ตอนที่ 504 ตอนพิเศษของเป่าจู

สตรีมเมอร์สาว กินพิชิตอวกาศ

ตอนที่ 504 ตอนพิเศษของเป่าจู

ตอนที่ 504 ตอนพิเศษของเป่าจู

เป่าจูกำลังไปกระโดดบันจีจัมป์กับอดีตจักรพรรดิสวี่เทียนอวี๋! กีฬานี้ยังคงได้รับความนิยมอย่างมากในฐานะกีฬาเก่าแก่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งความรู้สึกที่ไม่สามารถควบคุมได้ของผู้ออกกำลังกาย

เป่าจูเป็นเด็กที่มีพรสวรรค์ทางด้านกีฬามาก ถึงแม้ว่าเจ้าตัวเล็กจะอายุเพียงแค่สามขวบ แต่เธอก็สืบทอดพันธุกรรมอันยอดเยี่ยมของพ่อแม่มาหมด พลังจิตของเธอยกระดับไปถึงหกดาวหรือมากกว่านั้น ส่วนพลังดวงดาวก็เกินต้าน…

เป่าจูผู้ยอดเยี่ยมแตกต่างจากพี่ชายผู้เงียบขรึมอย่างสิ้นเชิง เธอรักการผจญภัยที่น่าตื่นเต้นมากกว่า

สวี่เทียนอวี๋มองดูแท่นสูงที่มีโลกแห่งใต้ท้องทะเลร้องคำรามอยู่ด้านล่าง หัวใจเริ่มสั่นเทาอย่างอธิบายไม่ถูก

เขาถามหลานสาวด้วยเสียงที่สั่นเทา “เป่าจูลูก! อยากจะกระโดดลงไปจริง ๆ เหรอ? มันสูงมากเลยนะ เปลี่ยนเกมดีกว่าไหม?”

“ไม่เอา!” องค์หญิงน้อยผู้ดื้อรั้นมองดูคุณตาด้วยพุงน้อย ๆ ดวงตากลมโต ขนตายาวเป็นแพ และขยิบตาให้ท่านตา “ท่านตา ท่านตากลัวเหรอเพคะ?”

“กลัว? จะเป็นอย่างนั้นได้ยังไง?!” สวี่เทียนอวี๋จะยอมรับได้อย่างไร?! “ตาเคยเป็นจักรพรรดิเชียวนะ ถ้าไม่ใช่ผู้ยิ่งใหญ่ ตาจะให้กำเนิดลูกสาวผู้ทรงพลังอย่างแม่หนูได้ยังไง?”

“งั้นหรือเพคะ? แต่ท่านปู่ก็อดวินบอกว่าถ้าท่านตาไม่ได้เป็นจักรพรรดิ แค่ความสามารถในการต่อสู้ก็ไม่พอให้เลี้ยงดูครอบครัวได้หรอก?”

“ไร้สาระ!” สวี่เทียนอวี๋ได้แต่เกลียดชังอยู่ในใจ! ไอ้สารเลวนั่นสรรหาวิธีใส่ร้ายเขาต่อหน้าหลานสาว!

“ตอนนั้นตาก็ไปสนามรบเหมือนกัน แถมยังเป็นถึงผู้บัญชาการมากด้วยประสบการณ์!” สวี่เทียนอวี๋พูด “อีกอย่างจอมพลมีอำนาจมากกว่าจักรพรรดิหรือ? หลานก็รู้ว่าการบริหารประเทศมันไม่ง่าย!”

“งั้นหรือเพคะ?” เป่าจูยิ้มเจ้าเล่ห์และปรบมือ “ท่านตาเก่งขนาดนี้ งั้นมาเล่นบันจีจัมป์กับหนูหน่อยสิคะ!”

“อ๊ะ!” สวี่เทียนอวี๋ตัวสั่นขณะเหลือบมองแท่นสูง ทว่าเขากลับกัดฟันสู้เมื่อเห็นสายตาที่เว้าวอนของหลานสาว “ก็ได้ จะกระโดดสักรอบแล้วกัน!”

“เยี่ยมมาก ขอบคุณเพคะท่านตา!” เป่าจูหันศีรษะกลับไปและแสดงท่าทางแห่งชัยชนะ เธอรู้ดีว่าตราบใดที่เธอพูดถึงท่านปู่ก็อดวิน ท่านตาจะยอมทำทุกอย่างที่เธอขอในทันที!

เจ้าเด็กน้อยคนนี้ฉลาด! สวี่เทียนอวี๋จะไปรู้ได้อย่างไรว่านี่คือวิธีการยั่วยุของหลานสาว? ทว่าเขาไม่ต้องการเสียหน้าต่อหน้าหลานสาว!

พนักงานที่อยู่รอบ ๆ มองดูอดีตจักรพรรดิผู้สูงศักดิ์และองค์หญิงตัวน้อยสวมหมวกนิรภัยและทำตามมาตรการป้องกันความปลอดภัยด้วยความตื่นเต้น “การกระโดดบันจีจัมป์เป็นการเลียนแบบเกมที่มีมาตั้งแต่สมัยโบราณ ขอให้ทั้งสองท่านสนุกนะพ่ะย่ะค่ะ!”

เขามองมาที่องค์หญิงตัวน้อยและพูดชม “องค์หญิงน้อยกล้าหาญมากพ่ะย่ะค่ะ!”

สวี่เทียนอวี๋ส่ายหัว กอดหลานสาวแน่นขณะหลับตาปี๋ พูดปลอบหลานสาวด้วยปากที่สั่นเทา “ไม่ต้องกลัวนะเป่าจู แค่หลับตาและกระโดดลงไป!”

“ไม่เอา หนูไม่อยากหลับตา!” เป่าจูพูดพลางใช้สองมือเล็ก ๆ ทั้งสองข้างเปิดตาของสวี่เทียนอวี๋ “ท่านตา อย่าหลับตาสิเพคะ แล้วจะเห็นวิวสวย ๆ ได้ยังไง!”

สวี่เทียนอวี๋แอบบ่นเงียบ ๆ เขาไม่กลัวอะไรเลย แต่อย่างเดียวที่กลัวคือความสูง! ทว่าหลานสาวชอบสิ่งที่น่าตื่นตาตื่นใจ นั่นทำให้เขารู้สึกกังวลและมีความสุขในคราวเดียวกัน

อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ลูกธนูกำลังจะทยานเข้าใส่เชือก พวกเขาเดินขึ้นไปบนแท่นสูง รักษามาตรการตามความปลอดภัย จากนั้นจึงลืมตาขึ้น กัดฟันแน่นและกระโดดลงไป!

แม้คลื่นลมจะพัดเข้ารูหู แต่เขากลับรู้สึกถึงความไร้น้ำหนัก ราวกับศีรษะของเขากำลังพุ่งกระทบกับมหาสมุทร แต่แล้วเท้าก็ถูกกระชากขึ้นมาอีกครั้ง เขาลอยตัวอยู่กลางอากาศ รู้สึกว่าหัวใจตกลงมาอยู่ที่ตาตุ่มและกำลังจะกระโจนออกมาจากลำคอ

เป่าจูร้องตะโกนอย่างตื่นเต้น ในขณะที่สวี่เทียนอวี๋กรีดร้องด้วยความสะพรึงกลัว!

เมื่อทุกอย่างจบสิ้นลง สวี่เทียนอวี๋ก็รู้สึกว่าขาของเขาอ่อนยวบลงราวกับเส้นบะหมี่ เขาไม่สามารถลุกขึ้นยืนได้ หากไม่ใช่เพราะหลานสาว เขาคงจะให้คนมาแบกตัวเขาลงไป!

แต่เมื่อเป่าจูหันมามองเขาราวกับเทพเจ้า เขาก็รู้สึกว่าความทุกข์ทั้งหมดที่ได้รับมานั้นคุ้มค่าแล้ว!

“ท่านตาน่าทึ่งมากเพคะ แม้แต่ท่านปู่ก็อดวินก็ไม่กล้ากระโดด!”

คำชมของเป่าจูทำให้เขารู้สึกว่าตนเองเป็นดั่งเทพเจ้า เอวของเขายืดตรง และพูดอย่างมีชัยว่า “ก็ตาบอกแล้วไง ตาไม่ได้ปกครองประเทศได้อย่างเดียว แต่ยังต่อสู้ได้ และเล่นผจญภัยได้ ทำสิ่งที่น่าตื่นเต้นทุกอย่างไปกับเป่าจูได้ด้วย! หลานลองไปถามปู่ก็อดวินดูไหม? เขาคงไม่กล้าหรอก!”

เป่าจูปรบมือและพูดว่า “ใช่แล้วเพคะ ท่านตากล้าหาญที่สุด! พรุ่งนี้ท่านตามาเล่นบันจีจัมป์กับหนูอีกได้ไหมเพคะ?”

“อะอะ…อะไรนะ?! เล่นอีกเหรอ?! ไม่ได้ไม่ได้ ถ้าหลานโดดมันอีก แม่หลานจะต้องรู้แน่!”

สวี่เทียนอวี๋คิดว่าแค่การกระโดดบันจีจัมป์เพียงครั้งเดียวก็ทำให้จิตวิญญาณของเขาโบยบินแล้ว ถ้าเขาจะต้องมากระโดดอีกครั้ง เขาจะไม่ต้องหนีไปอยู่ฝั่งลูกสาวเลยหรือ!

ขณะที่ทั้งสองกำลังพูดคุยหัวเราะคิกคัก คอมพิวเตอร์ปัญญาประดิษฐ์ของสวี่เทียนอวี๋ก็ดังขึ้น!

ไอ้หยา!!! แย่แล้ว ลูกสาวโทรมา!

“เป่าจูเป่าจู แม่หลานโทรมา หลานรู้ไหมว่าแม่ไม่ชอบให้พวกเราเล่นเกมที่อันตรายแบบนี้!”

สวี่เทียนอวี๋พูด แม้ว่าความจริงแล้วเขาจะไม่รู้ว่าทำไมสวี่หลิงอวิ๋นจอมซนถึงยอมให้เขาเล่นเกมนี้กับเป่าจู

อันที่จริงเขารู้ว่าเกมในโครงการนี้ไม่ได้อันตรายนักหากอยู่ในมาตรการความปลอดภัย แม้แต่เด็กสามขวบก็ยังสามารถเล่นได้

ทว่าสวี่หลิงอวิ๋นไม่คิดอย่างนั้น โครงการบันเทิงที่ให้ความตื่นเต้นมักจะมีความเสี่ยงด้านความปลอดภัย ไม่ต้องพูดถึงเครื่องเล่นอย่างอื่น แค่เครื่องเล่นบันจีจัมป์เพียงอย่างเดียวก็มีคนเสียชีวิตจากการกระโดดปีละหนึ่งถึงสองคน ถึงแม้ว่าตัวเลขจะไม่สูงนัก แต่ก็มีความเป็นไปได้อยู่ดี

เป่าจูยังเด็กและไม่มีความสามารถในการป้องกันตัวเอง ต่อให้เสด็จพ่อของนางจะอยู่ที่นั่นด้วย แต่ก็ยังมีความผิดพลาดเกิดขึ้นได้ และสวี่หลิงอวิ๋นก็ยังไม่กล้าเสี่ยง

เป่าจูผงะไปครู่หนึ่ง หนูน้อยไม่ได้กลัวแม่ของเธอมากนัก แต่ถ้าสวี่หลิงอวิ๋นโกรธขึ้นมา มันจะเป็นอะไรที่น่าสยดสยองมาก

“ทำยังไงดีเพคะ? ท่านตา?” เป่าจูร้องไห้ขณะหันมามองท่านตา “ถ้าเสด็จแม่รู้เข้า หน้าร้อนนี้หนูจะไม่ได้ไปเล่นที่จักรวรรดิเอลฟ์แน่เลย!”

“ไม่ต้องห่วง ทุกอย่างขึ้นอยู่กับตา ถ้าแม่หลานกล้าทำอะไร คอยดู ตาจะไม่เอาแม่หลานไว้แน่!”

สวี่เทียนอวี๋ทุบหน้าอกให้สัญญา “ไม่ต้องกังวล แม่หลานกลัวตาจะตาย!”

เป่าจูถอนหายใจและตบไหล่ท่านตาเบา ๆ “ท่านตาอย่าพูดเลยเพคะ อย่าคิดว่าหนูไม่รู้ว่าท่านตาก็กลัวเสด็จแม่เหมือนกัน!”

“วันก่อนท่านตาป่วยหนัก แต่ดันไปแอบกินขนมเส้นหม่าล่า พอเสด็จแม่จับได้ก็โดนดุยกใหญ่เลยนี่เพคะ อย่าคิดว่าหนูไม่ได้ยินนะ!” เป่าจูพูด “ตอนนั้นท่านตาพูดแก้ต่างซ้ำ ๆ น่าสงสารกว่าหนูอีก!”

“จะมาบอกว่าตาน่าสงสารได้ยังไง? ไร้สาระ! หลานไม่ต้องห่วง ครั้งนี้ตาจะดูแลหลานเอง!”

สวี่เทียนอวี๋เอ่ยย้ำให้ความมั่นใจ เขาจะต้องต่อสู้อย่างหนักเพื่อรักษาหน้าของตัวเองเอาไว้ให้ได้!