ตอนที่ 264 เรื่องสำคัญ
เยว่ซินตกใจเมื่อรู้ตัวว่าตนเองพูดอะไรบางอย่างผิดไป หญิงสาวรีบคุกเข่าจนเกิดเสียงดังตุบ
“คุณ คุณหนู ข้าไม่ได้ตั้งใจเจ้าค่ะ เพียงแค่ เรื่องนั้น…”
นางเริ่มลุกลี้ลุกลนจนทำอะไรไม่ถูก แม้แต่การพูดก็ยังติดขัด
โม่เสียนที่ยืนอยู่หน้าประตูต้องการที่จะเข้าไป แต่กลับถูกสหายอีกสามคนดึงเอาไว้ “เจ้าจะเข้าไปทำอะไร? นายท่านอยู่ที่นี่นะ เจ้าคึกอะไรขึ้นมา กลับมานะ เจ้าเข้าไปช่วยเวลานี้จะทำให้เรื่องวุ่นวายมากกว่าเดิม ”
โม่เสียนครุ่นคิดตาม และมันก็ถูกตามที่สหายของเขาเอ่ย นายท่านไม่น่าจะเอาชีวิตเยว่ซินเพียงเพราะเรื่องแค่นี้หรอกกระมัง แต่มันก็ไม่แน่เสมอไป ถึงอย่างไรเสียเยว่ซินก็พูดถึงหนานหนานผู้ซึ่งเป็นที่รักของนายท่านแบบนั้น
โม่เสียนเป็นกังวล แต่กลับทำได้แค่ยืนดูจากข้างนอกเท่านั้น
แต่เย่ซิวตู่กลับยิ้มเย็นชา หนานหนานที่ยืนอยู่อีกด้านถ่างขาออกและสั่นสะโพกเริ่มแอบอ้างใช้อำนาจ “ข้ารู้ว่าเจ้านั้นไม่ได้ตั้งใจ แต่เจ้ามีเจตนาที่ไม่ต้องการให้ข้ามีชีวิตที่ดีใช่หรือไม่”
“ข้า ข้าไม่ได้เจตนา คุณชายน้อย เหตุใดข้าน้อยจึงจะไม่หวังให้คุณชายมีชีวิตที่ดีล่ะเจ้าคะ เยว่ซินเห็นท่านก็ดีใจมาก ๆ แล้ว จริง ๆ นะเจ้าคะ” เยว่ซินตื่นตระหนกเสียจนอยากจะร้องไห้ แต่เคราะห์ดีที่ตอนอยู่จวนอวี๋ นางไม่ได้พูดถึงเรื่องนี้เพราะมัวแต่ลอบจุดธูปไว้อาลัยให้คุณหนูอยู่ ไม่อย่างนั้นนางก็คงไม่มีชีวิตแล้วรอดจริงๆ
อวี้ชิงลั่วกระตุกมุมปากขึ้นและมองดูสองพ่อลูก หญิงสาวยื่นมือไปประคองเยว่ซินให้ลุกขึ้น “เอาล่ะ เอาล่ะ ข้าเข้าใจเจตนาของเจ้า ลุกขึ้นมาเถิด ไม่มีผู้ใดถือโทษโกรธเคืองเจ้าหรอก”
“ผู้ใดบอกกัน ข้านี่แหละที่โกรธมาก ๆ ” หนานหนานเอ่ยขึ้นด้วยความโกรธเคือง “ท่านแม่ นางสาปแช่งข้านะ ท่านไม่โกรธเลยหรือ?”
“โกรธรึ? เจ้าจะโกรธไปเพื่อสิ่งใดกัน?” อวี้ชิงลั่วขมวดคิ้วมองดูเด็กน้อย
หนาหนานจึงแย้งขึ้น “แน่นอนว่าต้องชดใช้ค่าเสียหายทางจิตใจของข้า นางได้ทำร้ายจิตใจอันบอบบางของข้าไปแล้ว ทำให้หัวใจของข้ามีบาดแผลและทำให้ข้ารู้สึกไม่สบายใจ”
เย่ซิวตู๋ก่ายหน้าผาก เอาล่ะ เขาจะไม่สนใจอะไรแล้ว
อวี้ชิงลั่วพยักหน้า หญิงสาวรู้ว่าเจ้าเด็กผู้นี้ต้องการจะรีดไถเงิน จึงหันไปกลับไปมองเยว่ซินที่ยังคงกังวลอยู่ “เจ้าไปเอาเงินทั้งหมดของเจ้ามา”
“เจ้าค่ะ” เยว่ซินเชื่อฟังเป็นอย่างมาก จึงรีบวิ่งออกจากประตูไปแล้วตรงไปที่ห้องของตน ไม่นานนักหญิงสาวก็กลับมา
หนานหนานมองตามด้วยความตื่นเต้น ดวงตาทั้งสองข้างเป็นประกาย
จนกระทั่งเยว่ซินกางฝ่ามือของนางออกมา…ปรากฏเงินจำนวนสองเหวินตรงหน้าเด็กชาย หนานหนานพลันรู้สึกไม่สบายไปทั้งตัว
เด็กชายตกตะลึงจนต้องเงยหน้าขึ้นมามองเยว่ซิน “สองเหวิน? ทั้งเนื้อทั้งตัวเจ้ามีเพียงแค่สองเหวิน?”
เยว่ซินพยักหน้าด้วยความงุนงง “อา…เจ้าค่ะ ข้าน้อยมีเพียงแค่สองเหวิน”
ใบหน้าของหนานหนานบิดเบี้ยวไปหมด เด็กชายกำเงินจำนวนสองเหวินเอาไว้ อยากจะร้องไห้แต่ก็ร้องออกมาไม่ได้ เขาโดนจุดธูปไว้อาลัยมาเป็นเวลานานถึงเพียงนี้ ไม่คิดเลยว่าตนจะมีค่าเพียงเท่านี้?
หนานหนานไม่เชื่อ “เจ้าไม่ใช่สาวใช้ของตำหนักแห่งนี้หรือ? เจ้าคือสาวใช้ของตำหนักอ๋องนะ ตำหนักท่านอ๋องเชียวนะ เจ้าได้ค่าแรงเพียงแค่นี้เองหรือ? เป็นไปไม่ได้”
“คือว่า คุณชายน้อย” เยว่ซินรู้สึกเขินอาย หญิงสาวยิ้มและเกาหัวพร้อมกับเอ่ยขึ้น “ข้าไม่ใช่สาวใช้ของตำหนักอ๋อง เดิมทีข้าอยู่ที่จวนตระกูลอวี๋ เนื่องจากไม่ได้เป็นที่ชื่นชอบ ดังนั้นฮูหยินจวนตระกูลอวี๋จึงไม่ได้จ่ายค่าแรงให้ข้าน้อยมาโดยตลอด และข้าน้อยเพิ่งได้ติดตามคุณหนูเกือบครึ่งเดือนเท่านั้น เดิมทีคุณหนูต้องการจะให้เงินกับข้าน้อย แต่ว่าข้าน้อยอยู่ที่ตำหนักอ๋องก็มีกินมีใช้ ต้องการสิ่งใดคุณหนูก็คอยซื้อให้ ถ้าพกเงินติดตัวไว้ก็จะเป็นภาระเสียเปล่า เงินจึงไม่จำเป็นสำหรับข้าน้อยเจ้าค่ะ”
หนานหนานแทบจะนึกไม่ออกเลยว่าบนโลกนี้จะมีคนดี ๆ ที่ไม่ต้องการเงินทอง เด็กน้อยนำเงินสองเหวินคืนให้แก่หญิงสาวด้วยอารมณ์ที่ไม่สู้ดีอย่างยิ่ง “โง่เขลานัก ไม่ต้องการแม้กระทั่งเงินทอง ข้าจะบอกเจ้าให้รู้เอาไว้นะ ถ้าครั้งต่อไปมีคนให้เงิน เจ้าจะต้องรับเอาไว้เข้าใจใช่ไหม? ถ้าเจ้าไม่ต้องการก็เอามาให้ข้า เพราะข้าชอบเงินตราเป็นอย่างมาก ”
“…อ้อ”เยว่ซินตอบกลับด้วยรอยยิ้ม และมองดูท่าทางที่มีชีวิตชีวาของหนานหนาน ทำให้นางเองก็พลอยมีความสุขด้วย
ช่างดีเสียจริงที่เด็กในท้องคุณหนูในตอนนั้นไม่เป็นอะไร อีกทั้งตอนนี้ยังเติบโตมาเป็นอย่างดี
อวี้ชิงลั่วมองดูหนานหนานอย่างช่วยไม่ได้ เด็กน้อยใช้วิธีการทุกอย่าง ไม่ได้เล่ห์ก็เอาด้วยกลเพื่อให้ได้เงินทอง หรือว่าการที่เข้าไปอยู่ในวังจะไม่ได้ช่วยลดความต้องการสิ่งเหล่านี้ของเขาเลย?
หนานหนานได้ใจใหญ่ที่จะมีคนมาช่วยตนเองหาเงิน เมื่อหว่านล้อมเยว่ซินแล้วเสร็จ เด็กน้อยก็เริ่มสังเกตเห็นอวี้เป่าเอ๋อร์ที่อยู่ข้าง ๆ
ท่านแม่บอกว่าคนผู้นี้เป็นท่านน้าของเขา ถึงแม้หนานหนานจะไม่ยินยอมเรียกคนที่ดูเหมือนจะโตกว่าตนเองเพียงน้อยนิดว่าท่านน้า แต่ว่าถ้าเพื่อเงินแล้วล่ะก็ เขาก็สามารถโค้งคำนับได้เล็กน้อย
เจ้าเด็กน้อยไม่เอ่ยอะไรมากมาย เมื่อพบกับผู้ใหญ่แสดงว่าต้องมีซองแดงใช่ไหมเล่า
หนานหนานลูบมือเล็ก ๆ ของตนและเดินไปหาอวี้เป่าเอ๋อร์ แต่เมื่อเดินไปถึงบริเวณข้าง ๆ เด็กหนุ่ม ก็พบว่าเขานั้นดูโง่ ๆ มึน ๆ และมีท่าทางที่ตกตะลึงจนทำอะไรไม่ถูก และดวงตาของเขาก็กำลังจับจ้องไปที่…ท่านพ่อของตน
หนานหนานมองตามสายตาของเด็กหนุ่ม เมื่อมองสลับไปมา เด็กชายก็ไม่เข้าใจจริง ๆ ว่าเขาจะมองท่านพ่อของตนไปเพื่อสิ่งใด
หนานหนานเข้าไปชนเด็กหนุ่ม แต่เด็กหนุ่มก็ยังไม่มีปฏิกิริยาตอบกลับ จึงชนเข้าไปอีกรอบ เช่นนี้แล้วอวี้เป่าเอ๋อร์จึงมีสติกลับมา เด็กหนุ่มเพียงแค่จ้องมองหนานหนานด้วยความประหลาดใจและกลืนน้ำลายลงไปอย่างฝืดเคือง
“เจ้าทำอะไรน่ะ?”
อวี้เป่าเอ๋อร์หัวใจเต้นแรงขึ้น และหันไปมองอวี้ชิงลั่ว “ท่าน…ท่านพี่ เมื่อครู่ท่านอ๋องกล่าวว่า…หนานหนานเป็นลูกของเขาเช่นนั้นหรือ?”
“…” อวี้ชิงลั่วสำลัก หญิงสาวเหลือบไปมองเย่ซิวตู๋ที่มีท่าทางเป็นปกติ และนางก็สงสัยเป็นอย่างมากว่าชายหนุ่มเอ่ยประโยคนั้นไปโดยเจตนา และกำลังเปิดเผยเรื่องราวอยู่
แต่หนานหนานรอไม่ไหวที่จะเอ่ยออกมา “ใช่น่ะสิ ข้าต้องเป็นลูกของท่านพ่อของข้าอยู่แล้ว” ว่าพลางเด็กน้อยก็พุ่งเข้าใส่อ้อมแขนของเย่ซิวตู๋ และใช้ความพยายามอย่างมากในการปีนขึ้นไปบนขาของชายหนุ่ม และขึ้นไปนั่งตัวตรงอยู่ในอ้อมแขนของเขาก่อนที่จะยิ้มจนตาหยี
เยว่ซินเองก็นึกได้ขึ้นมา จึงตอบสนองพร้อมกับอวี้เป่าเอ๋อร์ ทั้งคู่ถึงกับสูดหายใจลึก
คุณชายน้อยเป็นลูกของท่านอ๋องซิว? เป็นลูกของท่านอ๋องและคุณหนูเช่นนั้นหรือ?
เมื่อพูดเช่นนี้แล้ว บุรุษเมื่อหกปีก่อนนั้น…ก็คือเย่ซิวตู๋?
มีบางเรื่องที่น่าตกใจจนเกินที่จะเชื่อ เยว่ซินและอวี้เป่าเอ๋อร์สบตากัน และทั้งคู่ก็รู้สึกว่าต้องค่อย ๆ คิด ค่อย ๆ พิจารณาถึงจะถูก
ไม่ได้พบกันหกปี อวี้ชิงลั่วที่เด็กหนุ่มคิดว่าเสียชีวิตไปแล้วนั้นก็มายืนอยู่ต่อหน้าเขา ไม่เพียงแค่นั้น นางยังกลายเป็นหมอปีศาจที่มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่ว และนางยังมีความสัมพันธ์กับท่านอ๋องซิวผู้ที่ฮ่องเต้ให้ความสำคัญ นอกจากนี้เด็กที่พวกเขาคิดว่าไม่น่าจะมีชีวิตอยู่ ตอนนี้ก็กระโดดวิ่งเล่นไปมาและแข็งแรงเป็นอย่างมาก มากไปกว่านั้น…คาดไม่ถึงว่าเด็กผู้นี้จะเป็นบุตรของท่านอ๋องซิว เป็นพระนัดดาของฮ่องเต้
การแสดงออกของเยว่ซินและอวี้เป่าเอ๋อร์นั้นยังต้องใช้เวลาตั้งสติอีกสักพัก เย่หลานเฉิงเข้าใจความรู้สึกของพวกเขามาก ๆ เด็กชายจึงเม้มริมฝีปากและยิ้มขึ้น
เย่ซิวตู๋หัวเราะขึ้นเบา ๆ ชายหนุ่มเพียงคิดว่าพวกเขานั้นช่างตื่นตูมกันเสียจริง เพียงหันกลับมาพบเรื่องที่ไม่คาดฝันก็แสดงท่าทางกันถึงเพียงนี้
ชายหนุ่มกอดเจ้าเด็กน้อยในอ้อมแขนเอาไว้แน่น เมื่อเงยหน้าขึ้นมา ก็เห็นพ่อบ้านยืนอยู่ที่หน้าประตูบ้านด้วยใบหน้าที่เคร่งขรึม ดูราวกับว่ามีเรื่องที่สำคัญมาก ๆ
………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
เจ้าหนานหนานนี่คิดจะไถตังค์คนอื่นตลอดเลยน้า
รอให้เยว่ซินกับอวี้เป่าเอ๋อร์ปรับตัวกันก่อนค่ะ ใครมาได้ยินข่าวนี้ก็ต้องช็อคกันทั้งนั้นแหละ
ไหหม่า(海馬)