บทที่ 491 เข้าถ้ำเสือ

เซียนคีย์บอร์ด [陆地键仙]

บทที่ 491 เข้าถ้ำเสือ

บทที่ 491 เข้าถ้ำเสือ

หญิงสาวถอดหน้ากากออก เผยให้เห็นใบหน้าที่คุ้นเคยอยู่ข้างใต้ จะเป็นใครไปได้อีกนอกจากเจิ้งตาน? “ข้าคงพูดได้เพียงว่าเจ้าไม่เข้าใจผู้หญิงเลย ผู้หญิงยิ่งสวย ก็ยิ่งโกหกเก่ง!”

ซูอันพ่นลมหายใจ “ข้าไม่เข้าใจเจ้าจริง ๆ ปกติแล้วเจ้าทำตัวราวกับว่าต่อให้มีมดมากัด เจ้าก็จะไม่บี้มัน แต่เมื่อครู่นี้เจ้าคร่าชีวิตไปถึงสี่ชีวิตโดยไม่แม้แต่จะกะพริบตาด้วยซ้ำ”

“เจ้ากำลังพูดถึงดอกบ๊วยสี่?” เจิ้งตานหัวเราะเบา ๆ “คนพวกนี้พึ่งพาสำนักดอกบ๊วยเพื่อความอยู่รอดตลอดหลายปีที่ผ่านมา และได้ก่ออาชญากรรมทุกรูปแบบเท่าที่จะจินตนาการได้ พวกเขาควรจะตายไปนานแล้ว พวกเขาควรจะขอบคุณที่ข้าไม่ได้ทรมานพวกเขาต่างหาก”

“ข้าควรจะขอบคุณเจ้าแทนพวกที่ตายไปใช่ไหม?” ซูอันกล่าวอย่างเย้ยหยัน

“พวกเขาไม่จำเป็นต้องขอบคุณข้า ถ้าพวกเขาจะขอบคุณใครสักคนมันก็ควรเป็นเจ้ามากกว่า ถ้าข้าไม่ยุ่งอยู่กับการคิดว่าจะจัดการกับเจ้ายังไง พวกเขาคงไม่มีความสุขจากการตายอย่างรวดเร็วเช่นนี้” เจิ้งตานยืนขึ้นและเดินไปด้านข้างของเขา

กลิ่นหอมจาง ๆ ของเจิ้งตานยังคงอยู่รอบตัวเขา ซูอันหัวเราะ “แล้วเจ้าคิดได้หรือยังว่าจะจัดการกับข้ายังไง?”

“ไม่เชิง จริง ๆ แล้วข้าไม่เคยคิดว่าจะพบเจ้าในสถานการณ์แบบนี้” เจิ้งตานถูขมับ นางรู้สึกปวดหัวขึ้นมา

ซูอันถอนหายใจ “ทุกคนต่างก็สงสัยว่าใครเป็นผู้นำกลุ่มวาฬ เจ้าลึกลับยิ่งกว่าเฉินเซวียนซะอีก ใครจะคาดคิดกันว่าผู้นำของกลุ่มอาชญากรที่ผู้คนร่ำลือกันว่าโหดเหี้ยมที่สุดจะเป็นหญิงงามที่เรียบร้อยเหมือนผ้าพับไว้ของตระกูลเจิ้ง” เขาจ้องมองไปที่หญิงสาวสวยที่อยู่ข้างหน้าเขา “ตัวตนที่แท้จริงของเจ้าเป็นยังไงกันแน่?”

“เจ้าชอบด้านไหนของข้ามากกว่ากันล่ะ?” เจิ้งตานย้ายไปนั่งเคียงข้างเขา ปลายปลอกเล็บเลื่อนไล้ไปบนใบหน้าของเขาอย่างแผ่วเบา และท้ายที่สุดก็มาหยุดที่ลำคอ

คอของซูอันเริ่มแห้ง เขายังไม่ลืมว่าดอกบ๊วยสี่ตายด้วยการสะบัดเล็บของนาง “แน่นอน ข้าชอบหญิงสาวขี้อายคนนั้นที่ข้ากดทับกับพื้นมากกว่า!”

ใบหน้าของเจิ้งตานแดงขึ้น แต่นางก็รีบกลบเกลื่อน “ฮึ่ม! หยุดเรื่องไร้สาระนั้นดีกว่า ข้าไม่เหมือนก่อนหน้านี้แล้วนะ ถ้าเจ้าทำให้ข้าอารมณ์เสีย เจ้าอาจจะพบว่าตัวเองไม่มีลิ้น!”

ซูอันหัวเราะ “เจ้าจะทนเห็นข้าเสียลิ้นได้งั้นเหรอ?”

เจิ้งตานหรี่ตาลง เจตนาฆ่าที่แผ่มาจากนางทำให้ซูอันเริ่มใจสั่น

ปลายปลอกเล็บจิกอยู่ใต้คางของเขา รอยยิ้มอันตรายปรากฏขึ้นบนใบหน้าของนาง “ถ้าอย่างนั้นก็แลบลิ้นออกมา เรามาดูกันว่าข้าจะทนเห็นเจ้าสูญเสียมันได้หรือไม่?”

“เชื่อเจ้าข้าก็โง่แล้ว!” ซูอันส่ายหัว เขาไม่กล้าแลบลิ้นออกมา ถ้าเขาเสียลิ้นไปเพราะเหตุนี้จริง ๆ มันคงเป็นเรื่องราวที่น่าสลดใจและงี่เง่าจนเกินไป

เมื่อสัมผัสได้ถึงเจตนาฆ่าที่แท้จริงของนาง ซูอันก็ไม่กล้ายั่วยุนางต่อไป

เขาไม่สามารถเชื่อมโยงสาวงามสุดอันตรายนี้กับหญิงสาวที่สุภาพและอ่อนโยนของตระกูลเจิ้งได้

เขาเริ่มสงสัยว่าผู้หญิงคนนี้เป็นโรคไบโพลาร์หรือไม่? แต่แล้วจู่ ๆ เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น

เจิ้งตานขมวดคิ้ว “มีอะไร?” นางพูดอย่างเย็นชา

เสียงของหยาเสี่ยวดังมาจากนอกประตู “ท่านผู้นำ มีข่าวส่งมาจากเกาะ หัวหน้าสาขาทั้งหลายมีเรื่องสำคัญจะหารือกับท่าน ท่านโปรดกลับไปที่เกาะก่อน”

เจิ้งตานสวมหน้ากากของตัวเองอีกครั้ง ก่อนที่จะเดินไปเปิดประตู “เรื่องสำคัญอะไร?”

หยาเสี่ยวส่ายหัว เขายื่นกระดาษแผ่นหนึ่งให้นาง “ไม่ได้แจ้งไว้ ในนี้แจ้งเพียงแต่ขอให้ท่านกลับไปที่เกาะ”

“ข้าจะกลับไปดูว่าเกิดอะไรขึ้น” เจิ้งตานกล่าวอย่างเคร่งขรึม นางจำเป็นต้องรักษาฐานะลูกสาวคนโตของตระกูลเจิ้ง ดังนั้นนางจะไม่ไปที่เกาะเว้นแต่จะมีเรื่องสำคัญ

อย่างไรก็ตาม นางยังไม่กังวลมากนัก แม้จะมีความเร่งด่วนในข้อความที่เข้ารหัสมา แต่ก็ไม่ใช่สถานการณ์ภัยพิบัติอย่างชัดเจน นางรู้ว่าเกาะของนางไม่ได้ตกอยู่ในอันตรายใด ๆ

มันน่าจะเป็นเรื่องการตัดสินใจที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจหรือเรื่องสำคัญอื่นที่ต้องการให้นางอยู่ด้วย สถานการณ์เหล่านี้เคยเกิดขึ้นบ้างเป็นครั้งคราว

เจิ้งตานชี้ไปที่ซูอัน “พาเขาไปด้วย”

ซูอันหดหู่ ตัวเองตั้งใจที่จะมาหาข่าวเกี่ยวกับผู้นำกลุ่มวาฬและรังของพวกมัน แต่วิธีที่ชายหนุ่มได้รับข้อมูลมา…เขาไม่สามารถทำให้ตัวเองรู้สึกมีความสุขได้เลย

หยาเสี่ยวขมวดคิ้วและชี้ไปที่ซูอัน “มันไม่ง่ายเลยที่เราจะไปไหนมาไหนไปทั่วเมืองพร้อมกับลากใครสักคนไปกับเรา ทำไมเราไม่หาที่เหมาะ ๆ ในการกำจัดไอ้วายร้ายดอกบ๊วยนี้ไปซะให้สิ้น ๆ เรื่องล่ะท่านผู้นำ?”

เจิ้งตานหรี่ตามองไปที่เขาทันที “เจ้ากำลังบอกให้ข้าทำโน่นทำนี่งั้นเหรอ?”

หยาเสี่ยวเหงื่อออกเย็นทันที “ผู้น้อยไม่กล้า!” เขาพูดด้วยความตื่นตระหนก

ซูอันยกนิ้วโป้งให้นาง ผู้นำกลุ่มอาชญากรควรจะเป็นแบบนี้!

อย่างไรก็ตาม ด้านนี้ของนางแตกต่างไปจากหญิงสาวที่อ่อนโยนที่เขาคุ้นเคยมากเกินไปจริง ๆ

กระสอบสีดำถูกสวมทับศีรษะของซูอัน หลังจากนั้นชายหนุ่มก็รู้สึกว่าร่างของเขาถูกโยนลงในรถม้า

จากนั้นเมื่อรู้สึกได้ถึงจังหวะขึ้น ๆ ลง ๆ อย่างนุ่มนวลที่เขาประสบอยู่ ชายหนุ่มก็ตระหนักได้ว่าตัวเองน่าจะถูกย้ายมาอยู่บนเรือแล้ว

ตอนแรกซูอันคิดว่าเจิ้งตานจะมาพาเขาไปอยู่ในห้องที่มันสบาย ๆ หน่อย แต่ดูเหมือนว่านางไม่ได้ตั้งใจจะทำเช่นนั้น เขาถูกโยนเข้าไปในห้องโดยสารของเรือราวกับว่าถูกลืมทิ้งไว้

บัดซบ พวกเขากังวลว่าข้าจะจำทางไปยังฐานของกลุ่มวาฬได้ใช่ไหม?

หลังจากคิดอย่างโกรธเคือง ซูอันก็สงบลงอย่างรวดเร็ว วิธีที่กลุ่มวาฬปฏิบัติต่อเขาย่อมหมายความว่ายังไม่มีเจตนาที่จะฆ่า เพราะถ้าหากปล่อยให้ชายหนุ่มสังเกตทางไปยังฐานลับ กลุ่มวาฬจะไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องปิดปากเขา

ตอนนี้เองที่เขาตระหนักได้ว่าตนเองรู้จักตัวตนของเจิ้งตานแล้ว นางจะปล่อยเขาไปง่าย ๆ เหรอ? จิตใจของเขาเริ่มปั่นป่วน

ในเรือลำเดียวกัน เจิ้งตานก็มีความรู้สึกขัดแย้งเช่นกัน

สายลมเย็นไม่ได้พัดพาความรู้สึกไม่สบายใจของนางออกไปแม้แต่น้อย นางไม่รู้ว่าจะจัดการกับชายหนุ่มคนนี้อย่างไร

นางไม่เคยคิดว่าจะพบกับซูอันในภัตตาคารนั้นเช่นกัน นางสามารถบอกได้ว่าอีกฝ่ายขมวดคิ้วเพราะจำนางได้แล้ว และนางต้องตัดสินใจอย่างรวดเร็ว

นางไม่รู้จริง ๆ ว่านางจะจัดการกับชายคนนี้อย่างไร อย่างไรก็ตาม นางไม่มีทางปล่อยซูอันไปแน่ เพราะเขารู้ตัวตนของนางแล้ว เมื่อความลับของนางถูกเปิดเผย ไม่ใช่แค่ตัวนางและกลุ่มวาฬ แต่ทั้งตระกูลเจิ้งจะต้องเผชิญกับหายนะ

อย่างไรก็ตาม การฆ่าเขาก็ดูเหมือนเป็นเรื่องที่เกินจำเป็น

ช่างเถอะ ข้าจะลองดูว่าข้ายังสามารถเอาตั๋วหนี้เหล่านั้นมาจากเขาได้หรือไม่เป็นอันดับแรก

ไม่ใช่แค่เงินเจ็ดล้านห้าแสนของสำนักดอกบ๊วยเท่านั้น แต่บ่อนที่ได้รับการสนับสนุนจากตระกูลเจิ้งก็เป็นหนี้เขาถึงห้าแสน!

นางไม่เพียงแต่ล้มเหลวในการหาข้อมูลโดยกับดักน้ำผึ้งเท่านั้น แต่นางยังต้องประสบกับความสูญเสียครั้งใหญ่ด้วยตัวนางเอง!

ถึงเวลาที่นางต้องเปลี่ยนกลยุทธ์ หากวิธีการที่นุ่มนวลไม่ได้ผล นางต้องหันไปใช้วิธีที่รุนแรงขึ้น

ชายคนนี้น่าจะยอมจำนนภายใต้การทรมาน…ขณะที่ทั้งสองกำลังครุ่นคิดอยู่ เรือก็มาถึงเกาะวาฬ

ซูอันถูกนำออกมา กระสอบสีดำที่คลุมศีรษะของเขาถูกถอดออกและในที่สุดเขาก็มองเห็นแสงสว่างอีกครั้ง

เขาตรวจสอบสภาพแวดล้อมรอบตัวพวกเขาอยู่บนเกาะเล็ก ๆ ที่มีหมอกจาง ๆ ปกคลุมทุกสิ่ง และไม่มีแผ่นดินอื่นในสายตา เขาประทับใจกับขนาดของทะเลสาบจันทร์กระจ่าง มันใหญ่พอที่จะซ่อนสถานที่นี้ได้! มันช่างกว้างใหญ่และลึกลับจริง ๆ

“ท่านผู้นำ เราควรโยนชายผู้นี้เข้าคุกเลยไหม?” หยาเสี่ยวถาม

หลังจากลังเลเล็กน้อย เจิ้งตานจึงกล่าวว่า “พาเขามากับข้าก่อน”

นางกังวลว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นหากปล่อยให้คน ๆ นี้คลาดสายตา กลุ่มวาฬเต็มไปด้วยคนพาล ความผิดพลาดเพียงเล็กน้อยอาจทำให้ชีวิตของซูอันดับดิ้นได้ง่าย ๆ

นอกจากนี้ คงใช้เวลาไม่นานในการจัดการเรื่องสำคัญ หลังจากนั้นนางก็สามารถจัดการเรื่องต่าง ๆ กับเขาได้อย่างช้า ๆ

ทั้งกลุ่มจึงมุ่งหน้าตรงเข้าไปในห้องโถง แต่ในขณะที่พวกเขากำลังจะไปถึงห้องโถง เสียงขี้เล่นก็ลอยมา

“เอ๊ะ? ฮ่า ๆๆๆ ข้าปวดหัวอยู่ตั้งนานพยายามหาวิธีกำจัดเจ้าจนหัวแทบระเบิด แต่ดูเหมือนว่าความพยายามทั้งหมดนั้นไม่จำเป็นเสียแล้ว! นี่ใช่นายน้อยของตระกูลฉู่ ซูอันใช่ไหม? เจ้ามีผู้บ่มเพาะหลายคนที่คอยปกป้องอยู่ไม่ใช่เหรอ? แล้วเจ้ามาอยู่ที่นี่ได้ยังไงกัน?”