ช่วงนี้ลี่จุนถิงมักจะตื่นก่อนและนอนทีหลัง เจียงหยุนเอ๋อรู้สึกว่าตัวเองไม่ได้เจอชายหนุ่มมานานมากแล้ว ทุกเช้าที่ลืมตาตื่นขึ้นมา เขาก็ออกไปทำงานแล้ว และในตอนที่เขากลับมาเธอเองก็นอนหลับไปแล้ว ทั้งสองคนจึงไม่ได้พูดคุยกันมาสองสามวันแล้ว
มีเพียงเตียงนอนที่ยังอุ่นๆบ่งบอกได้ว่าลี่จุนถิงเคยอยู่ตรงนี้
แม้จะไม่รู้ว่าลี่จุนถิงกำลังยุ่งอยู่กับอะไร แต่อะไรที่เกี่ยวกับงานของชายหนุ่ม เจียงหยุนเอ๋อก็จะคอยสนับสนุนเขาอยู่ตลอดเพราะฉะนั้นก็จะไม่เอ่ยถามใดๆ ใช้ชีวิตอยู่กับการเลี้ยงดูลูกน้อยในครรภ์ ดีที่ยังมีซูม่านลีอยู่ด้วย ทั้งสองคนก็พอจะได้พูดคุยกันบ้าง ด้วยเหตุนี้จึงทำให้เธอไม่รู้สึกเบื่อมันสักเท่าไร
อันที่จริงแล้วช่วงนี้ลี่จุนถิงก็ยุ่งอยู่กับการลดทอนอำนาจที่มีของลี่หุยในบริษัท ตั้งแต่ครั้งนั้นที่ลีหุยแสดงศักยภาพ ลี่จุนถิงก็คิดหาวิธีที่จะโจมตีเขาทุกทาง ด้วยเหตุนี้ระยะนี้จึงยุ่งจนหัวหมุน
ยังดีที่ผลลัพธ์ออกมาได้น่าพึงพอใจ อำนาจของลี่หุยถูกเขากำจัดไปเกือบหมดสิ้น แม้จะยังหลงเหลือความเสี่ยงอยู่บ้าง ลี่จุนถิงคิดว่าเรื่องแค่นี้ตัวเองจัดการมันได้แน่นอน
เมื่อคิดขึ้นมาได้ว่าต้องเดินทางไปต่างประเทศในอีกไม่กี่วันนี้ ลี่จุนถิงก็ขมวดคิ้ว ช่วงนี้เขาเอาแต่ยุ่งอยู่กับงาน และละเลยที่จะห่วงใยเจียงหยุนเอ๋อ เดิมทีวางแผนเอาไว้ว่าหากจัดการเรื่องนี้เสร็จจะให้เวลากับเธอสักหน่อย แต่ก็ต้องไปคุยธุระที่ต่างประเทศ เลยทำให้เขารู้สึกผิดขึ้นมาเล็กน้อย.
เขาถอนหายใจ หลังจากที่เซ็นเอกสารฉบับสุดท้ายเสร็จ ลี่จุนถิงก็ยกเลิกงานเลี้ยงในตอนเย็น แล้วกลับเข้าบ้านไปแต่หัววัน
เจียงหยุนเอ๋อที่คุ้นชินกับการตื่นเช้าแล้วนอนดึกของลี่จุนถิงกำลังยืนรดน้ำต้นไม้อยู่ที่สวน เมื่อเงยหน้าขึ้นก็พบเข้ากับลี่จุนถิงที่ใบหน้าเต็มไปด้วยความเสน่หากำลังจ้องมองเธออยู่ เธอเลิกคิ้วด้วยความประหลาดใจ:“ทำไมวันนี้คุณกลับมาเร็วจัง ?โอ้ไม่!รู้สึกเหมือนฝันเลย หรือว่ามันคือภาพลวงตากันแน่ ?”
ขณะที่พูด เจียงหยุนเอ๋อก็ขยี้ตาไปมา แล้วเพ่งมองไปอีกรอบ ก็พบว่าลี่จุนถิงมายืนอยู่ตรงหน้าเขาแล้ว
ลี่จุนถิงกระตุกยิ้มที่มุมปาก แล้วโอบไปที่ไหล่ของเจียงหยุนเอ๋อเบาๆ เอ่ยพูดอย่างรู้สึกผิดไปว่า “ผมรู้ว่าช่วงนี้เอาแต่ยุ่งอยู่กับงาน เลยละเลยความรู้สึกของคุณไปบ้าง พอดีวันนี้งานเสร็จเร็ว ผมเลยรีบกลับมา ถือว่าผมไถ่โทษก็แล้วกันนะ!”
“โอ้ ดูพูดเข้า ถ้าเป็นเรื่องงานฉันสนับสนุนคุณเต็มที่อยู่แล้วค่ะ กับเรื่องที่ตื่นแต่เช้าแล้วกลับมาตอนดึกดื่นมืดค่ำ คุณไม่ต้องรู้สึกผิดอะไร แต่ตอนนี้เห็นคุณมายืนอยู่ตรงหน้า ฉันรู้สึกดีและมีความสุขจังเลยค่ะ!” เจียงหยุนเอ๋อยกยิ้ม แล้วเอื้อมมือไปโอบยังรอบลำคอของลี่จุนถิง
เขาดึงหญิงสาวเข้ามายังอ้อมกอดเพื่อกอดเธอให้แน่นขึ้น ลี่จุนถิงลูบไปที่ท้องของเจียงหยุนเอ๋อเบาๆ เอ่ยถามอย่างอ่อนโยนไปว่า
“ช่วงนี้ลูกดื้อไหม ? ไม่ได้กระโดดโลดเต้นไปมาในท้องจนทำให้คุณอึดอัดใช่ไหม?”
“ตอนนี้ผมรู้สึกถึงการเคลื่อนไหวของลูกได้แล้วนะ!บางครั้งก็เหมือนว่าเขากำลังถีบผมอยู่ เหมือนตอนที่ท้องถวนจื่อเลย เคยมีประสบการณ์มาแล้วครั้งหนึ่ง แต่ผมก็ยังรู้สึกตื่นเต้นอยู่ดี !”เมื่อพูดถึงลูกน้อยที่อยู่ในท้อง ใบหน้าของเจียงหยุนเอ๋อก็เผยรอยยิ้มขึ้นมาอีกครั้ง
เขาพยักหน้าเล็กน้อย คิดไปถึงเรื่องที่ต้องไปทำงานต่างประเทศ ลี่จุนถิงก็ลังเลขึ้นมาชั่วครู่ แต่ก็กัดฟันพูดมันออกไป “ยังมีอีกเรื่องที่ผมต้องบอกคุณ คือว่า อีกไม่กี่วันผมต้องไปทำงานที่ต่างประเทศ เพราะฉะนั้นคงจะไม่ได้อยู่กับคุณอีกหลายวัน แต่ผมจะพยายามทำให้เสร็จโดยเร็วแล้วรีบกลับมานะ”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น เจียงหยุนเอ๋อรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย แต่เธอก็ยังแสร้งยิ้มออกมา “ไม่เป็นไรค่ะ ไปเถอะ ฉันจะอยู่ที่บ้านดูแลตัวเองเป็นอย่างดี อีกอย่างแม่ฉันก็อยู่ด้วย ฉันไม่รู้สึกเหงาอะไรหรอกค่ะ !คุณไม่ต้องกังวล และไม่ต้องเร่งรีบ เสร็จงานแล้วกลับมาก็พอนะคะ ”
ลี่จุนถิงเห็นสายตาที่ผิดหวังของเจียงหยุนเอ๋อ เขาถอนหายใจ แล้วพูดอย่างหนักแน่นไปว่า “หยุนเอ๋อ หากผมจัดการเรื่องนี้เสร็จ ผมจะชดเชยเวลาให้คุณอย่างเต็มที่แน่นอน!”
“ได้ค่ะ ฉันจะรอคุณกลับมา!”เจียงหยุนเอ๋อพยักหน้า แล้วโผเข้าอ้อมกอดของลี่จุนถิง ซึมซับความอบอุ่นที่มีในอ้อมอกนี้
……
และไม่นานลี่จุนถิงก็เดินทางไปต่างประเทศ เจียงหยุนเอ๋อก็อยู่บ้านดูแลลูกน้อยในท้อง เธอใช้ชีวิตอย่างสงบสุข นับวันรอการกลับมาของลี่จุนถิงอย่างเงียบ ๆ
ในช่วงแรกที่ไปลี่จุนถิงมักจะวิดีโอคอลกับเจียงหยุนเอ๋อแทบทุกวัน แต่หลังจากนั้นเขาก็ไม่ได้รับการติดต่อกลับมา เดิมทีก็คิดว่าลี่จุนถิงคงยุ่งอยู่กับงาน ผ่านไปอีกหลายวันก็ไม่ได้รับการติดต่อกลับมาอีก ทำให้เจียงหยุนเอ๋อรู้สึกร้อนรนจนอยู่ไม่สุข
ณ คฤหาสน์ตระกูลลี่
จู่ๆก็ถูกท่านปู่ลี่เรียกตัวไปยังคฤหาสน์ เจียงหยุนเอ๋อรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย แต่เธอก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แม้ว่าจะไม่อยากไปเท่าไรนัก แต่พอคิดว่าท่านปู่ลี่เชิญมาทั้งที หากไม่ไป ก็เหมือนไม่เห็นคุณปู่อยู่ในสายตา เธอถอดถอนใจ แล้วขึ้นไปนั่งบนรถที่คฤหาสน์ส่งมารับเธอ
ใช้เวลาไม่นานก็มาถึงที่คฤหาสน์ พอเดินเข้ามายังห้องโถง เจียงหยุนเอ๋อก็เห็นเลขาของลี่จุนถิงยืนอยู่กลางบ้าน สีหน้าของเขาดูจริงจัง และยังมีความรู้สึกผิดเล็กน้อยปนอยู่ ไม่รู้เพราะอะไร เธอมีลางสังหรณ์ รู้สึกเหมือนจะมีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้น
ยังดีที่คราวนี้โม่เสี่ยวฮุ่ยไม่ได้สร้างความลำบากใจอะไรให้เจียงหยุนเอ๋อ เธอจ้องเขม็งไปที่เจียงหยุนเอ๋อแวบหนึ่ง แล้วเอ่ยถามอย่างเร่งรีบไปว่า “ซู่จี้งยี้ ทำไมคุณกลับมาคนเดียว ? ลี่จุนถิงล่ะ ? เขาไปไหน ? แล้วทำไมสีหน้าคุณถึงได้ดูแย่แบบนี้ มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?
ท่านปู่ลี่มองไปยังโม่เสี่ยวฮุ่ยอย่างไม่พอใจ ราวกับว่าไม่ชอบใจที่เธอพูดตัดหน้าไปแบบนั้น และขมวดคิ้ว เขามองไปยังเลขาแล้วเอ่ยถามออกไป “ตอนนี้มาครบกันทุกคนแล้ว มันเกิดอะไรขึ้น คุณพูดมาให้ละเอียด แล้วจุนถิงไปไหนกันแน่ ?”
สายตาหลายคู่จับจ้องมายังซู่จี้งยี้ สีหน้าของซู่จี้งยี้แสดงออกถึงความเจ็บปวด เขากัดฟันแล้วพูดว่า “หลังจากที่ผมกับประธานลี่ไปถึงที่นั่น เดินทีทุกอย่างก็ราบรื่นดี แต่ระหว่างทางกลับโรงแรมเกิดอุบัติเหตุขึ้น ประธานลี่ถูกซุ่มโจมตี และดูเหมือนว่ากลุ่มคนเหล่านั้นจะเป็นมือสังหารที่ถูกจ้างมาจากต่างประเทศ จากนั้นประธานลี่ก็ถูกยิง ระหว่างทางเราพลัดหลงกัน ผมหาตัวเขาอยู่นานหลายวันก็ไม่พบ แจ้งตำรวจไปแล้วแต่ก็ไม่พบเบาะแสอะไร ผมจึงได้รีบเดินทางกลับมาแจ้งข่าวให้ทุกท่านได้ทราบ”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น เจียงหยุนเอ๋อยืนนิ่งอยู่ที่เดิม ไม่อยากเชื่อในสิ่งที่ได้ยิน เมื่อเธอได้สติ ก็ยอมรับความจริงที่เกิดขึ้นนี้ไม่ได้ เป็นลมล้มไปทันที
“อะไรนะ? จุนถิงประสบอุบัติเหตุ ? เป็นแบบนี้ไปได้ยังไง ? แล้วทำไมถึงหาตัวจุนถิงไม่พบ ? ลูกที่น่าสงสารของฉัน!”โม่เสี่ยวฮุ่ยก็รับไม่ได้กับเรื่องที่เกิดขึ้น เธอร้องห่มร้องไห้อยู่สักพัก ก็ฝืนทนต่อไปไม่ไหว ปรือตาไปมา เป็นลมล้มพับไปบนโซฟาเช่นกัน
ให้คนพาเจียงหยุนเอ๋อกับโม่เสี่ยวฮุ่ยไปนอนพักที่ห้อง ตามหมอมาดูอาการด้วย ท่านปู่ลี่ขมวดคิ้วยุ่ง เขาเองก็ไม่คิดว่าเรื่องราวมันจะกลายเป็นแบบนี้ไปได้