ตอนที่ 903 แหวน (2) / ตอนที่ 904 กองทหารราชองครักษ์หลวง (1)
ตอนที่ 903 แหวน (2)
“พวกเจ้ายังจำข้อความที่สลักไว้บนกำแพงในบ้านหินนั่นได้หรือไม่” จวินอู๋เสียถามพร้อมกับหรี่ตาลง
เฉียวฉู่และคนอื่นๆ พยายามนึกทันที ผ่านไปครู่หนึ่งฮวาเหยาเป็นคนแรกที่นึกออก เขาเงยหน้าพรวด ดวงตาเป็นประกายแสดงความเข้าใจ
“เจ้ากำลังบอกว่าเจ้าของบ้านหินที่ติดอยู่ด้านล่างผาสุดขอบฟ้านั่นเกี่ยวข้องกับรัฐเหยียนหรือ”
จวินอู๋เสียถอดแหวนออกมาจากนิ้วมือนาง แล้วส่งให้ฮวาเหยาและคนอื่นๆ ตรวจสอบดูใกล้ๆ
ฮวาเหยาและคนอื่นๆ พบตัวอักษรที่สลักคำว่า ‘เหยียน’ อย่างรวดเร็ว
“ข้าจำได้ว่า…คนที่ถูกกล่าวถึงในข้อความเหล่านั้นคล้ายจะเป็นผู้นำรัฐไหนสักรัฐ อย่าบอกนะว่า…เขาเป็นอดีตฮ่องเต้ของรัฐเหยียนน่ะ เพราะเขาหายตัวไป ฮ่องเต้พระองค์นี้ถึงได้ขึ้นครองบัลลังก์อย่างนั้นหรือ” เฉียวฉู่เบิกตากว้างอีกครั้ง ดวงตาเขาแทบถลนออกมานอกเบ้า เขาไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าแหวนที่จวินอู๋เสียบังเอิญหยิบมาจากด้านล่างผาสุดขอบฟ้าจะเกี่ยวข้องกับรัฐเหยียน
“ไม่ใช่ คำนวณจากเวลาที่ผ่านมาแล้ว ตอนที่บุรุษผู้นั้นลงไปที่ด้านล่างผาสุดขอบฟ้า นั่นก็ผ่านมาเกือบหนึ่งร้อยปีแล้ว หรือไม่ก็ไม่ห่างไปจากนี้มากนักหรอก แต่พระชนมายุของฮ่องเต้องค์ปัจจุบันไม่ตรงกับช่วงเวลานั้น” ฮวาเหยาพูดขึ้นทันทีพร้อมกับส่ายศีรษะอย่างไม่เห็นด้วย
เฟยเยียนหรี่ตาลงเหมือนกำลังใช้ความคิดอย่างหนัก ครู่ต่อมาดวงตาของเขาก็ส่องประกาย
“ข้านึกออกแล้ว!”
สีหน้าของเฟยเยียนตื่นเต้นขึ้นมาทันที เขามองจวินอู๋เสียแล้วพูดว่า “ก่อนหน้านี้ตอนที่ข้าสืบค้นข้อมูลของรัฐเหยียน ก็ได้ยินเรื่องของฮ่องเต้ผู้ครองรัฐรุ่นก่อนๆ มาบ้าง ฮ่องเต้พระองค์แรกของสายโลหิตนี้ เป็นพระอัยกาแท้ๆ ของฮ่องเต้องค์ปัจจุบัน อย่างไรก็ตาม ก่อนที่บัลลังก์นี้จะตกมาอยู่ในมือของพระองค์ เดิมทีมันเคยเป็นของพระเชษฐาของพระองค์มาก่อน แต่จู่ๆ วันหนึ่งพระเชษฐาผู้นั้นก็หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย รัฐเหยียนตกอยู่ในความโกลาหลมานานปี สุดท้ายฮ่องเต้พระองค์นี้จึงถูกสถาปนาขึ้นให้ครองราชบัลลังก์สืบต่อเพื่อให้รัฐเหยียนมีความมั่นคง ดูจากเวลาที่เกิดเรื่อง บุรุษผู้ที่ติดอยู่ในบ้านหินนั่นน่าจะเป็นพระเชษฐาที่จู่ๆ ก็หายตัวไปของฮ่องเต้พระองค์แรกของสายโลหิตนี้นั่นแหละ!”
“ที่เจ้าพูดก็ฟังดูเข้าเค้าอยู่นะ แต่นั่นมันก็ผ่านมานานมากแล้วนี่ แล้วมันเกี่ยวอะไรกับเรื่องที่เกิดขึ้นตอนนี้เล่า” ฟ่านจัวถามพร้อมกับหันไปมองจวินอู๋เสีย
จวินอู๋เสียเล่าให้พวกเขาฟังว่า “เมื่อคืนตอนที่ข้าเจอราชครูในอุทยานหลวง ตอนแรกเราก็แค่ทักทายกันสองสามคำพอเป็นพิธี แต่พอเวินอวี่เห็นแหวนที่นิ้วข้า เขาก็บอกเป็นนัยๆ ให้ข้ารีบออกไปจากรัฐเหยียน เขาพูดว่าถ้าข้ายังอยู่ที่นี่ต่อ อาจเกิดเรื่องไม่ดีขึ้นได้ ตอนแรกข้าคิดว่าเขาพูดถึงการพยายามลอบสังหารของอัครเสนาบดี แต่พอมาคิดๆ ดูแล้ว ข้าว่าเหลยฝานอยากฆ่าข้าเพราะข้าเห็นใบหน้าที่แท้จริงของเขา ไม่ใช่เพราะแหวนวงนี้ แต่สิ่งที่เวินอวี่พูดต้องเกี่ยวข้องกับแหวนวงนี้แน่”
เห็นได้ชัดว่าอันตรายที่เวินอวี่พูดถึงไม่ได้เกี่ยวข้องกับเหลยฝานเลย
“ถ้าอย่างนั้นก็แปลก ต่อให้แหวนวงนี้เกี่ยวข้องกับฮ่องเต้ของรัฐเหยียนสักพระองค์จริงๆ แล้วแหวนนี้จะทำอะไรได้เล่า จะเป็นไปได้อย่างไรที่จู่ๆ ฮ่องเต้จะพยายามสังหารเจ้าทิ้งเพียงเพราะแหวนเก่าๆ วงหนึ่ง มันไม่แปลกไปหน่อยหรือ ต่อให้พระองค์อยากได้แหวนนั้นคืน พระองค์ก็แค่ตรัสขอคืนจากเจ้าตรงๆ เลยก็ได้นี่” เฉียวฉู่ยังคงไม่เข้าใจว่าแหวนวงเดียวจะนำพาอันตรายอะไรมาให้ได้
“เรื่องนั้นข้าเองก็ยังไม่กระจ่างนัก แต่คำพูดของเวินอวี่ย่อมไม่ไร้ต้นสายปลายเหตุแน่ๆ เขาต้องรู้อะไรบางอย่างหรือมีเหตุผลให้คาดเดาถึงบางสิ่งได้ เพราะอย่างนั้นเขาถึงได้เตือนข้า” จวินอู๋เสียพูดขณะที่สวมแหวนกลับเข้าไปที่นิ้ว แม้ว่าตอนนี้นางจะรู้แล้วว่าเดิมทีแหวนวงนี้มาจากที่ไหน แต่นางก็ยังไม่เข้าใจว่าทำไมเวินอวี่ถึงบอกให้นางรีบหนีไปจากรัฐเหยียน
ตอนที่ 904 กองทหารราชองครักษ์หลวง (1)
เฟยเยียนคิดอยู่นานก็ไม่สามารถหาความเชื่อมโยงของสถานการณ์นี้กับข้อมูลที่เขารวบรวมมาได้เลย เขาไม่สามารถตรวจสอบรัฐเหยียนในช่วงเวลาที่นานขนาดนั้นได้ ข้อมูลที่เขามีจึงไม่สมบูรณ์ การที่สามารถหาข้อมูลของฮ่องเต้ที่หายตัวไปมาได้ก็ถือว่าเก่งมากแล้ว
พวกเขาปรึกษากันไปเรื่อยๆ จนกระทั่งฟ้าสว่าง เมืองหลวงกลับสู่ความเร่งรีบคึกคักอย่างที่เคยเป็นตามปกติ พอเถ้าแก่โรงเตี๊ยมตำหนักเซียนถามจวินอู๋เสียกับคนอื่นๆ ว่าอยากจะรายงานเหตุลอบสังหารให้เจ้าหน้าที่ตรวจการของเมืองหลวงรู้หรือไม่ เขาก็ถูกปฏิเสธเสียงเรียบ
เยี่ยซาก่อกองไฟกองใหญ่ขึ้นมาเผาศพจนไม่เหลืออะไร
ไม่ว่าแหวนวงนี้จะซุกซ่อนความลับอะไรเอาไว้ ตอนนี้ก็เป็นที่แน่นอนแล้วว่าเหลยฝานกับฮ่องเต้ปรารถนาอยากให้จวินอู๋เสียตาย ครั้งนี้พวกเขาอาจจะล้มเหลว แต่พวกเขาจะต้องพยายามอีกครั้งแน่
อย่างไรก็ตาม ขณะที่ทุกคนกำลังคิดว่าจะจัดการกับเรื่องของเหลยฝานอย่างไร ทหารกลุ่มหนึ่งที่สวมชุดเกราะหนักเต็มยศก็เดินเรียงแถวไปตามถนนใหญ่ของเมืองหลวงตรงไปยังโรงเตี๊ยมตำหนักเซียน
“เกิดอะไรขึ้น” ด้านนอกโรงเตี๊ยมตำหนักเซียนเต็มไปด้วยเสียงเซ็งแซ่ของผู้คน พวกเขาที่กำลังคุยกันอยู่ก็รู้สึกถึงความวุ่นวายข้างนอก เฉียวฉู่พุ่งไปที่หน้าต่างทันทีและเห็นว่ามีกองทหารล้อมโรงเตี๊ยมตำหนักเซียนอยู่
“มีทหารล้อมที่นี่เต็มไปหมดเลย” เฉียวฉู่หันไปบอกสหายทันที
“เป็นไปได้หรือไม่ว่าเหลยฝานส่งทหารมาที่นี่” เฟยเยียนถามพร้อมกับขมวดคิ้ว เขาเดินไปมองที่หน้าต่างและรู้ทันทีว่าตัวเองเดาผิด
“ไม่ใช่คนของอัครเสนาบดีหรอก เป็นทหารจากกองทหารราชองครักษ์หลวง!”
“กองทหารราชองครักษ์หลวง!”
กองทหารราชองครักษ์หลวงของรัฐเหยียน นำโดยผู้บัญชาการกองทหารราชองครักษ์หลวงซึ่งรับพระบัญชาจากฮ่องเต้เท่านั้น เห็นได้ชัดว่าการมาอย่างกะทันหันของกองทหารราชองครักษ์หลวงพวกนี้ ไม่เกี่ยวข้องกับอัครเสนาบดีแต่อย่างใด แต่เป็นพระบัญชาของฮ่องเต้โดยตรง
“ทำไมฮ่องเต้ถึงส่งกองทหารราชองครักษ์หลวงมาที่นี่เล่า อย่าบอกนะว่าคำพูดของราชครูเป็นความจริง เจ้าฮ่องเต้แก่นั่นตามล่าน้องเสียเพราะแหวนเล็กๆ ธรรมดาวงเดียวจริงๆ!” หรงรั่วยืนขึ้นทันที นางขมวดคิ้วพร้อมทำหน้างุนงง
กองทหารราชองครักษ์หลวงมาถึงที่นี่เร็วมาก ตั้งแต่งานเลี้ยงจบจนถึงตอนนี้ก็เพิ่งผ่านมาแค่ไม่กี่ชั่วยามเท่านั้น แต่ฮ่องเต้ก็ส่งกองทหารมาแล้ว จากความใจร้อนของศัตรู ยากนักที่พวกเขาจะมองสถานการณ์ในแง่ดีได้
การเคลื่อนพลของกองทหารราชองครักษ์หลวง ไม่เพียงแต่ทำให้จวินอู๋เสียกับสหายของนางระวังตัวเท่านั้น มันยังดึงดูดความสนใจจากผู้คนในเมืองหลวงเป็นอย่างมาก กองทหารราชองครักษ์หลวงทำหน้าที่รักษาความปลอดภัยในวังหลวง พวกเขาแทบจะไม่ปรากฏตัวขึ้นที่อื่นในเมืองหลวงเลย การเล่นใหญ่ในวันนี้เป็นภาพที่หาดูได้ยากสำหรับทุกคน
ผู้คนมากมายพากันกรูเข้ามาด้วยความอยากรู้อยากเห็น เมื่อพวกเขาเห็นกองทหารราชองครักษ์หลวงเคลื่อนพล ฝูงชนก็เดินตามกองทหารไปก่อนจะพบว่าจุดหมายของกองทหารราชองครักษ์หลวง ก็คือโรงเตี๊ยมตำหนักเซียน!
เมื่อพูดถึงโรงเตี๊ยมตำหนักเซียน มันก็เป็นแค่โรงเตี๊ยมธรรมดาๆ แต่ในตอนนี้โรงเตี๊ยมตำหนักเซียนเป็นที่พักของผู้ชนะศึกประลองภูติวิญญาณปีนี้ที่มาจากสำนักศึกษาเฟิงหัว ผู้เข้าแข่งขันทั้งหกคนของสำนักศึกษาเฟิงหัวได้หกอันดับแรกของศึกประลองภูติวิญญาณอย่างไม่น่าเชื่อ พวกเขามีชื่อเสียงโด่งดังมาก แต่นอกจากนั้นแล้ว โรงเตี๊ยมตำหนักเซียนก็เกิดเรื่องโชคร้ายขึ้นมากมายเช่นกัน
ก่อนที่การประลองตัดสินสิบอันดับสุดท้ายจะเริ่มต้นขึ้นไม่นานนัก ก็มีเจ้าหน้าที่ตรวจการของเมืองหลวงส่งคนมาเอาตัวจวินอู๋เสียไปจากโรงเตี๊ยมตำหนักเซียน แม้ว่าสุดท้ายจะพิสูจน์แล้วว่าเป็นการเข้าใจผิด แต่มันก็ยังทำให้ผู้คนมากมายรู้สึกไม่สบายใจอยู่ดี
และตอนนี้กองทหารราชองครักษ์หลวงของรัฐเหยียนก็มาด้วย ดูจากท่าทีเอาเรื่องของพวกทหารแล้ว พวกเขาไม่น่าจะมาที่นี่ด้วยเรื่องที่น่ายินดีเป็นแน่