บทที่ 492 คำขอที่ไม่สมเหตุสมผล

เซียนคีย์บอร์ด [陆地键仙]

บทที่ 492 คำขอที่ไม่สมเหตุสมผล

บทที่ 492 คำขอที่ไม่สมเหตุสมผล

ซูอันมองไปยังแหล่งที่มาของเสียงและกระโดดเหยงด้วยความตกใจ

ชายผมแดงยืนอยู่ตรงนั้น เขามีสีหน้าเคร่งขรึม ขณะมองไปที่ซูอัน ราวกับว่ากำลังดูไก่ที่รอการเชือด

“เฉินเซวียน! ทำไมเจ้าถึงอยู่ที่นี่?” เจิ้งตานขมวดคิ้วและถามด้วยเสียงหนัก

แน่นอนว่าชายที่เพิ่งหยอกล้อซูอันคือเฉินเซวียน

เขาไม่คิดว่าจะได้เห็นซูอันถูกจับ! นี่เป็นความสุขที่คาดไม่ถึงจริง ๆ

เฉินเซวียนถอนหายใจ “ข้ามีเรื่องจะปรึกษากับผู้นำกลุ่มวาฬ แต่ข้าไม่รู้ว่าเจ้าไม่ได้อยู่บนเกาะ ข้าต้องขออภัยจริง ๆ ที่มารบกวนอย่างกระทันหันแบบนี้” เฉินเซวียนประสานมือเพื่อขอโทษ

เจิ้งตานขมวดคิ้ว อีกฝ่ายมีสถานะไม่ธรรมดาเช่นกัน แม้ว่าคำขอโทษของเขาจะไม่จริงใจ แต่นางก็ไม่สามารถวิพากษ์วิจารณ์เขาได้ “ข้าขอถามได้ไหมว่า ทำไมหัวหน้าเฉินถึงต้องการพบข้า?”

เฉินเซวียนหัวเราะ “ให้ข้ากำจัดไอ้สารเลวนี่ก่อนที่เราจะพูดเรื่องสำคัญกันจะดีกว่า!” เขากล่าว

ในทันทีที่พูดจบ เฉินเซวียนก็กระโจนเข้าใส่ซูอันอย่างรุนแรง

ร่างกายของซูอันถูกผนึกไว้ และไม่มีทางที่เขาจะต้านทานได้ เขาจึงทำได้เพียงมองดู ขณะที่ฝ่ามือหนาหยาบกร้านเคลื่อนเข้ามาหาเขาราวกับกรงเล็บของเหยี่ยว

ความคิดนับไม่ถ้วนแล่นเข้ามาในหัวของชายหนุ่ม เขาพยายามหาทางหนี แต่ก็ไม่มีเวลา

ข้าตายแน่แล้วโว้ยคราวนี้!

ทันใดนั้นเขาก็ได้กลิ่นที่หอมหวนพัดมาตามลม เจิ้งตานมาปรากฏตัวต่อหน้าเขาและยื่นมือออกไปรับการโจมตีครั้งนี้

ในชั่วพริบตา ทั้งสองได้แลกหมัดกัน เฉินเซวียนตีลังกากลับหลัง จ้องไปที่เจิ้งตาน ขณะที่เขาร่อนลง “ผู้นำกลุ่มวาฬ นี่มันหมายความว่ายังไงกัน!?”

เขาพยายามซ่อนความตกใจสุดฤทธิ์ ระดับการบ่มเพาะของผู้หญิงคนนี้สูงกว่าที่เขาคิดไว้มาก!

เขาไม่ใช่คนเดียวที่ตกใจ ซูอันก็ตกตะลึงเช่นกัน เขาประหลาดใจที่เจิ้งตานได้ช่วยชีวิตเขา และประหลาดใจเป็นทวีคูณเมื่อตระหนักว่านางแข็งแกร่งมาก

เฉินเซวียนเป็นผู้บ่มเพาะระดับหก แต่เจิ้งตานยังคงยืนหยัดอยู่ได้อย่างทัดเทียม นางอยู่ในระดับที่หกด้วยหรือไม่?

ไม่น่าจะเป็นไปได้!

เจิ้งตานมองเฉินเซวียนอย่างเย็นชา “ข้ากำลังจะถามหัวหน้าเฉินในสิ่งเดียวกัน!”

เฉินเซวียนชี้ไปที่ซูอัน “เจ้าน่าจะรู้ดีว่าข้ามีความแค้นกับมัน และเมื่อพิจารณาถึงความสัมพันธ์ของเรา ข้าไม่เชื่อว่ามันเป็นเรื่องใหญ่เกินไปที่เจ้าจะมอบตัวนักโทษให้ข้า ข้าพูดผิดหรือเปล่า?”

เจิ้งตานตอบว่า “ถ้าเป็นคนอื่น ข้าจะไม่ยุ่งเลย อย่างไรก็ตาม บุคคลนี้ยังคงมีประโยชน์สำหรับข้า ดังนั้นข้าคงต้องขอปฏิเสธ!”

เฉินเซวียนรู้สึกประหลาดใจชั่วขณะ แต่ไม่นานก็ยิ้มออกมาอย่างรวดเร็ว “ไม่เป็นไร ต่อไปข้ายังมีโอกาสมากมายที่จะฆ่าเขาอยู่ดี วันนี้ข้าจะถือว่ามันรอดตายเพราะความเมตตาของผู้นำกลุ่มวาฬ”

“ขอขอบคุณสำหรับความเข้าใจ” เจิ้งตานคิดว่าคำตอบของอีกฝ่ายดูแปลกไปเล็กน้อย เฉินเซวียนเป็นที่รู้จักว่าเป็นคนหยาบคายและไร้เหตุผล ทำไมวันนี้เขาถึงยอมอย่างง่ายดายนัก?

“ตอนนี้ หัวหน้าเฉินจะพูดถึงสิ่งที่ทำให้เจ้ามาที่นี่ได้แล้วหรือยัง?” เจิ้งตานถาม

“เข้าไปคุยกันข้างในดีกว่า” เฉินเซวียนหัวเราะเสียงดัง โบกมือให้นางเข้าไปในห้องโถงใหญ่

เมื่อเห็นท่าทางของอีกฝ่าย เจิ้งตานก็ขมวดคิ้วทันที นางรู้สึกแปลก ๆ กับการกระทำของอีกฝ่ายที่ทำตัวเหมือนกับว่ากลุ่มวาฬนี้เป็นของเฉินเซวียนไปแล้ว นางเกือบจะรู้สึกราวกับว่านางที่เป็นเจ้าของบ้านกำลังถูกรับรองในฐานะแขกซะเอง

แม้จะรู้สึกไม่สบายใจ แต่นางก็ตัดสินใจที่จะไม่ทะเลาะเบาะแว้งกับปัญหาเล็ก ๆ น้อย ๆ เช่นนี้ นางเพียงเดินเข้าไปในห้องโถงด้วยสีหน้ามืดมน

“ท่านผู้นำ ท่านกลับมาแล้ว!” ชายร่างเล็กผอมมีหนวดยาวต้อนรับนางด้วยรอยยิ้ม

นี่คือหลิวชาน ชายผู้ทำหน้าที่เป็นรองหัวหน้าและที่ปรึกษาของนาง เขาเป็นคนรับผิดชอบทุกอย่างเมื่อเจิ้งตานไม่อยู่บนเกาะ

“เจ้าเป็นคนส่งข้อความหาข้างั้นหรือ?” เจิ้งตานถามขึ้นทันที

หลิวชานตอบกลับเสียงเบา “ถูกต้องแล้วท่านผู้นำ จู่ ๆ เฉินเซวียนก็มาเยี่ยมที่เกาะและไม่มีใครรู้ว่าต้องทำอะไร ดังนั้นข้าจึงไม่มีทางเลือกนอกจากต้องเรียกหาท่าน”

“อืม” เจิ้งตานเดินตรงไปที่เก้าอี้หัวโต๊ะ เฉินเซวียนนั่งที่นั่งแรกทางซ้ายของนาง บุคคลสำคัญอื่น ๆ ในกลุ่มวาฬทยอยเข้ามานั่ง

หยาเสี่ยวเป็นหนึ่งในคนเหล่านี้ เขานั่งลงบนเก้าอี้ที่ห้าซึ่งอยู่ถัดจากหลิวชาน

ซูอันถูกโยนเข้าไปในมุมที่ไกลที่สุดของห้อง

เขาเฝ้าดูคนรับใช้บางคนนำชาออกมา เห็นได้ชัดว่ากำลังจะหารือเรื่องสำคัญบางอย่าง เมื่อเสร็จสิ้นการสนทนาก็คงจะมาจัดการกับเขา

เขาไม่เชื่อว่าเฉินเซวียนจะยอมแพ้ง่าย ๆ เจิ้งตานเคยปกป้องเขามาแล้วครั้งหนึ่ง แต่นางอาจจะไม่ทำอีกเป็นครั้งที่สอง

นับประสาอะไรกับความจริงที่ว่าเจิ้งตานอาจต้องการให้เขาตายเช่นกัน

เขารีบเรียกหมี่ลี่ “พี่หญิงใหญ่? เราสองคนเสร็จแน่ถ้าท่านไม่ออกมาตอนนี้!”

น่าเสียดายไม่มีเสียงตอบรับเลย ไม่ว่าเขาจะเรียกอย่างไร

วิญญาณของหมี่ลี่ถูกพิษน้ำตาสีชาดแห่งมารดรเซียง นางจึงต้องจำศีลเพื่อกำจัดพิษ ดูเหมือนจะสิ้นหวังที่จะพึ่งพาความช่วยเหลือจากนางในสถานการณ์นี้

ผู้หญิงคนนี้ไม่สนใจอะไรเลยจริง ๆ! นางไม่กังวลเลยสักนิดว่าชีวิตของข้าจะจบลงในไม่ช้า ซูอันสาปแช่งไม่รู้จบ

แต่การสาปแช่งไม่ได้ทำให้เขาไปไหนได้ ตอนนี้จึงทำได้แค่พึ่งพาตัวเองเท่านั้น

น่าเสียดายที่ต่อให้พยายามแค่ไหน ซูอันก็คิดไม่ออกสักทางเดียว!

เชือกที่พันรอบตัวนั้นง่ายพอที่จะแก้ไข แต่ปัญหาคือเจิ้งตานได้จี้สกัดจุดชีพจรทั้งหมดของชายหนุ่มเอาไว้ ซึ่งทำให้พลังชี่ของเขาไม่ไหลเวียน จึงทำให้เขาไม่สามารถขยับร่างกายได้

ข้าสามารถคลายจุดชีพจรได้อย่างช้า ๆ ถ้าข้าสามารถโคจรพลังชี่ได้แม้เพียงนิดเดียว ซูอันหลับตาลงเพื่อซึมซับความรู้สึกข้างใน พยายามดูว่าเขาจะรวบรวมพลังชี่ในตัวได้หรือไม่

น่าเสียดายที่เจิ้งตานมีทักษะในการจี้สกัดจุดระดับสูง เขาจึงโคจรพลังไม่ได้แม้แต่น้อยนิด

แต่ในขณะที่เขากำลังตกอยู่ในความสิ้นหวัง ทันใดนั้นก็ค้นพบความลับบางอย่างที่น่าตื่นตะลึง

ห๊ะ?

ทีแรกเขานึกว่าตัวเองคิดผิด อย่างไรก็ตาม หลังจากการทดสอบอย่างละเอียดถี่ถ้วน เขาก็พบว่ามีพลังเย็นเยือกแข็งอยู่ภายในจุดตันเถียนของเขา

นี่คือ…

ซูอันรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่ง ไม่มีใครรู้จักพลังงานนี้มากไปกว่าเขาอีกแล้ว! มันคือคลื่นพลังของฉู่ชูเหยียน หลังจากการร่วม ‘รักษา’ กับนางวันแล้ววันเล่า

ว่าแต่ทำไมพลังของฉู่ชูเหยียนถึงมาอยู่ในร่างกายของเขา?

ชายหนุ่มใช้เวลาฝึกฝนทักษะกระบี่เกล็ดหิมะที่นางให้มา แต่ดูเหมือนว่าจะไม่ได้ผลลัพธ์ที่โดดเด่นแต่อย่างใด เขาจึงไม่แม้แต่จะรู้สึกถึงคลื่นพลังของมันได้

ซูอันไม่รู้ว่ามันเป็นเพราะพลังงานหยางที่มากเกินไปในร่างกายของเขาหรือว่าเป็นอย่างอื่น

เห็นได้ชัดว่าพลังความเย็นนี้ไม่ได้เกิดขึ้นจากตัวชายหนุ่มเอง ขณะที่เขาครุ่นคิดอยู่นั้น จู่ ๆ ก็มีความคิดหนึ่งผุดขึ้นมา

เขาน่าจะดูดซับสิ่งนี้ออกจากร่างกายของนาง ในขณะที่พวกเขาทั้งสองคนร่วมทำกิจกรรมกัน

เขารีบพยายามโคจรพลังเย็นเยือกแข็งนี้ แต่มันกลับขดตัวเป็นลูกบอลและไม่ยอมเคลื่อนไหวเลย

แรงบันดาลใจกระทบซูอัน และเขาพยายามโคจรมันอีกรอบโดยอ้างอิงรูปแบบการโคจรของเคล็ดวิชากระบี่เกล็ดหิมะ

ในที่สุดเศษเสี้ยวพลังเย็นเยือกแข็งก็เคลื่อนไหวในที่สุด!

พลังงานที่เย็นยะเยือกนี้แหวกว่ายไปตามเส้นลมปราณของเขา พวกมันดูเหมือนเป็นแค่เพียงเศษประกายพลังเล็ก ๆ แต่ทว่าพวกมันกลับไหลเวียนได้ไม่รู้จบและกระจายไปทั่วร่างกายของเขาอย่างต่อเนื่อง

เขาจดจ่ออยู่กับกระบวนการนี้อย่างสมบูรณ์ และลืมไปว่าเกิดอะไรขึ้นรอบตัวเขา

เจิ้งตานจิบชาของนางแล้วพูดว่า “อะไรทำให้หัวหน้าเฉินมาที่เกาะของเราในวันนี้?”

เฉินเซวียนพูดพร้อมกับหัวเราะ “ยังมีรายละเอียดเหลืออยู่บ้างเกี่ยวกับปัญหาเรื่องใบอนุญาตค้าเกลือ”

เจิ้งตานเริ่มไม่พอใจ เขากล้าดียังไงถึงเรียกนางกลับมาที่นี่เพื่อเรื่องไร้สาระเช่นนี้?

อย่างไรก็ตาม นางรู้ดีว่าสมาชิกคนอื่น ๆ ของกลุ่มวาฬไม่สามารถทำอะไรได้เลยเมื่อเผชิญหน้ากับมหาโจรอย่างเฉินเซวียน คนของนางไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องเรียกนางกลับมาเป็นตัวกลาง

ด้วยเหตุนี้ นางจึงระงับความไม่พอใจ และให้ลูกน้องบางคนจัดทำรายละเอียดอย่างเป็นทางการ หลังจากนั้นพวกเขาจึงได้ลงนามในข้อตกลงเป็นลายลักษณ์อักษรหลายฉบับ

ว่าแต่ทำไมจู่ ๆ ตอนนี้ข้ากลับรู้สึกร้อน ๆ แปลก ๆ? หรือว่ามันเป็นเพราะอารมณ์ของข้าที่กำลังหงุดหงิดหรือเปล่า?

นางรู้สึกร้อนจนเอามือคลายคอเสื้อตัวเองเล็กน้อยอย่างไม่รู้ตัว

เฉินเซวียนหัวเราะเมื่อสังเกตเห็นท่าทางของนาง “ผู้นำกลุ่มวาฬ มีอีกเรื่องที่ข้าสงสัยมาตลอด ข้าหวังว่าผู้นำกลุ่มวาฬจะช่วยให้ข้าคลายความสับสนได้”

เจิ้งตานยิ้ม “หัวหน้าเฉิน ตอนนี้เราเป็นพันธมิตรกันแล้ว ดังนั้นอย่าลังเลที่จะพูดความคิดของเจ้าออกมา ข้าจะทำเท่าที่ทำได้ ตราบใดที่มันเป็นสิ่งที่ข้าสามารถช่วยได้”

“เจ้าพูดเองนะ!” เฉินเซวียน มองไล่ไปตามร่างกายของนางอย่างหิวกระหาย “ข้าสงสัยมาตลอดว่าผู้นำกลุ่มวาฬหน้าตาเป็นอย่างไร เจ้าช่วยถอดหน้ากากออกให้ข้าดูหน่อยได้ไหม?”

สีหน้าของเจิ้งตานเคร่งเครียดทันทีเมื่อนางได้ยินคำขอของเขา!