บทที่ 493 สิบแปดฝนใบไม้ผลิ
บทที่ 493 สิบแปดฝนใบไม้ผลิ
“หัวหน้าเฉิน นี่มันหมายความว่ายังไงกัน?” ใบหน้าของเจิ้งตานมืดหม่นลง คำขอนี้มันเป็นการดูหมิ่นกันชัด ๆ!
นางต้องรู้ว่าให้ได้ว่าทำไมเขาถึงขอเรื่องนี้กับนาง
เฉินเซวียนหัวเราะ “ก็อย่างที่บอกนั่นแหละ! แค่ดูจากรูปร่างของเจ้าก็บอกได้เลยว่าเจ้ามีความงามที่ไม่ธรรมดา ดังนั้นมันจึงเป็นเรื่องปกติที่ข้าย่อมอยากจะเห็นใบหน้าที่งดงามหลังหน้ากากของเจ้า!”
“หัวหน้าเฉิน ข้าปฏิบัติต่อท่านในฐานะแขกมาโดยตลอด แต่ท่านล้ำเส้นเกินไป! ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ข้อตกลงทั้งหมดระหว่างกลุ่มวาฬ และ ค่ายเมฆาทมิฬถือเป็นโมฆะ!” เจิ้งตานโกรธจัด “ขับไล่มันออกไปจากเกาะ!”
ในตอนแรกนางคิดว่าจะใช้ความได้เปรียบของเจ้าถิ่นเพื่อฆ่าเขาทันที แต่ท้ายที่สุดนางก็ล้มเลิกความตั้งใจ ระดับการบ่มเพาะของเฉินเซวียน สูงเกินไป
ยิ่งไปกว่านั้น เขายังสามารถเอาชีวิตรอดจากการถูกไล่ล่าโดยผู้บ่มเพาะมากมายตลอดหลายปีที่ผ่านมา ดังนั้นจะต้องมีไพ่เด็ดอยู่ในมืออย่างแน่นอน
เนื่องจากนางไม่มีความมั่นใจว่าจะฆ่าอีกฝ่ายได้ ทางเดียวที่เหลือคือไล่เขาออกจากเกาะ
นี่เป็นเรื่องที่น่าปวดหัวจริง ๆ นางจะทำอย่างไรถ้าเฉินเซวียนโกรธเพราะความอับอายนี้ และตัดสินใจบุกมาเอาเรื่องที่เกาะในวันหลัง?
อย่างไรก็ตาม หลังจากที่นางออกคำสั่ง สถานการณ์กลับไม่ได้เป็นไปในแบบที่นางคาดหวังแม้แต่น้อย ทั้งห้องโถงต่างเงียบงันไม่มีใครขยับตัวเลย “ไม่ได้ยินที่ข้าสั่งหรือไง?” นางพูดกับหลิวชาน
หลิวชานยิ้มเยาะ “แน่นอน ข้าได้ยินท่านผู้นำ แต่พวกเราที่เหลือเองก็อยากเห็นหน้าตาของท่านผู้นำด้วยเช่นกัน”
ดวงตาที่งดงามของเจิ้งตานหรี่ลง นี่น่าจะเป็นที่มาของความรู้สึกแปลก ๆ เมื่อนางมาถึงเกาะเมื่อครู่ ชายคนนี้มีแรงจูงใจซ่อนเร้นอยู่แล้ว
หยาเสี่ยวซึ่งตามเจิ้งตานกลับมา ตบฝ่ามือของเขาลงบนโต๊ะอย่างแรงทันที “ท่านรองผู้นำ นี่มันหมายความว่ายังไง? ท่านกล้าดียังไงที่ไม่เคารพท่านผู้นำเช่นนี้?”
“หยาเสี่ยว ได้โปรดใจเย็น ๆ ทุกคนรู้ว่าเจ้าชื่นชมท่านผู้นำ แต่เจ้าเคยเห็นหน้าของนางบ้างไหม ทั้ง ๆ ที่เจ้ารับใช้นางมาแล้วหลายปี?” หลิวชานเย้ยหยัน
“ข้า…” หยาเสี่ยวกลั้นหายใจ แท้จริงแล้วเขาก็ไม่เคย! ความจริงแล้วสิ่งนี้ก็ทำให้เขาเศร้ามากเช่นกัน
“ความจงรักภักดีไม่ได้ช่วยให้เจ้ามีสิทธิพิเศษ แต่แน่นอน ถ้าเจ้าเข้าร่วมกับเรา เราจะให้เจ้าได้รับส่วนแบ่ง!” หลิวชานกล่าวพร้อมหัวเราะ
“หุบปาก!” ร่างกายของหยาเสี่ยวสั่นเทา เขาทนไม่ได้ที่เทพธิดาของเขาถูกทำให้อับอาย
เจิ้งตานพูดขึ้นในเวลานี้ “หลิวชาน ที่ผ่านมาข้าปฏิบัติต่อเจ้าและคนอื่น ๆ อย่างเป็นธรรมมาโดยตลอด ทำไมพวกเจ้าถึงทรยศข้า?”
“เป็นธรรมงั้นเหรอ?” หลิวชานเย้ยหยัน “พูดอย่างเป็นกลาง ถึงแม้ว่าท่านจะปฏิบัติต่อเราเป็นอย่างดี อย่างไรก็ตาม ท่านก็ยังเป็นผู้หญิงอยู่ดี แถมยังไม่ค่อยปรากฏตัวบนเกาะนี้ และถึงแม้ท่านจะปรากฏตัว ท่านก็สวมหน้ากากหรือไม่ก็ผ้าคลุมหน้าทุกครั้ง การมีผู้หญิงเป็นผู้นำนั้นค่อนข้างไร้สาระอยู่แล้ว แถมยังปกปิดตัวเองให้มันลึกลับเข้าไปอีก พวกเราจะปิดบังความสงสัยได้ยังไง? เราอาจถูกหักหลังโดยไม่รู้ตัวเมื่อไหร่ก็ได้!”
“แค่นั้น?” เจิ้งตานขมวดคิ้ว อันที่จริงนางทราบดีว่าเกาะของนางจะย่อยยับได้อย่างง่ายดายหากมีศัตรูบุกเกาะขณะที่ตัวเองไม่อยู่ อย่างไรก็ตาม นางก็เป็นลูกสาวคนโตของตระกูลเจิ้ง ดังนั้นไม่มีทางที่นางจะอยู่บนเกาะได้ตลอดไป ไม่มีอะไรที่นางสามารถทำได้เกี่ยวกับเรื่องนี้
อย่างไรก็ตาม นางก็พยายามอย่างดีที่สุดที่จะบรรเทาความรู้สึกไม่สบายใจเหล่านี้ นางใช้ทั้งพระเดชและพระคุณเมื่อจำเป็น และนางรู้สึกว่าตนเองทำได้ดีทีเดียว อย่างไรก็ตาม ความเป็นจริงตอนนี้ได้ตีแสกหน้านางในที่สุด
“ย่อมไม่” หลิวชานกล่าวต่อ “ธุรกิจเกลือของเราดีขึ้นเรื่อย ๆ ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา แต่ด้วยเหตุผลแปลก ๆ บางอย่าง ท่านจึงจงใจจำกัดปริมาณที่เราจะขายได้! เราจะพูดอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้ได้บ้าง นอกจากผู้หญิงเป็นเพศที่ขี้ขลาดเกินไป ไม่เป็นไรถ้าท่านต้องการเป็นคนขี้ขลาด แต่ท่านจงใจทำให้พี่น้องเราทุกคนลำบาก ขัดขวางเส้นทางสู่ความร่ำรวยมากขึ้น! เพราะอย่างนี้เราจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องมองหาผู้นำที่เก่งกาจกว่าท่าน!”
“เจ้านี่มันไม่รู้อะไรเลยว่าข้าทำเช่นนั้นไปเพราะอะไร! ทั้งหมดเป็นเพราะ…เพราะ…” เจิ้งตานโกรธจัด แต่ไม่มีทางที่นางจะจบประโยคได้
มีบางอย่างที่นางพูดไม่ได้
เหตุผลที่นางก่อตั้งกลุ่มวาฬก็เพื่อสร้างรายได้เสริมให้กับตระกูลเจิ้ง อย่างไรก็ตาม ตระกูลเจิ้งก็มีส่วนเกี่ยวข้องกับการค้าเกลืออย่างถูกกฎหมาย ดังนั้นจึงไม่สามารถทำอะไรที่เสี่ยงต่อการถูกเปิดเผยได้
ยิ่งไปกว่านั้น ตระกูลซ่างยังดูแลกองทหารลาดตระเวนลำน้ำอีกด้วย หากลักลอบนำเข้าเกลือเกินกว่าปกติเป็นจำนวนมาก ทั้งนางและซ่างเชียนจะถูกจับได้ในที่สุดแน่นอน!
เพียงเพราะว่าตระกูลซ่างต้องการจะจัดการกับตระกูลฉู่ พวกเขาจึงได้คลายข้อจำกัดเกี่ยวกับเกลือผิดกฎหมายในช่วงสองปีที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตาม ซ่างหงก็ไม่ใช่ผู้ปกครองมณฑลที่แท้จริง จึงยังมีข้อจำกัดบางอย่าง นี่คือเหตุผลที่พวกเขาไม่สามารถยกเลิกข้อจำกัดทั้งหมดเกี่ยวกับการค้าเกลือผิดกฎหมายได้อย่างเต็มที่…
และมีเหตุผลมากมายว่าทำไมนางถึงเลือกให้พวกเขาดำเนินการตามวิธีของนาง อย่างไรก็ตาม ไม่มีทางที่นางจะบอกเหตุผลทั้งหมดเหล่านี้กับพวกเขา
กลุ่มวาฬที่เอาใจออกห่างต่างก็พากันหัวเราะเยาะ พวกเขาคิดว่านางไม่มีคำจะโต้แย้งพวกเขาแล้ว
เฉินเซวียนเลือกช่วงเวลานี้เพื่อพูด “เจ้าไม่จำเป็นต้องโกรธ มันค่อนข้างเหนื่อยสำหรับผู้หญิงที่จะวิ่งไปทั่วทุกที่ ทำไมไม่เลือกเป็นแม่บ้านแทน? เจ้าจะยังคงได้รับสิ่งที่ต้องการ และผู้ชายทั้งหมดนี้จะยังคงเป็นลูกน้องของเจ้า นอกจากคนเหล่านี้ แม้แต่สมาชิกของค่ายเมฆาทมิฬก็ต้องเรียกเจ้าว่านายหญิงด้วยความเคารพ! สถานะของเจ้าจะสูงกว่าที่มีในตอนนี้”
“เจ้าต้องการให้ข้าเป็นแม่บ้านของเจ้างั้นเหรอ? เจ้าเป็นคางคกอีกตัวที่กระหายเนื้อหงส์!” เจิ้งตานเย้ยหยัน น้ำเสียงของนางเต็มไปด้วยความรังเกียจ
นางมาจากตระกูลที่ร่ำรวยและทรงอิทธิพล และบิดาของคู่หมั้นของนางก็เป็นถึงผู้ตรวจการมณฑล นางมีภูมิหลังที่โดดเด่น นางจะอยากเป็นภรรยาโจรได้ยังไง?
ไม่ว่าชื่อเสียงของเขาจะยิ่งใหญ่เพียงใด เฉินเซวียนก็ยังเป็นโจรในท้ายที่สุด
เขาจะต้องพบกับจุดจบของเขาไม่ช้าก็เร็วด้วยน้ำมือของคนจากทางการ
“คางคกกระหายเนื้อหงส์…” ใบหน้าของเฉินเซวียนเปลี่ยนเป็นเย็นชา น้ำเสียงของเขาก็เปลี่ยนไปเช่นกัน “ในเมื่อเจ้าไม่สุภาพกับข้าก่อน งั้นข้าก็คงไม่จำเป็นต้องอ่อนข้อให้เจ้าอีกแล้ว เจ้าคิดว่าเจ้าพิเศษมากหรือไง? การเป็นนายหญิงในค่ายของข้าถือเป็นพรที่ยิ่งใหญ่สำหรับเจ้าแล้ว! ไม่เช่นนั้น เมื่อยาเริ่มออกฤทธิ์เมื่อไหร่ และข้าได้สนุกกับเจ้าจนพอใจ ข้าจะโยนเจ้าไปให้พวกลูกน้องของข้าทุกคน ข้าแน่ใจว่าพวกเขาจะมีความสุขที่ได้เจ้านายเก่ามาบำเรอพวกเขา”
หลิวชานและกลุ่มผู้สมรู้ร่วมคิดของเขาต่างก็มองมาที่นางด้วยความปรารถนาอันแรงกล้า
ท่านผู้นำที่สวยงามของพวกเขาเคยสูงส่งจนเอื้อมไม่ถึง และปกปิดตัวเองด้วยความลึกลับอยู่เสมอ ผู้ชายคนไหนจะไม่เคยจินตนาการถึงการคลุกเคล้ากับนางในตอนกลางคืน
ทั้งหมดนี้ทำได้เพียงอาศัยจินตนาการเท่านั้น อย่างไรก็ตาม ตอนนี้พวกเขามีโอกาสแล้ว
“ยา? ยาอะไร!?” เจิ้งตานตกตะลึง
เฉินเซวียนหัวเราะเสียงดัง “ข้าเป็นคนรอบคอบมาตลอด แม้ว่าข้าไม่เชื่อว่าการบ่มเพาะของเจ้าสูงกว่าของข้า แต่การที่เจ้าสามารถเป็นผู้นำของกลุ่มวาฬได้ เจ้าย่อมมีไพ่เด็ดอยู่ในมืออยู่ ดังนั้นข้าจึงให้คนพวกนี้ใส่ยาลงในชาของเจ้าก่อนหน้านี้!”
เจิ้งตานไม่ได้รู้สึกวิตกกังวลแม้แต่น้อยหลังจากรู้เรื่องการทรยศของลูกน้องของนาง ทว่าตอนนี้สีหน้าของนางเปลี่ยนเป็นมืดหม่นราวกับถ่าน นางมองไปที่ถ้วยน้ำชาของตัวเอง
นางไม่นึกเลยว่านางจะถูกวางยาพิษโดยคนของนางเอง
นางรีบพยายามโคจรพลังเพื่อขับพิษออกจากร่างกายของตัวเอง เฉินเซวียนส่ายหัว “มันไร้ประโยชน์ ยานี้เรียกว่า ‘สิบแปดสายลมใบไม้ผลิ’ ฤทธิ์ของมันค่อนข้างแปลก คนส่วนใหญ่จะเพียงหลังจากร่วมรักไปหนึ่งรอบ แต่ผู้ที่อยู่ภายใต้ผลกระทบของยานี้จำเป็นต้องทำอย่างน้อยสิบแปดครั้ง ผลถึงจะถูกกำจัด ไม่อย่างนั้น ผู้ที่ถูกพิษจะถูกแผดเผาด้วยไฟราคะจนตาย!”
เขาหยุดครู่หนึ่งแล้วพูดต่อ “พูดตามตรง ข้าไม่แน่ใจด้วยซ้ำว่าตัวเองมีความสามารถที่จะทำสิบแปดรอบหรือไม่ แต่โชคดีที่วันนี้ข้าได้รับความช่วยเหลือจากลูกน้องของเจ้า ฮ่า ๆ!”
“น่ารังเกียจ!” เจิ้งตานโกรธและอับอาย นางพบว่าตัวเองไม่สามารถขับพิษออกจากร่างได้เลย ยิ่งไปกว่านั้น ร่างกายของนางก็ร้อนขึ้นเรื่อย ๆ นางตัดสินใจโจมตีเฉินเซวียนก่อนที่ยาจะออกฤทธิ์เต็มที่ อย่างน้อยที่สุด นางก็จะลากเขาตายไปด้วยกัน!