ว แต่ตู้อวิ๋นซางเป็นคนพูดน้อย จะกี่ครั้งก็มากับสหายเสมอ ภายหลังหงเหนียงจึงเป็นฝ่ายบอกใบ้สื่อความนัยก่อน บอกว่ายามราตรีตะเกียงดวงเดียวไม่ค่อยสว่างนัก ฝ่ายตู้อวิ๋นซางก็มีใจตรงกัน คืนนั้นเขาถือตะเกียงดวงหนึ่งมาหาจริงๆ สองมือเกาะกุมตะเกียงไว้ ระหว่างทั้งสองเรียกได้ว่าเป็นรักแรกพบเลยทีเดียว เริ่มคบหากันอย่างเงียบๆ”

“เหตุผลที่ต้องปิดเงียบไว้เพราะหงเหนียงเคยเสียหายมาแล้ว นางรู้สึกว่าฐานะไม่เหมาะสมกัน ประกอบกับชื่อเสียงตนก็ไม่ดีนัก กลัวว่าถ้าเปิดเผยออกไปจะถูกขัดขวางไม่ให้คบหากัน ฝ่ายตู้อวิ๋นซางกลับอยากจะเปิดเผยออกไปอย่างยิ่ง อยากเปิดเผยเรื่องที่ทั้งสองคบหากันออกไปอย่างไม่นึกเสียดายอนาคตเลย เป็นหงเหนียงที่ห้ามเอาไว้ กลัวว่าเขาจะไม่สามารถชี้แจงกับทางสำนักได้ ด้วยเหตุนี้ตู้อวิ๋นซางจึงเดินทางกลับสำนักทันที เตรียมจะไปขออนุญาตจากทางสำนักเพราะต้องการตบแต่งหงเหนียงเป็นภรรยาตามธรรมเนียม เขาบอกว่าหากทางสำนักไม่อนุญาต เขาก็ยินดีที่จะถูกขับออกจากสำนัก!”

“หงเหนียงตื่นเต้นดีใจ เตรียมตัวออกเรือน อีกทั้งเริ่มเตรียมจะให้พวกเราแยกย้ายแล้วด้วย ผู้ใดจะคิดว่าตู้อวิ๋นซางที่เฝ้ารอยังไม่มา ผู้มากลับเป็นเหวินซินจ้าวศิษย์น้องของตู้อวิ๋นซาง หรือก็คือบุตรสาวของเหวินหวาเจ้าสำนักชะตาสวรรค์คนก่อน ศิษย์น้องของตู้อวิ๋นซางนัดหงเหนียงออกไปเจรจากันนอกเมือง ฝ่ายหงเหนียงก็ปิดบังเรื่องราวจากพวกเราออกไปตามนัดเงียบๆ ผลคือครั้งนั้นเกือบจะสิ้นชีพด้วยน้ำมือของเหวินซินจ้าวเสียแล้ว โชคดีที่ใครบางคนซึ่งมีใจชื่นชมในตัวหงเหนียงผ่านทางมาพอดี ออกโรงช่วยเหลือหงเหนียงไว้ ยามนั้นหงเหนียงลมหายใจรวยริน ถูกพาตัวกลับมาส่งในสภาพบาดเจ็บสาหัส”

“กระทั่งหงเหนียงหายดีแล้ว ตู้อวิ๋นซางก็มาถึง ครั้งนี้ตู้อวิ๋นซางเปลี่ยนไป บอกว่านับจากนี้ไปขอเป็นเพียงคนที่เคยรู้จักกัน กล่าวว่าเพียงอยากเล่นสนุกด้วยเท่านั้น ขอให้ทำเหมือนไม่เคยรู้จักกันมาก่อน ต่อไปห้ามไม่ให้หงเหนียงมาพัวพันกับเขาอีก สภาพของหงเหนียงในตอนนั้นจะเป็นอย่างไร เพียงแค่คิดดูก็รู้แล้ว หลังจากนั้นไม่นานนัก ทางสำนักชะตาสวรรค์ก็ประกาศข่าววิวาห์ระหว่างตู้อวิ๋นซางและเหวินซินจ้าว ผ่านไปอีกไม่นานนักเหวินซินจ้าวก็มาหาอีกครั้ง มาถึงสวนไม้เลื้อยด้วยตัวเอง ประกาศเตือนหงเหนียงซึ่งๆ หน้าว่าตู้อวิ๋นซางคือสามีของนางแล้ว ห้ามไม่ให้หงเหนียงไปพบหน้าตู้อวิ๋นซางอีกเด็ดขาด มิเช่นนั้นจะไม่ออมมือให้แน่นอน ยามนั้นหงเหนียงก็กล่าวไปด้วยความมีโทสะเช่นกัน บอกว่าคนเนรคุณใจทรามเช่นนี้ถึงมาขอร้องอยากพบหน้านางก็ไม่มีทางไปพบ บอกว่าหากไปให้เห็นหน้าอีกก็เชิญจัดการได้ตามสบายเลย!”

“ภายหลัง ด้วยความโมโหหงเหนียงจึงไปโยนช่อแพรที่ใต้หอสูง เมื่อโยนช่อแพรออกไปแล้วมีคนรับได้ ทว่าหงเหนียงเองก็เป็นสตรีที่ปล่อยวางเป็นคนหนึ่ง สุดท้ายพอใจเย็นลงแล้วก็ไม่ได้ทำให้ตัวเองต้องคับข้องหมองใจอีก ไม่ได้ออกเรือนกับคนผู้นั้นที่รับช่อแพรได้ เพียงมอบเงินก้อนหนึ่งให้เพื่อจบเรื่อง”

来,天行宗掌门的大位啊,又岂是区区一个红娘能比的,天下有几人能拒绝如此诱惑?”

“หลายปีผ่านไป ทางสำนักชะตาสวรรค์ประกาศข่าวออกมาอีกครั้ง เจ้าสำนักเหวินหวาลงจากตำแหน่งด้วยตัวเอง มอบตำแหน่งเจ้าสำนักให้ตู้อวิ๋นซางสืบทอดต่อ ที่ผ่านมาพวกเราสงสัยว่าตู้อวิ๋นซางอาจจะถูกกดดันด้วยเหตุผลบางอย่าง ในยามนั้นถึงได้เข้าใจขึ้นมา ตำแหน่งใหญ่โตอย่างเจ้าสำนักชะตาสวรรค์ไหนเลยจะใช่สิ่งที่หงเหนียงจะไปเทียบได้ จะมีสักกี่คนบนโลกนี้ที่สามารถปฏิเสธความเย้ายวนนี้ได้?”

หนิวโหย่วเต้าหัวเราะเฮอะๆ มุมปากยกขึ้นเป็นรอยยิ้มถากถาง “เข้าใจแล้ว แต่งบุตรีเจ้าสำนักแลกกับตำแหน่งเจ้าสำนัก การค้านี้ไม่ขาดทุนเลย”

ลุงเฉินถอนหายใจเอ่ยว่า “เรื่องราวส่วนใหญ่ก็เป็นเช่นนี้ หงเหนียงไม่มีทางไปพบตู้อวิ๋นซางอีก ไม่คิดเลยว่าครั้งนี้จะบังเอิญพบเข้า ด้วยทิฐิของหงเหนียง ปีนั้นได้ลั่นวาจาเอาไว้แล้ว ย่อมน้อมรับการตบหน้าสองฉาดนี้เอาไว้แต่โดยดี ได้แต่โทษตัวเอง ผิดหวังกับตัวเอง ถึงทุกข์ใจก็ต้องกล้ำกลืนฝืนทนไว้ ไหนเลยจะไปคิดบัญชีอันใดได้”

หนิวโหย่วเต้าย้อนถาม “นางข่มกลั้นโทสะไว้เช่นนี้ แล้วอีกฝ่ายจะคิดว่านางมีศักดิ์ศรีหรือ? ชื่อเสียงของนางจะดีขึ้นมาอย่างนั้นหรือ?”

ลุงเฉินถามกลับ “เช่นนั้นท่านคิดจะทำอย่างไรน่ะ? พวกเราไม่เพียงแต่จะไปมีเรื่องกับสำนักชะตาสวรรค์ไม่ได้ หากปะทะกันก็มีแต่ตายเท่านั้น ท่านเองก็ได้เห็นแล้ว หงเหนียงยินยอมกล้ำกลืนไว้เอง ไม่ยินดีจะให้คนนอกได้รับรู้ นางยินดีแบกรับชื่อเสียงเหลวแหลกเหล่านั้นไว้และไม่อยากเสียคำพูดที่เคยลั่นวาจาไว้ต่อหน้าเหวินซินจ้าว พวกเรามัวมานั่งคิดว่านางต้องการศักดิ์ศรีนั้นหรือไม่ก็ไม่มีประโยชน์ เป็นตัวนางเองที่อยากจะเก็บศักดิ์ศรีนั้นไว้”

ว่าจบก็ถอนหายใจ เอ่ยเสริมขึ้นมาอีกประโยค “เต้าเหยี่ย ดูเหมือนท่านจะยังไม่รู้จักหงเหนียงดีพอ ไม่ใช่เพราะตู้อวิ๋นซางกับเหวินซินจ้าวอันใดเลย บางสิ่งบางอย่างหงเหนียงหาได้แยแสไม่ แต่บางสิ่งบางอย่างนางกลับให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง”

หนิวโหย่วเต้าเข้าใจแล้ว เอ่ยเนิบๆ ว่า “ลุงเฉิน เรื่องที่ถูกตบ อย่าให้นางรู้ว่าพวกเราทราบเรื่องแล้ว”

ลุงเฉินถอนหายใจ “เข้าใจแล้ว ไม่จำเป็นต้องให้ท่านบอกหรอก”

“เจ้ากลับไปก่อนเถอะ เรื่องนี้ข้าจะจัดการเอง”

“ท่านอย่าได้ก่อเรื่องเลย พวกเราไม่อาจล่วงเกินสำนักชะตาสวรรค์ได้”

“สมควรทำอย่างไรในใจข้ารู้ดีกว่าเจ้ามากนัก ข้าเพียงค่อนข้างแปลกใจ ด้วยนิสัยของเหวินซินจ้าวคนนั้น ไฉนจึงปล่อยให้หงเหนียงอยู่รอดมาได้จนถึงตอนนี้กัน?”

….

แสงจันทร์ดั่งวารี ภายในศาลายกสูง ตู้อวิ๋นซางยืนเหยียดร่างองอาจอยู่หน้าราวกั้น แววตาเลื่อนลอยเล็กน้อย

เรื่องราวในอดีตฉายชัดในความทรงจำ เขายังคงจดจำเหตุการณ์ช่วงที่ตนจากสวนไม้เลื้อยและเดินทางกลับมายังสำนักได้ เขาเองก็ประหม่าและหวาดหวั่นนัก ทราบดีว่าการที่ตนคิดตบแต่งหงเหนียงซึ่งเป็นสตรีมีชื่อเสียงพรรค์นั้นเป็นภรรยา จะต้องเผชิญหน้ากับแรงกดดันจากสำนักชะตาสวรรค์ที่เป็นสำนักใหญ่แน่นอน ยิ่งไปกว่านั้นคือตัวเขาก็เป็นศิษย์สายตรงที่เจ้าสำนักให้ความสำคัญที่สุดด้วย

แต่เขากลับเผชิญหน้าอย่างไม่ลังเล

เขาจดจำท่าทีของท่านอาจารย์ในตอนที่ตนพูดเรื่องแต่งงานต่อหน้าท่านอาจารย์ได้ดี คำว่า ‘โอหัง’ ถูกตวาดกร้าวออกมาราวกับสายฟ้าฟาด อาจารย์ไม่พูดพร่ำทำเพลง ซัดฝ่ามือโจมตีคราหนึ่งจนตนกระอักเลือดลอยละลิ่วออกไป

อาจารย์เดินเข้ามาตรงหน้าตน ก้มมองลงมาพลางเอ่ยถามว่าได้สติขึ้นหรือยัง?

ตนยังคงขอร้องอ้อนวอนอยู่

อาจารย์ผิดหวังอย่างยิ่ง ส่ายหน้าพลางเอ่ยถามเขา ‘เจ้ารู้หรือไม่ว่าข้าตั้งความหวังกับเจ้าไว้มากเพียงใด? ข้าปฏิบัติต่อเจ้าเหมือนบุตรชายแท้ๆ หลายปีมานี้ทุ่มเทความคิดจิตใจเลี้ยงดูอบรมเจ้าไปมากมายเพียงใดแล้ว? ต้องบีบให้อาจารย์พูดออกมาตรงๆ อย่างนั้นหรือว่าเตรียมส่งมอบตำแหน่งเจ้าสำนักให้เจ้ารับสืบทอดอยู่? เจ้าสำนักชะตาสวรรค์ผู้ทรงเกียรติไหนเลยจะแต่งสตรีชั้นต่ำที่คบบุรุษไม่เลือกหน้าเป็นภรรยาได้? เจ้าจะให้สำนักชะตาสวรรค์เอาหน้าไปไว้ที่ไหน? เรื่องน่าอับอายใหญ่หลวงขนาดนี้ เจ้าจะให้อาจารย์อธิบายต่อผู้คนทั้งบนและล่างในสำนักชะตาสวรรค์ได้อย่างไร? หากเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นจริงๆ ไม่ใช่แค่อาจารย์ที่จะขายหน้า ทั่วทั้งสำนักชะตาสวรรค์จะไม่มีทางยอมให้คนอย่างเจ้าขึ้นรับตำแหน่ง ต่อไปอย่าได้เอ่ยถึงเรื่องนี้อีกแม้แต่ครึ่งคำ ล้มเลิกความคิดนี้ไปเสีย!’

เขาไม่ยินยอม คลานลุกขึ้นมาคุกเข่าอ้อนวอน บอกว่ายินดีสละตำแหน่งเจ้าสำนัก ยินดีถูกขับออกจากสำนัก!

เมื่อโขกศีรษะเสร็จ ตนก็ตะเกียกตะกายลุกขึ้นมา หมายจะไปจากสำนักชะตาสวรรค์

เสียงหัวเราะหยันของอาจารย์แว่วมาจากด้านหลัง ‘เดรัจฉาน! เลอะเลือนไม่สร่าง! สำนักชะตาสวรรค์ใช่ที่ที่เจ้านึกอยากจะเข้าก็เข้า นึกอยากจะออกก็ออกได้เรอะ?’

ด้วยเหตุนี้ เขายังไม่ทันได้ออกจากสำนักชะตาสวรรค์ก็ถูกกักขังเอาไว้ในคุกใต้ดินที่มืดมิดไม่เห็นเดือนเห็นตะวันแล้ว

อยู่มาวันหนึ่ง ผีเสื้อจันทราส่องแสงขึ้นภายในคุกใต้ดินอันมืดมิด ส่องสว่างให้เห็นใบหน้าของท่านอาจารย์ที่ยืนอยู่นอกซี่ลูกกรง

เขายังคงเอ่ยอ้อนวอน แต่อาจารย์ตอบกลับมาอย่างเย็นชาประโยคเดียว เจ้าอยากให้หญิงแพศยาคนนั้นตายหรือว่าอยากให้นางรอด? 艾琳小說

เพียงเอ่ยประโยคนี้ออกมา เรี่ยวแรงทั้งหมดในตัวเขาคล้ายถูกสูบออกไปจนสิ้น

หลังจากนั้น เขากลับไปที่สวนไม้เลื้อย ใบหน้าที่ยิ้มทั้งน้ำตายามที่เขาหันหลังจากมานั้นเขาไม่มีทางลืมเลือนลง

ในมุมหนึ่งของศาลา เหวินซินจ้าวยืนเงียบอยู่ตรงนั้น เฝ้ามองเงาร่างของเขาอย่างเงียบงัน

นางเองก็จดจำภาพเหตุการณ์ที่ท่านพ่อโมโหโกรธเกรี้ยวเพราะสตรีนางนั้นได้อย่างชัดเจนเช่นกัน แต่ไหนแต่ไรมาศิษย์พี่คนนี้ไม่เคยทำให้ท่านพ่อต้องผิดหวังเลย โดดเด่นเลิศล้ำปานนั้น ทำให้ท่านพ่อภาคภูมิใจ ปฏิบัติด้วยเสมือนบุตรชายในไส้ อีกทั้งวางตัวเขาไว้เป็นลูกเขยของตนมานานแล้ว

ครั้งนั้น ท่านพ่อผิดหวังในตัวศิษย์พี่อย่างยิ่ง

นางรู้มาแต่เนิ่นๆ แล้วว่าไม่ช้าก็เร็วตนจะต้องออกเรือนกับศิษย์พี่คนนี้แน่นอน ศิษย์ที่แสนดีเช่นนี้นางก็ชอบพออย่างมากเช่นกัน แต่การปรากฏตัวขึ้นของสตรีผู้นั้นทำให้ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงไป ทำให้ศิษย์พี่ประหนึ่งโดนเสกคาถาใส่

นางไม่เข้าใจเลยว่าหญิงต่ำชั้นที่คบหาผู้ชายไม่เลือกหน้าคนหนึ่งทำศิษย์พี่ลุ่มหลงโงหัวไม่ขึ้นขนาดนี้ได้อย่างไร

นางถ่อไปพบหน้า อยากเห็นว่านางจะเลิศเลอสักเพียงใด ถึงทำให้ศิษย์พี่ลุ่มหลงจนกลายเป็นเช่นนี้ไปได้

หลังจากได้พบหน้า นางก็รู้สึกอิจฉาขึ้นมา ไฉนบนโลกนี้ถึงได้มีสตรีที่งดงามปานนี้อยู่เล่า ความงามของนางเป็นสิ่งที่ตนไม่มีทางเทียบได้เลย ทำให้นางพาลโกรธขึ้นมาจนเกือบจะสังหารสตรีแพศยาคนนั้นไปแล้ว

แต่ภายหลังศิษย์พี่ก็เลือกที่จะเผชิญหน้ากับความเป็นจริง ยอมเชื่อฟังการจัดการของท่านพ่อ แต่งนางเป็นภรรยา แต่ก็ได้ทำข้อตกลงกับท่านพ่อเอาไว้ว่าห้ามไม่ให้แตะต้องสตรีนางนั้น ตัวเขาเองก็ยอมรับปากว่าจะตัดขาดสิ้นเยื่อใย นับจากนี้ไปจะไม่เกี่ยวข้องใดๆ กับนางอีก!

แต่สำหรับนางแล้ว ข้อตกลงนี้เป็นความอัปยศอย่างใหญ่หลวง ทำให้นางอัดอั้นตันใจมาโดยตลอด!

………………………………………………………….