เนื่องจากการหายตัวไปของลี่จุนถิง ตอนนี้ในบริษัทลี่ซื่อกรุ๊ปเหมือนเรือที่ขาดหางเสือ
ในตอนที่ลี่จุนถิงยังอยู่ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นเขาก็จะนั่งคุมหัวโต๊ะสั่งการเองทุกอย่าง
เพราะฉะนั้นพนักงานทุกคนเมื่อรู้ว่ามีลี่จุนถิงอยู่ก็ไม่หวาดกลัวกับอะไร
แต่ตอนนี้ลี่จุนถิงไม่อยู่แล้ว ไม่มีใครคอยสั่งการ พนักงานทุกคนต่างก็รู้สึกหวาดหวั่น
เมื่อลี่จุนถิงหายตัวไป บริษัทก็ไร้ผู้นำ ทุกคนต่างไม่รู้ว่าบริษัทจะต้องเผชิญกับปัญหาอะไรบ้าง
และผู้ถือหุ้นยังได้มีการนัดเรียกประชุมวิสามัญ
ท่านปู่ลี่ที่อายุมากแล้ว ไปกลับก็รู้สึกเหนื่อย เลยให้ลี่เจี้ยนหวาเป็นตัวแทนเข้าร่วมการประชุมในครั้งนี้
การประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นครั้งนี้วุ่นวายพอสมควร ผู้ถือหุ้นบางคนที่ปกติไม่ชอบหน้าลี่จุนถิงอยู่แล้ว ตอนนี้ต่างก็มีเจตนารมณ์ที่แตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัด
บางคนที่ปรกติมักจะพูดมาก แต่ตอนนี้ก็พากันเงียบ ไม่รู้ว่าจะจัดการกับสถานการณ์แบบนี้ยังไง
ลี่เจี้ยนหวารู้สึกหงุดหงิดกับคำพูดคำจาของคนเหล่านั้น
ในที่สุดการประชุมก็จบลงไปด้วยความวุ่นวาย
ลี่เจี้ยนหวากลับบ้านไปด้วยความผิดหวัง ไม่รู้ว่าเพราะเขาแก่เกินไป หรือว่าลี่จุนถิงดูแลบริหารมานานเกินไป คนในบริษัทเริ่มเมินเฉยและไม่เห็นเขาอยู่ในสายตา
ต่อหน้าลี่จุนถิงกลุ่มคนเหล่านั้นไม่มีใครกล้าที่จะมีสิทธิ์มีเสียงอะไร ทำได้แค่บ่นลับหลัง แต่ตอนนี้กลับมีความเห็นมากมายเมื่ออยู่ต่อหน้าเขา
ไม่ว่ายังไง สิ่งสำคัญในตอนนี้คือกลับไปรายงานภารกิจที่ได้รับมอบหมาย ท่านปู่ลี่ก็คงรออยู่ที่บ้านแล้ว
เมื่อลี่เจี้ยนหวากลับมาถึงที่คฤหาสน์ตระกูลลี่ ท่านปู่ลี่ก็นั่งรออยู่ในห้องรับแขกด้วยใบหน้าที่จริงจัง
และยังมีคนที่ลี่เจี้ยนหวาคาดไม่ถึงอยู่ด้วย อาทิเช่นลี่เจี้ยนเย่กับโม่เสี่ยวฮุ่ยก็อยู่
แม้ว่าในใจของลี่เจี้ยนหวาจะไม่ต้องการให้น้องชายของเขาอยู่ด้วยในตอนนี้ แต่พวกเขาก็เป็นพี่น้องสายเลือดเดียวกัน และเป็นสมาชิกของตระกูลลี่ เรื่องบางเรื่องให้เขาอยู่ด้วยเวลาพูดมันจะดูยุติธรรมกว่า
“บริษัทเป็นยังไงบ้าง ?”เมื่อเห็นลี่เจี้ยนหวากลับมาท่านปู่ลี่ก็เอ่ยถามทันที
“ผู้ถือหุ้นเหล่านั้นเห็นว่าลี่จุนถิงไม่อยู่ก็จ้องที่จะเล่นงาน ช่างน่ารังเกียจจริงๆ บางคนก็เป็นพวกนกสองหัว และบางคนที่เวลาปรกติปากดี แต่ตอนนี้ก็กลับนั่งเงียบ”เมื่อเอ่ยพูดถึงผู้ถือหุ้นเหล่านั้นลี่เจี้ยนหวาก็หงุดหงิดขึ้นมา
ไม้เท้าในมือของท่านปู่ลี่ก็เคาะไปที่พื้น สีหน้าก็เคร่งขรึมขึ้นมาทันที :“ ไอเด็กพวกนี้ ฉันรู้ว่าพวกเขามีแผนชั่ว และคิดไม่ซื่อ เพียงแค่ตอนนี้เปิดเผยธาตุแท้แล้วก็เท่านั้น ”
พูดจบ ท่านปู่ลี่ก็ถอนหายใจ
พูดกันตามตรงก่อนที่เขาจะมอบอำนาจให้ลี่จุนถิงนั้น ท่านปู่ลี่ก็พอจะมองออก ว่าผู้ถือหุ้นเหล่านั้นในบริษัทต่างกระตือรือร้นมานานแล้ว ที่อยากจะได้ตำแหน่งประธานบริษัท
โชคดีที่มีลี่จุนถิงถึงแม้อายุจะยังน้อยไปหน่อย แต่เขามีคำพูดที่ทรงพลัง และมีผลงานเป็นที่ประจักษ์ก่อนเข้ารับตำแหน่ง แค่เพียงไม่นานคนเหล่านั้นต่างก็ยอมสยบให้กับชายหนุ่ม
นี่เป็นเหตุผลที่ท่านปู่ลี่ไม่เคยกังวลใจเรื่องภายในของบริษัทเลย เพราะหลานชายของเขาคนนี้นั้นมีความสามารถจริงๆ
“พ่อครับ ผมคิดว่าตอนนี้บริษัทไร้ผู้นำ เราต้องหาคนมาทำหน้าที่ตรงนี้ เพื่อกอบกู้สถานการณ์ของบริษัทและเป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจให้กับพนักงาน” ลี่เจี้ยนหวาเอ่ยพูดเมื่อเห็นว่าโอกาสของเขามาถึงแล้ว
“อืม แล้วแกมีใครที่คิดว่าเหมาะสมไหมล่ะ?”ท่านปู่ลี่ก็คิดแบบนี้เช่นกัน สถานการณ์ที่วุ่นวาย ยังไงก็ต้องมีใครสักคนมาควบคุมดูแล
“ลี่หุยครับ”ลี่เจี้ยนหวายังคงนึกถึงแต่ลูกชายนอกสมรสของเขาคนนี้
เมื่อท่านปู่ลี่ได้ยิน ก็โมโหจนหน้าดำหน้าแดง
“ฉันไม่เห็นด้วย!” โม่เสี่ยวฮุ่ยลุกขึ้นจากโซฟาทันที ชี้ไปยังลี่เจี้ยนหวาแล้วพูดว่า “ลี่เจี้ยนหวา ถึงตอนนี้คุณก็ยังคงคิดถึงแต่ลูกนอกสมรสของคุณ คุณยังมีจิตสำนึกอยู่บ้างไหม ธุรกิจของตระกูลลี่ให้ลูกของผู้หญิงแบบนั้นมาดูแลบริหารได้งั้นเหรอ ? ”
โม่เสี่ยวฮุ่ยจะไม่รู้ความคิดความอ่านของลี่เจี้ยนหวาเลยเชียวเหรอ ? คงหวังให้ลี่หุยมีส่วนแบ่งในทรัพย์สมบัติของตระกูลนั่นแหละ
ต่อให้ต้องตายโม่เสี่ยวฮุ่ยก็จะไม่มีทางยอมเป็นอันขาด
ลี่เจี้ยนเย่ที่นั่งอยู่ข้างๆก็ทนไม่ไหว เอ่ยพูดเสียงทุ้มไปว่า :“ผมก็ไม่เห็นด้วยเหมือนกัน”
“ลี่หุยก็เป็นลูกของฉัน”ลี่เจี้ยนหวาพยายามโต้แย้งให้กับลี่หุย
“พี่ใหญ่ พี่พูดแบบนี้ก็เกินไป” ลี่เจี้ยนเย่ไม่คิดจะทนอีกต่อไป “พี่คิดถึงแต่ลูกชายตัวเอง แล้วหยูนห่วนล่ะ ? แม้ว่าผมจะเป็นน้อง แต่หยูนห่วนก็เป็นสายเลือดที่ถูกต้องของตระกูลลี่ หลายปีมานี้ หยูนห่วนค่อยช่วยเหลือลี่จุนถิงดูแลบริษัทมาโดยตลอด คงมีความดีความชอบอยู่บ้าง แล้วโอกาสจะเป็นของลี่หุยไปได้ยังไงกัน ? ยังไงหยูนห่วนก็มีสิทธิ์มากกว่าลี่หุย ”
ลี่เจี้ยนเย่ทนกับความเห็นแก่ตัวของลี่เจี้ยนหวาไม่ได้อีกต่อไป เพื่อผลประโยชน์ของลูกนอกสมรส ยังมียางอายอยู่บ้างไหม ?
เขาอดทนรอมาจนป่านนี้ บางทีการหายตัวไปของลี่จุนถิงอาจจะเป็นโอกาสที่ดีสำหรับลี่หยูนห่วน เขาเองก็ต้องต่อสู้เรียกร้องเพื่อลูกชายของเขาเหมือนกัน
โม่เสี่ยวฮุ่ยเอ่ยพูดขึ้นมาอีกครั้ง:“ลี่เจี้ยนหวา ฉันไม่ยอมให้ลูกของนังสารเลวนั้นมาดูแลบริษัทอย่างแน่นอน อย่าลืมว่าฉันเองถือหุ้นของบริษัทอยู่ หากคุณยืนยันที่จะทำแบบนี้ อย่าหาว่าฉันไม่เห็นแก่หน้าคุณก็แล้วกัน ”
โม่เสี่ยวฮุ่ยเหลืออดเหลือทน
ความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับลี่เจี้ยนหวาเดิมทีก็แย่พออยู่แล้ว แต่ตอนนี้เพราะข้อเสนอของเขาทำให้ต้องมาขัดแย้งกันมากขึ้นไปอีก เหมือนเคราะห์ซ้ำกรรมซัดเลย
“โม่เสี่ยวฮุ่ย คุณอย่าเห็นแก่ตัวแบบนี้ได้ไหม ตอนนี้ลี่จุนถิงไม่อยู่ บริษัทอยู่ในสภาวะวิกฤต ยังไงก็ต้องมีคนมาทำหน้าที่ตรงนี้ อีกอย่างลี่หุยก็ทำงานที่บริษัทมานาน คุ้นเคยกับระบบงานของบริษัท ก่อนหน้านี้เขาเองก็มีผลงานปรากฏให้เห็นไปแล้วไม่ใช่เหรอ ? ลี่เจี้ยนหวาพยายามพูดเอาดีให้กับลี่หุย เขารู้ว่าหากไปยั่วโมโหโม่เสี่ยวฮุ่ยในตอนนี้ไม่เกิดผลดีอะไรแน่ ดังนั้นจึงพูดไปด้วยถ้อยคำที่อ่อนโยน .
โม่เสี่ยวฮุ่ยกอดอก แล้วหัวเราะเยาะ:“เฮอะ ตลกสิ้นดี คุ้นเคยกับระบบงานของบริษัท ? มีผลงานปรากฏ ? แล้วผลงานตลอดหลายปีที่ผ่านมาของลี่จุนถิงล่ะจะเอาไปคุยโวกับใครได้ ? ทำไมคุณถึงเห็นแต่ความดีของเลือดชั่วนั้น? แล้วโครงการที่ผ่านมาขาดทุนไปคุณไม่รู้เลยเหรอ ?”
ตอนนี้โม่เสี่ยวฮุ่ยไม่สนใจสายสัมพันธ์ระหว่างเขาสองคนอีกแล้ว เธอรู้สึกผิดหวังกับผู้ชายตรงหน้านี้จริงๆ
“พอได้แล้ว ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว”ฟังพวกเขาแต่ละคนโต้เถียงกันไปมา ท่านปู่ลี่ก็รู้สึกปวดหัว “ฉันก็ไม่เห็นด้วย”
“คุณพ่อ!”ลี่เจี้ยนหวายังพยายามที่จะเกลี้ยกล่อมต่อ
ท่านปู่ลี่ยกมือขึ้น บ่งบอกให้ลี่เจี้ยนหวาไม่ต้องพูดอะไรอีกแล้ว
“หากไม่มีคนที่เหมาะสม งั้นก็คงเป็นฉันที่ต้องมาทำหน้าที่นี้แทนชั่วคราวไปก่อน ”ท่านปู่ลี่พูดจบก็กระแอมไอ
แม้ว่าตอนนี้เขาจะอายุมากแล้ว และสุขภาพร่างกายก็ไม่เหมือนเดิม แต่เขาก็เคยดูแลบริหารมาก่อน ยังไงก็นั่งรักษาการแทนได้
ลี่หุยกับลี่หยูนห่วนยังเด็กเกินไป อีกอย่างสถานะของลี่หุยก็รับตำแหน่งนี้ไม่ได้ หากให้เขาดูแล ไม่แน่ว่าบริษัทอาจจะยิ่งวุ่นวายมากขึ้นไปอีก
เมื่อเห็นท่านปู่ลี่ตัดสินใจไปแล้ว ลี่เจี้ยนหวากับลี่เจี้ยนเย่ก็ไม่กล้าที่จะพูดอะไรอีก
โม่เสี่ยวฮุ่ยก็เบาใจลงไม่น้อย
“พวกแกส่งคนไปค้นหาตัวลี่จุนถิงให้พบ”ท่านปู่ลี่พูดจบก็เดินขึ้นไปยังชั้นบน