บทที่ 451 กลืนกินดวงจิต หยินหยางพิทักษ์ตะวันจันทรา

ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ

บทที่ 451 กลืนกินดวงจิต หยินหยางพิทักษ์ตะวันจันทรา

ค่ายกลของอาณาเขตเต๋าอยู่ในระดับครึ่งอริยะเชียวนะ!

ดวงจิตอัปมงคลแข็งแกร่งกว่าครึ่งอริยะอย่างนั้นหรือ

หานเจวี๋ยลอบตกใจ เขารีบออกไปพร้อมกับบัวดำล้างโลกสามสิบหกวัฏจักรทันที

เหล่าศิษย์สำนักซ่อนเร้นล้วนทะยานขึ้นกลางอากาศ เตรียมเข้าร่วมการต่อสู้

หม่าเชาก็เข้าร่วมการต่อสู้เช่นกัน ร่วมมือกับหลี่ว์ปู้ต่อกรกับดวงจิตอัปมงคล ทั้งสองเทียบเท่ากับมีจู่ถูสองคน แต่กลับมิใช่คู่ต่อสู้ของดวงจิตอัปมงคลเลย

“นั่นคือสิ่งใดกัน”

“รวดเร็วยิ่งนัก!”

“ผิดปกติแล้ว สิ่งนี้ไม่ใช่สิ่งมีชีวิต แรงอาฆาตน่าหวาดหวั่นนัก ทุกคนตั้งมรรคจิตให้มั่น!”

“เกิดอะไรขึ้น ข้ามองไม่เห็นมัน แต่ในใจข้าปรากฏเสียงของจิตมารเสียแล้ว”

“นายท่านมาแล้ว!”

ผู้คนในสำนักซ่อนเร้นล้วนตื่นตระหนก เมื่อดวงจิตอัปมงคลเข้ามามีหลายคนที่สัมผัสได้ว่าจิตมารกำลังก่อตัวขึ้นในใจ เจียงอี้ก็รวมอยู่ด้วย

ผู้ที่มีแนวโน้มจะเกิดจิตมารได้ง่ายล้วนเป็นผู้ที่มีความคับข้องหมองใจ

มรรคจิตไม่มั่นคง ย่อมเกิดจิตมารได้ง่าย

หานเจวี๋ยเหยียบบัวดำล้างโลกสามสิบหกวัฏจักรเหาะไปที่ชายฝั่งเกาะสำนักซ่อนเร้น ดวงจิตประหลาดเกาะอยู่บนไหล่เขา

เมื่อเห็นดวงจิตอัปมงคล หัวใจของหานเจวี๋ยเต็มไปด้วยความระแวดระวัง หากไม่ต้องคำนึงถึงว่าคนอื่นๆ จะประสบกับเรื่องร้าย เขาคงจะใช้แบบจำลองการทดสอบมาทดสอบดูก่อน

ถึงแม้ดวงจิตอัปมงคลจะทรงพลัง แต่ก็ไม่สามารถสังหารหลี่ว์ปู้และหม่าเชาได้ในทันที แต่หานเจวี๋ยสามารถทำได้ เช่นนี้ก็หมายความว่าหานเจวี๋ยแข็งแกร่งกว่าดวงจิตอัปมงคล

ถึงอย่างไรตอนนี้หานเจวี๋ยก็สามารถต่อกรกับครึ่งอริยะได้แล้ว

หานเจวี๋ยไม่รอช้า สำแดงวัชระเสรีไร้สิ้นสุดออกมา วัชระเทพมารทั้งห้าตนปรากฏตัวขึ้นพร้อมกัน เงาร่างอันน่าพรั่นพรึงห้าร่างยืนอยู่เหนือเกาะสำนักซ่อนเร้น

เหล่าศิษย์เบิกตากว้าง

นั่นคือสิ่งใดกัน

จ้าวเซวียนหยวนและเต้าจื้อจุนสั่นสะท้านไปตามสัญชาตญาณ พวกเขาไม่เคยลืมเลือนความทรงจำที่ถูกเทพมารฟ้าบุพกาลบดขยี้

ดวงจิตอัปมงคลดูคล้ายเงาร่างของมนุษย์ ไร้ซึ่งร่างกาย มันหันมาโจมตีหานเจวี๋ยทันที

หลี่ว์ปู้และหม่าเชาได้ผ่อนคลายแล้ว

เทพมารวาตะวิปโยคชกออกไปอย่างรุนแรง เสียงหมัดฝ่าลมดังหวีดหวิว ความเร็วของดวงจิตอัปมงคลลดฮวบลง ท้องทะเลที่อยู่ไกลออกไปถูกบดอัดจนเกินคลื่นสูงพันจั้ง ราวกับกำแพงสมุทร บดบังขอบฟ้าไว้

ตามมาด้วยการโจมตีจากเทพมารสุญตา ลำแสงสีดำสองสายพุ่งออกมาจากดวงตา ครอบคลุมดวงจิตอัปมงคลไว้ในทันใด

ดวงจิตอัปมงคลร้องคำราม แม้นจะไร้เสียง แต่ท่าทางของมันก็แสดงให้เห็นถึงความดุร้ายอย่างชัดเจน ขนาดที่ว่าหานเจวี๋ยเห็นแล้วก็รู้สึกไม่สบายใจเช่นกัน

เมื่อเผชิญกับพลังแห่งมหามรรคของเทพมารสุญตา ดวงจิตอัปมงคลก็อ่อนแรงลง

ในเวลานี้เอง!

ดวงจิตประหลาดที่อยู่บนไหล่หานเจวี๋ยก็พลันพุ่งฉิวออกไป หยุดลงตรงหน้าดวงจิตอัปมงคล อ้าปากที่เต็มไปด้วยโลหิตกว้าง เขมือบดวงจิตอัปมงคลเข้าไปในคำเดียว

คนอื่นมองไม่เห็นดวงจิตประหลาด ในมุมมองของพวกเขา ดวงจิตอัปมงคลเสมือนหายวับไปในอากาศ พวกเขาอดไม่ได้ที่จะรู้สึกเป็นกังวลขึ้นมา

และแล้วดวงจิตอัปมงคลก็ถูกกำจัดไปด้วยประการฉะนี้

สำนักซ่อนเร้นกลับสู่ความสงบอีกครั้ง

หานเจวี๋ยมองออกว่าถึงแม้ดวงจิตอัปมงคลจะแข็งแกร่ง แต่เมื่อเผชิญกับพลังแห่งมหามรรคกลับอ่อนแอลงอย่างเห็นได้ชัด

สิ่งสำคัญที่สุดคือดวงจิตอัปมงคลไม่มีสติปัญญา เพียงต่อสู้ไปตามสัญชาตญาณเท่านั้น

หานเจวี๋ยเงยหน้ามองขอบฟ้า ค่ายกลอาณาเขตเต๋าเริ่มฟื้นฟูแล้ว

ดวงจิตประหลาดกลับมาอยู่เบื้องหน้าหานเจวี๋ย มันร่าเริงยิ่งนัก คาดว่าการกลืนกินดวงจิตอัปมงคลคงมีประโยชน์ต่อมันอย่างยิ่ง

หานเจวี๋ยทิ้งคำพูดไว้ประโยคหนึ่ง จากนั้นจึงค่อยกลับไปที่ถ้ำ

“วิกฤตคลี่คลายแล้ว พวกเจ้าไปฝึกฝนต่อเถอะ”

ชาวสำนักซ่อนเร้นรวมถึงเผ่าเอกาหนึ่งหมื่นคนยังคงไม่ได้สติคืนกลับมา

คลี่คลายไปเช่นนี้เลยหรือ

เจียงอี้ทนไม่ไหวเอ่ยถามขึ้นว่า “เมื่อครู่เป็นพลังวิเศษอันใดกัน พลังวิเศษวัชระหรือ”

เต้าจื้อจุนสูดหายใจลึกๆ เฮือกหนึ่ง กล่าวตอบ “ใช่แล้ว ก่อนหน้านี้พวกเราก็เคย…”

ประโยคหลังไม่ได้กล่าวออกมาให้จบ เจียงอี้อดไม่ได้ที่จะหนาวสะท้านขึ้นมาอีกครา

ถ้าหากเขาต้องเผชิญกับวัชระเทพมารล่ะก็…

ไม่อยากคิดเลย!

เมื่อผ่านการต่อสู้ครั้งนี้ไป ชาวสำนักซ่อนเร้นยิ่งเชื่อมั่นว่าผู้ทรงพลังเหล่านั้นที่อยู่ในแบบจำลองการทดสอบล้วนเป็นคู่ต่อสู้ที่พ่ายแพ้ต่อหานเจวี๋ยทั้งสิ้น!

….

ภายในถ้ำเทวาฟ้าประทาน หานเจวี๋ยกำลังสังเกตการณ์ดวงจิตประหลาดอยู่

จิตสำนึกของเขาไม่สามารถส่องทะลุดวงจิตประหลาดได้ ไม่อาจทราบถึงสถานการณ์ภายในร่างดวงจิตประหลาด

เขาจำเป็นต้องตรวจสอบผ่านระบบวิวัฒนาการ

‘หลังจากกลืนกินดวงจิตอัปมงคลเข้าไป ดวงจิตประหลาดจะเป็นอย่างไร’

[จำเป็นต้องหักอายุขัยสองพันล้านปี จะดำเนินการต่อหรือไม่]

ดำเนินการต่อ!

[ดวงจิตประหลาดสามารถแข็งแกร่งขึ้นได้ด้วยการกลืนกินดวงจิตอัปมงคล กล่าวให้ชัดเจนคือ ดวงจิตประหลาดสามารถกลืนกินตัวตนทุกอย่างที่มิใช่สิ่งมีชีวิตเพื่อเพิ่มพลังของมันได้]

ตัวตนที่มิใช่สิ่งมีชีวิต!

หานเจวี๋ยเลิกคิ้ว รู้สึกตื่นเต้นอยู่ในใจ

ได้สมบัติมาครอบครองแล้ว!

ดวงจิตประหลาดไม่เพียงแต่ปราบดวงจิตอัปมงคลได้ ยังสามารถปราบตัวตนประหลาดอย่างอื่นที่ไม่รู้จักได้อีกด้วย!

แน่นอนว่าเงื่อนไขแรกคือหานเจวี๋ยต้องช่วยให้ดวงจิตประหลาดสามารถควบคุมตัวตนประหลาดเหล่านั้นไว้ให้ได้เสียก่อน เพราหากดวงจิตประหลาดสู้ศัตรูไม่ได้ ก็ไม่สามารถกลืนกินศัตรูได้

หานเจวี๋ยดึงความคิดกลับมา เขาเริ่มเคลื่อนย้ายเกาะสำนักซ่อนเร้นอีกครั้ง ด้วยเกรงว่าจะมีดวงจิตอัปมงคลอื่นมาปรากฏตัวขึ้นอีก

จู่ๆ เขาก็รู้สึกไม่สบายใจยิ่งนัก

แดนต้องห้ามอันธการไม่ปลอดภัยอีกต่อไป!

‘ข้าอยากรู้ว่าแดนต้องห้ามอันธการมีดวงจิตอัปมงคลมากแค่ไหน’

เขาเอ่ยถามในใจ เขาเริ่มใช้จ่ายอย่างมือเติบ หากแต่เศษส่วนอายุขัยยังคงไม่พร่องลงเลย ใช้ไปเพียงเศษปลายๆ เท่านั้น

อืม ถือเป็นค่าใช้จ่ายรายวันแล้วกัน

[จำเป็นต้องหักอายุขัยหนึ่งหมื่นล้านปี จะดำเนินการต่อหรือไม่]

มากขนาดนี้เชียวหรือ

แต่จำเป็นต้องรู้ให้ได้!

หานเจวี๋ยกัดฟันเลือกดำเนินการต่อ

[ดวงจิตอัปมงคลกำลังถือกำเนิดขึ้นเรื่อยๆ จำนวนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ มีสาเหตุเกี่ยวเนื่องมาจากอริยะมรรคาสวรรค์]

หืม?

อริยะ!

หานเจวี๋ยรู้สึกว่าตนได้จุดชนวนเหตุการณ์สำคัญขึ้นมาอีกครั้งแล้ว

อย่างไรก็ตามเขาไม่ได้เลือกทำนายต่ออีก

รู้ไปก็ไม่มีประโยชน์ ตอนนี้เขาจะยุ่งเกี่ยวกับอริยะไม่ได้

แต่จากการวิวัฒนาการก็ช่วยให้ได้รู้เรื่องหนึ่ง

นั่นก็คือต่อไปแดนต้องห้ามอันธการจะอันตรายขึ้นเรื่อยๆ

และไม่รู้ว่ายามไหนอาณาเขตเต๋าถึงจะสามารถยกระดับได้อีกครั้ง

คาดว่าคงต้องรอให้ภารกิจใหญ่ครั้งต่อไปปรากฏขึ้นก่อน บางทีถึงตอนนั้นเขาอาจจะทะลวงถึงระดับครึ่งอริยะได้แล้วก็เป็นได้

หานเจวี๋ยสงบใจลง

เขาปล่อยให้เกาะสำนักซ่อนเร้นลอยฉิวอยู่หลายเดือนถึงได้ยอมหยุด และกลับมาตั้งใจบำเพ็ญตบะอีกครั้ง

….

หลังเผชิญกับการโจมตีจากดวงจิตอัปมงคล เวลาก็ผ่านพ้นไปอีกหกสิบปี

สำนักซ่อนเร้นสงบสุขอย่างยิ่ง

ในช่วงหกสิบปีนี้ เกาะสำนักซ่อนเร้นไม่ได้เผชิญกับการโจมตีจากดวงจิตอัปมงคลใดอีก และหานเจวี๋ยก็ไม่ถูกผู้ใดมาเข้าฝันอีกเช่นกัน

หานเจวี๋ยจดจ่อกับการบำเพ็ญ ทว่ายังคงห่างไกลจากระดับเซียนทองต้าหลัวระยะสมบูรณ์อยู่ดี

แต่เขามั่นใจว่าตนต้องสามารถทะลวงได้ภายในหนึ่งพันปีแน่นอน

เฮ้อ

ความเร็วในการทะลวงระดับช่างเชื่องช้าเสียจริง

หานเจวี๋ยจึงต้องตรวจสอบค่าความสัมพันธ์ ทำการเปรียบเทียบกับสหายคนอื่นๆ เพื่อปลอบประโลมจิตใจตน

[หนี่ว์วาต้องการเข้าฝันท่าน ยอมรับหรือไม่]

หานเจวี๋ยเมินเฉยใส่ทันที

เขาเคยพบฉิวซีไหลแล้ว ยิ่งพบอริยะมากเท่าไร ก็จะตกอยู่ในสภาวะกลืนไม่เข้าค่ายไม่ออกได้ง่ายขึ้นเท่านั้น

อีกอย่าง นี่เป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อที่จะกำหนดการเข้าสู่เคราะห์

[ตรวจสอบพบเผ่าพันธุ์มรรคาสวรรค์ที่ปรากฏขึ้นใหม่ ท่านมีตัวเลือกดังต่อไปนี้]

[หนึ่ง เผยตัวทันที สังหารเผ่าพันธุ์นี้ ช่วยเผ่ามนุษย์ให้ครอบครองตำแหน่งเผ่าพันธุ์มรรคาสวรรค์อย่างมั่นคง จะได้รับสืบทอดพลังวิเศษหนึ่งครั้ง ยกระดับระบบหนึ่งครั้ง]

[สอง เก็บตัวบำเพ็ญ ไม่เข้าสู่แดนเซียนจนกว่ามหาเคราะห์จะสิ้นสุด จะได้รับชิ้นส่วนมหามรรคหนึ่งชิ้น ยอดสมบัติหนึ่งชิ้น]

หานเจวี๋ยขมวดคิ้ว เลือกตัวเลือกที่สองทันที

ให้ไปกวาดล้างเผ่าพันธุ์ใหม่ในตอนนี้ มิใช่การรนหาที่ตายหรอกหรือ!

[ท่านเลือกเก็บตัวบำเพ็ญ ได้รับชิ้นส่วนมหามรรคหนึ่งชิ้น ยอดสมบัติหนึ่งชิ้น]

[ยินดีด้วยท่านได้รับยอดสมบัติมรรคาสวรรค์…หยินหยางพิทักษ์ตะวันจันทรา]

[หยินหยางพิทักษ์ตะวันจันทรา: ยอดสมบัติมรรคาสวรรค์ ยอดสมบัติสายป้องกัน ต้านทานการโจมตีทุกรูปแบบจากระดับที่อยู่ต่ำกว่าอริยะ สามารถดูดซับแก่นตะวันจันทราเพื่อแปลงเป็นพลังเวทได้]

เป็นสมบัติที่ยอดเยี่ยมจริงๆ!

ยอดสมบัติสายป้องกัน!

วิเศษยิ่งนัก!

ยิ่งไปกว่านั้นคือ ชิ้นส่วนมหามรรคของหานเจวี๋ยรวบรวมได้แปดชิ้นแล้ว!

ขาดอีกเพียงชิ้นเดียวก็จะครบเก้าชิ้น!

………………………………………………………………