ตอนที่ 263 แช่งหนานหนานให้ตาย

อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว

ตอนที่ 263 แช่งหนานหนานให้ตาย

เย่หลานเฉิงวิ่งตามเข้ามาที่หลัง เด็กชายมองนั่นมองนี่และเก็บเสื้อผ้ากับพู่กันที่ตกอยู่บนพื้นส่งคืนให้กับพวกเขา ก่อนเดินเข้าประตูไปอย่างสง่างามและเอ่ยขึ้นอย่างมีมารยาท “ท่านน้าชิง”

คอของอวี้ชิงลั่วกำลังถูกหนานหนานโอบรัดไว้แน่นจนแทบจะหายใจไม่ออก

แต่เจ้าเด็กน้อยยังไม่หนำใจ ยังเอาแก้มเข้าไปถูไถกับใบหน้าของหญิงสาวพลางเอ่ยขึ้น “ท่านแม่ วันนี้หนานหนานตัวเบาลงมาหรือไม่? ข้าจะบอกให้ท่านฟัง เมื่อวานข้าไม่ได้กินข้าวห้ามื้อนะ ข้ากินแค่สามมื้อเท่านั้น แถมข้ายังกินไม่อิ่มด้วย ท่านลองกอดดูสิว่าเนื้อมันหายไปสักหนึ่งชั่งหรือไม่? ท่านแม่อ่า ข้าอยากจะฟ้องท่านว่าเมื่อวานท่านพ่อรังแกข้าด้วย เขาบอกว่าให้ข้ากลับมา และจะทรมานข้าทุก ๆ วันเลย ท่านแม่ท่านรู้สึกบ้างไหมว่าเรื่องนี้นั้นมันช่างไร้มโนธรรมเสียจริง? อืม…ข้าก็คิดว่าเป็นเช่นนั้น ท่านแม่เองก็คิดเช่นนี้ใช่ไหมล่ะ? ข้ารู้ว่าท่านแม่กับข้านั้นใจตรงกัน”

ริมฝีปากของอวี้ชิงลั่วกระตุกขึ้นเล็กน้อย คอของนางถูกเด็กชายกอดรัดเอาไว้แน่นจนแทบจะหายใจไม่ออก หญิงสาวจะตอบลูกชายได้เช่นไร?

หลังจากนั้นเย่ซิวตู๋ที่ตามเข้าก็อดไม่ที่จะขมวดคิ้ว จึงอุ้มหนานหนานลงมา “ข้าไปทรมานเจ้าตั้งแต่เมื่อไหร่? สอนวรยุทธ์ให้เจ้าก็เป็นการทรมานเจ้าแล้วหรือ?”

“ใช่แล้ว” หนานหนานตอบอย่างมั่นใจ แขนและขาของเด็กน้อยป่ายปัดไปมา ก่อนจะลงมาจากอ้อมแขนของเย่ซิวตู๋

หลังจากนั้นจึงปีนขึ้นไปบนตักของอวี้ชิงลั่ว เด็กน้อยกอดหญิงสาวและถูแก้มของนางต่อไป

“หนานหนาน เจ้าหยุดก่อน เอาอุ้งมือของเจ้าที่อยู่บนคอข้าลงเดี๋ยวนี้”

ด้วยน้ำเสียงที่เย็นชาของอวี้ชิงลั่ว ทันใดนั้นหนานหนานก็หยุดอย่างเชื่อฟัง เด็กชายลดมือเล็ก ๆ ของตนลงและหดตัวเข้าไปอยู่ในอ้อมแขนของอวี้ชิงลั่ว

เย่ซิวตู๋ถอนหายใจ เจ้าเด็กดื้อนี่เหตุใดตอนที่อยู่ต่อหน้าตนนั้นถึงไม่เกรงใจเลย แต่เวลาอยู่ต่อหน้าอวี้ชิงลั่วแม้แต่จะผายลมก็ยังไม่กล้า หรือว่าตัวเขาไม่มีความน่าเชื่อถือพอ?

เย่ซิวตู๋ส่ายหน้าและเดินไปนั่งอีกฝั่งหนึ่ง หลังจากนั้นจึงรินน้ำให้กับตนเอง แต่ยังไม่ทันจะได้ดื่ม หนานหนานก็คว้าไปเสียก่อน

เจ้าเด็กน้อยยื่นแก้วน้ำให้อวี้ชิงลั่วอย่างประจบสอพลอ “ท่านแม่ ดื่มน้ำขอรับ”

เย่ซิวตู๋ยื่นมือออกออกไปเพื่อจะหยิกเด็กน้อย แต่ในที่สุดก็หดมือกลับมาอย่างจนใจ ช่างเถอะ พวกเขาทั้งสองคนปล่อยให้เด็กน้อยทำความผิดโดยไม่ได้ห้ามปรามเอง

อวี้ชิงลั่วไม่ต้องการดื่มน้ำ จึงดันแก้วน้ำออกไป หญิงสาวกำลังจะเงยหน้าขึ้นมาถามเย่ซิวตู๋ว่านี่มันเกิดอะไรขึ้น เหตุใดหนานหนานจึงมาอยู่ที่ตำหนักอ๋อง ใครจะคาดคิดได้ว่าเมื่อนางเงยหน้าขึ้นมา ก็พบเข้ากับเยว่ซินและอวี้เป่าเอ๋อร์ที่จ้องมองหนานหนานด้วยความตกใจ ทั้งสองคนอ้าปากค้างราวกับถูกสกัดจุดฝังเข็ม คนหนึ่งปล่อยให้เสื้อผ้าลากไปกับพื้น อีกคนถือพู่กันกลับด้านและปล่อยให้หมึกเลอะเต็มมือ

“เอ่อ…”อวี้ชิงลงเหลือบตาลง มองดูหนานหนานที่ดื่มน้ำอยู่ หลังจากนั้นจึงนึกขึ้นได้ว่านางยังไม่ได้บอกทั้งสองคนว่าตนเป็นผู้ให้กำเนิดหนานหนาน

ตอนแรกหญิงสาวเพียงแค่บอกเรื่องราวขมขื่นที่เกิดขึ้นในตอนนั้นเพียงเล็กน้อย นางเล่าถึงตอนที่พวกเขาถูกไล่ล่าจนไปถึงวัดร้างเพียงเท่านั้น และบอกเพียงว่าในตอนคลอดลูกนั้นอารมณ์ของนางไม่ค่อยสู้ดี นางจึงหยุดลงและไม่ได้เอ่ยอะไรต่อ เวลานั้นเยว่ซินคิดว่านางนึกถึงเรื่องราวที่เจ็บปวดขึ้นมา และคิดว่าเด็กที่เสียชีวิตในวัดร้างก็คือเด็กที่อยู่ในท้องนางตอนนั้น หญิงสาวจึงทนไม่ได้ที่จะพูดถึงต่อ

และนางเองก็ไม่เคยบอก…ว่าหนานหนานนั้นยังมีชีวิตอยู่

สำหรับโม่เสียนแล้ว เรื่องเหล่านี้เป็นเรื่องที่เขาเองก็ไม่สามารถพูดได้ และคนในตำหนักท่านอ๋องเองนอกจากหลินมาที่มาจากที่อื่นแล้ว คนอื่น ๆ ก็ไม่เคยมีผู้ใดเคยพบหนานหนานมาก่อน แน่นอนว่าไม่มีเรื่องอะไรที่จะให้เขาพูด

ดังนั้นถ้าให้พูดก็คือ เยว่ซินและอวี้เป่าเอ๋อร์ยังไม่รู้ว่า…เด็กในปีนั้นยังไม่เสียชีวิต และตอนนี้ก็ยังดิ้นไปมาอยู่ต่อหน้าพวกเขา

“ท่านแม่ พวกเขาทั้งสองคนเป็นอะไรไป?” หลังจากที่หนานหนานดื่มชาเสร็จ จึงเงยหน้าขึ้นมามองท่านแม่อย่างเชื่อฟัง หลังจากนั้นก็พบว่าหญิงสาวไม่ได้มองดูลูกชายอันล้ำค่าของนาง เวลานี้เด็กชายจึงมองกลับอย่างไม่พอใจ

เมื่อหนานหนานกล่าวเช่นนั้น เยว่ซินและอวี้เป่าเอ๋อร์ที่ตกตะลึงจนแน่นิ่งไปก็มีสติกลับมา ทั้งสองคนเดินเข้าไปหาอวี้ชิงลั่วด้วยแข้งขาอ่อนแรง พลางมองไปที่หญิงสาว และหันกลับมามองเด็กชายสลับไปมา

ผ่านไปพักหนึ่ง จึงได้ยินเสียงของเยว่ซินดังขึ้น “คุณ…คุณหนู นี่…เขา เขาเรียกคุณหนูว่าท่านแม่ เช่นนั้น…คงจะไม่ใช่…”

“อื้ม นั่นแหละ เด็กในตอนนั้นยังไม่ตาย เขามีชีวิตที่ดีมาก ก็คือหนานหนานอายุห้าปี” อวี้ชิงลั่วอุ้มหนานหนานลงบนพื้น เพื่อให้เขามายืนต่อหน้าทั้งสองคน บีบแก้มป่อง ๆ ของเด็กน้อยและแนะนำเขาด้วยรอยยิ้ม

เยว่ซินและอวี้เป่าเอ๋อร์ตกตะลึง ทั้งสองกลืนน้ำลายและยังคงมองหนานหนานอยู่เหมือนเดิม

หนานหนานเดินออกมาไม่กี่ก้าว ก่อนจะเงยหน้ามองทั้งสองคน จากนั้นไม่นานจึงคลี่ยิ้มออกมา “ท่านแม่ พวกเขาทั้งสองเสียสติไปแล้วใช่หรือไม่? ทำไมทำท่าทางตกใจราวกับว่าท้องฟ้าจะถล่มลงมา ฮ่าฮ่า ท่านดูสิ ตาของนางจะถลนออกมาแล้ว นี่ก็อีกคน ใบหน้าล้วนเต็มไปด้วยน้ำหมึก เหตุใดที่นี่จึงมีคนเสียสติถึงสองคนล่ะ? ”

“อะแฮ่ม หนานหนาน อย่าพูดจาไร้สาระ นี่คือเป่าเอ๋อร์น้องชายของแม่ เป็นท่านน้าแท้ ๆ ของเจ้า และนี่คือเยว่ซิน เป็นสาวใช้สมัยก่อนของแม่”

“ท่านน้าแท้ ๆ เช่นนั้นหรือ?” หนานหนานหน้าซีดขึ้นมาทันที ก่อนเด็กชายจะลงไปร้องไห้กับพื้น “ท่านแม่ ท่านไปหาน้องชายมาจากที่ใดกัน? เขาโตกว่าข้าแค่เพียงนิดเดียวเท่านั้นแต่ได้เป็นท่านน้าของข้าแล้ว เช่นนั้นแล้วข้าก็เสียเปรียบเอามาก ๆ ข้าไม่เอา ให้ตายก็ไม่เอา!”

อวี้เป่าเอ๋อร์เม้มปาก เด็กชายมีสีหน้าอึดอัด เพียงแต่แววตานั้นยังมีความอยากรู้อยากเห็น เขาจ้องมองหนานหนาน ครั้นเห็นปากสีชมพูเล็ก ๆ เดี๋ยวเปิดเดี๋ยวปิด ก็รู้สึกว่าน่ารักอย่างมาก

ยามนึกถึงคำพูดแนะนำเมื่อสักครู่ของท่านพี่ นางบอกว่าเขาเป็นท่านน้าแล้ว เหอะๆ เป็นน้าเชียวนะ

อวี้เป่าเอ๋อร์ดีใจอย่างมาก นับตั้งแต่พบกับอวี้ชิงลั่ว กำแพงในหัวใจของเขาก็สลายเบาบางลง ที่แท้ตอนนั้นท่านพี่ไม่ได้เป็นอะไร ลูกของนางเองก็ยังมีชีวิต อีกทั้งยังโตมาน่ารักน่าชังมาก

อวี้เป่าเอ๋อร์ดีใจมาก ๆ เยว่ซินเองก็มีความสุขจนร้องไห้ออกมา “เป็นคุณชายน้อยนี่เอง คุณชายน้อยยังมีชีวิตอยู่ ฮือฮือ คุณหนู…นี่มันดีมาก ๆ วันข้างหน้าข้าน้อยเองก็ไม่ต้องแอบจุดธูปให้กับคุณชายน้อยแล้ว”

“…”มือของอวี้ชิงลั่วค่อย ๆ สั่นขึ้นมา อีกหน่อยเดียวก็จะหยิกหนานหนานจนเจ็บแล้ว

“…”หนานหนานรู้สึกโมโหขึ้นมาทันที จุดธูป นางมองว่าข้าตายไปแล้วหรือ คนตายเชียวนะ

“…”เย่หลานเฉิงตกใจ รู้สึกว่าสถานการณ์เริ่มไม่ดี และเขาก็มีลางสังหรณ์ที่ไม่ดีเช่นกัน

“…”อวี้เป่าเอ๋อร์มองไปที่เยว่ซินด้วยความหวาดกลัว คิดถึงภาพในตอนเช้าที่หญิงสาวมองไปยังนอกหน้าต่างและเอ่ยขึ้นกับหนานหนาน

“…”พวกเหวินเทียนที่ยืนอยู่ข้างนอกประตูจ้องมองโม่เสียนอย่างเงียบ ๆ พวกเขาค่อย ๆ ตบไหล่ปลอบชายหนุ่ม และหวังว่าเยว่ซินจะไม่ถูกนายท่านทำลายทิ้ง และยังไว้ชีวิตนางไว้เพื่อที่จะได้มารักกับเขา

มีเพียงเย่ซิวตู๋เท่านั้นที่วางแก้วชาในมือลงบนโต๊ะอย่างแรง เสียงดังอันกังวานและห้วนกระด้างนี้ทำให้สายตาของผู้คนจับจ้องมา ชายหนุ่มเอ่ยเยาะขึ้น “นี่ เจ้ากล้าแช่งลูกของข้าให้ตายหรือ?”

……………………………………………………………………………………………………………………

สารจากผู้แปล

กวนตีนพ่อแบบนี้เดี๋ยวก็เจอพ่อสอนวรยุทธ์แบบจัดหนักไร้ปรานีหรอกหนานหนาน

จุดอ่อนของท่านอ๋องอยู่ที่ลูกจริงๆ ใครมันบังอาจมาแช่งลูกข้า?

ไหหม่า(海馬)