บทที่ 493 ฆาตกรฆ่าคน

ทั้งๆ ที่เป็นบ้านหลังหนึ่งที่ธรรมดามาก เพราะรูปแบบการตกแต่งที่ค่อนข้างแตกต่างเล็กน้อย ก็มีรูปแบบที่แตกต่างกับบ้านข้างๆอย่างเห็นได้ชัด ราวกับว่าผู้ที่อาศัยอยู่ข้างในนี้เป็นบุคคลที่มีการศึกษาสุภาพเรียบร้อยท่านหนึ่ง หรือว่าเป็นฤๅษีผู้วิเศษ

ชายคาของบ้านพาดด้วยเชือกเส้นยาวๆเส้นหนึ่ง ด้านบนแขวนยาสมุนไพรตากแห้งเต็มไปหมด

ด้านในหน้าต่างที่กว้างใหญ่นั้น หนุ่มน้อยรูปงามสวมชุดคลุมสีขาวยืนอยู่ผู้หนึ่ง บนมือของเขาเคลื่อนไหวไม่หยุด แต่ละเอียดอ่อน กำลังทำยาสมุนไพรบนโต๊ะโดยตลอด

หลานเยาเยามองดูอย่างเงียบๆครู่หนึ่ง

อดไม่ได้ที่จะเอามือไปวางไว้ข้างปาก กระแอมเบาๆเสียงหนึ่ง เสียงไม่ดังไม่เบา สามารถทำให้ผู้ชายที่ยืนอยู่ด้านในหน้าต่างได้ยินพอดี

ได้ยินเสียงกระแอม ส้งเย่นกุยเงยหน้ามองมาทางเสียงที่ดังมา

ที่เห็นคือเทพธิดาในชุดสีแดง ร่างกายแข็งทื่อเล็กน้อย แก้มย้อมเป็นสีแดงระเรื่ออย่างอธิบายไม่ถูก เห็นเทพธิดาที่งดงามหยาดเยิ้มเดินมาทางเขา เขารู้สึกค่อนข้างทำอะไรไม่ถูกขึ้นมาทันที สายตาก็ยิ่งไม่รู้ว่าควรจะมองไปทางไหน

จนหลานเยาเยายืนนิ่งอยู่ด้านหน้าหน้าต่าง ส้งเย่นกุยทำมือเคารพต่อนางเล็กน้อย

“เทพธิดา”

เห็นท่าทางเช่นนี้ของเขา หลานเยาเยายกมุมปากขึ้น กล่าวหยอกล้อ :

“ไม่เชิญข้าเข้ามาดื่มชาสักแก้วหรือ?”

“ห๊ะ? เชิญ เชิญเข้ามาดื่มชาขอรับ”

สิ้นสุดคำพูดของเขา

หลานเยาเยาก็ไม่ได้หมุนตัวเดินไปทางประตู แต่ภายใต้ความงงงันของส้งเย่นกุย มือค้ำหน้าต่างแล้วข้ามเข้ามาโดยตรง

“ทำไม? ไม่คิดว่าข้าจะทำเรื่องที่ข้ามกำแพงออกมาได้หรือ?”

“ไม่ ไม่ใช่ขอรับ” ส้งเย่นกุยปฏิเสธเต็มที่

“อ๋อ? ใช่หรือ? ยังมีเรื่องที่เจ้าไม่รู้อีกมากมายน่ะ!” พูดพลาง หลานเยาเยาก็ค่อยๆเข้าใกล้ส้งเย่นกุย ค่อยๆกดดันให้เขาค่อยๆเข้าใกล้โต๊ะ จากนั้นก็โน้มตัวไป เข้าใกล้เขา “ได้ยินว่าเจ้าเป็นชายที่รูปงามที่สุดของหมู่บ้านฝันฮั๋ว แต่ข้าไม่เชื่อ ต้องตรวจถึงจะรู้”

เมื่อคำพูดโพล่งออกไป!

แก้มของส้งเย่นกุยก็แดงก่ำ ลูกกระเดือกเคลื่อนไหวไม่หยุด คนทั้งคนจะหายใจก็ลำบากแล้ว แต่ร่างกายยิ่งแข็งทื่อขึ้นเรื่อยๆอยากเคลื่อนที่ก็เคลื่อนที่ไม่ได้แล้ว

“เทพ เทพธิดา นี่เป็นเรื่องที่ไม่มีอยู่ขอรับ ร่างกายของข้าไม่ ไม่น่ามอง อย่าทำให้เปื้อน เปรอะเปื้อนดวงตาของเทพธิดาขอรับ”

แต่ยิ่งเขาพูดเช่นนี้ หลานเยาเยาก็ยิ่งเข้าใกล้ มือเรียวลูบกระโปรงของนางเบาๆ จากนั้นกะพริบตาเล็กน้อย ความเจ้าเล่ห์ก็ฉายผ่านในดวงตา

เมื่อมือของหลานเยาเยาออกแรง ทำให้เสื้อผ้าของเขาฉีกออกโดยตรง เผยกล้ามเนื้อแผ่นใหญ่ออกมาแผ่นหนึ่ง

ที่สะกดตาก็หน้าอกที่กำยำและแข็งแรง แต่บนหน้าอกมีรอยประทับสีแดงๆหลายรอย

นางรู้ นั่นคือรอยที่นางทิ้งไว้บนร่างกายของฆาตกรเมื่อคืนวาน

เมื่อหน้าอกเย็น ใจของส้งเย่นกุยร้อนรน รีบกุมหน้าอกไว้อย่างรีบร้อน เห็นสายตาของเทพธิดาตกอยู่บนรอยแดงบนหน้าอกของเขา สีหน้าเปลี่ยนเล็กน้อยทันที แฉลบตัวไปด้านข้าง ติดกระดุมชุดคลุมอย่างร้อนรน แทบอยากจะตบตัวเองสักฉาดหนึ่ง

“ท่านกำลังหลอกล้อข้า?”

น้ำเสียงของเขาค่อนข้างทุ้มต่ำเล็กน้อย แยกแยะความดีใจความโกรธไม่ได้

“ข้าเพียงแค่อยากจับฆาตกรด้วยมือตัวเอง” หลานเยาเยาเลิกคิ้วมองดูเขา กล่าวด้วยน้ำเสียงที่ไม่เข้าใจ “วิทยายุทธของเจ้าธรรมดา วิชาตัวเบาไม่สูง เมื่อคืนวานกลับสามารถหนีพ้นจากเงื้อมมือของข้าได้ น่าแค้นจริงๆ”

เห็นน้ำเสียงของหลานเยาเยาสุขุมเยือกเย็น ส้งเย่นกุยหลบสายตา หลบสีหน้าไม่ยอมรับ

“ข้าไม่รู้ว่าเทพธิดากำลังพูดอะไร ตอนนี้ยังมีเรื่องอีกมากมายต้องทำ เชิญเทพธิดากลับไปเถอะขอรับ!”

ส้งเย่นกุยออกคำสั่งไล่แขก

หลานเยาเยาก็ไม่โกรธ และไม่ได้ออกไป แต่นั่งลงที่เก้าอี้ข้างโต๊ะ รินน้ำชาเองแก้วหนึ่ง จิบเบาๆหนึ่งคำ

“แม้ว่าศพของหวางป้าจะถูกจัดการอย่างลวกๆ แต่ข้าตรวจสอบแล้ว ในร่างกายของเขามียาหลอนประสาท ก่อนตายยังได้มีการต่อสู้กับคนอย่างดุเดือด และยาหลอนประสาทชนิดนั้น ก็คือหลังจากวันนั้นที่เจ้าและยู่หลิวซูประลองการปรุงยา ยู่หลิวซูทิ้งวัสดุยาหลอนประสาทไว้

อีกทั้ง!

เมื่อคืนวานขณะที่ข้าต่อสู้กับฆาตกร ได้ทิ้งร่องรอยไว้บนหน้าอกของฆาตกร เมื่อครู่ได้ทำแผนเล็กน้อย พิสูจน์จุดนี้ได้แล้ว

เหนือกว่านั้น ตอนพบเจ้าครั้งแรก เจ้ากำลังต่อสู้กับหวางป้า สู้ไม่ได้ เกือบเสียชีวิตด้วยมือของหวางป้า เค้าลางต่างๆแสดงออกอย่างชัดเจน เจ้าก็คือฆาตกรฆ่าคน”

เห็นเทพธิดากล่าวมาด้วยเสียงที่ไพเราะน่าฟัง ส้งเย่นกุยตะลึงงันเป็นเวลานาน

มีทั้งพยานหลักฐาน ทำให้เขาแก้ตัวไม่ได้

สุดท้ายเขาถอนหายใจเฮือกหนึ่ง!

“ท่านมอบตัวข้าออกไปเถอะ!”

ได้ยินดังนั้น หลานเยาเยามุมปากยิ้มเหมือนไม่ได้ยิ้ม กล่าวพร้อมเลิกคิ้ว : “ทำไมไม่ให้ข้าฆ่าเจ้า?”

“ข้าไม่อยากตาย!” ส้งเย่นกุยพูดพึมพำ

ไม่ใช่เขากลัวตาย เพียงแค่เขายังมีเรื่องที่ยังไม่สะสาง ดังนั้นเขาไม่สามารถตายได้

“เอาเจ้าส่งมอบออกไป แม้ว่าจะไม่ต้องตายแล้ว แต่เจ้าสองสามปีนี้ฆ่าคนติดต่อกันหกคน หมู่บ้านฝันฮั๋วก็ไม่สามารถยอมรับเจ้าไว้ได้อีก”

เสียงแผ่วเบา น้ำเสียงแน่วแน่

วันนี้ศพของหวางป้าถูกจัดการ หลังจากที่นางแอบตรวจชันสูตรศพ ก็ได้สืบถามเรื่องราวการเกิดปาฏิหาริย์ของต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์กับท่านทวดที่อายุมาก หลายปีมานี้ต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์เกิดปาฏิหาริย์ทำโทษคนชั่วกระทำความผิด รวมกับการตายของหวางป้าเมื่อวาน ทั้งหมดเกิดปาฏิหาริย์แล้วหกครั้ง

ก่อนหน้านี้ห้าครั้ง

ผู้ตายล้วนตายอยู่ด้านหน้าของต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์อย่างสงบ สภาพการณ์ตายล้วนเป็น : คุกเขาที่พื้น มือสองข้างทาบบนพื้น ก้มหัวลงต่ำๆ ทำท่าทางสารภาพบาป

ห้าคนนั้น ล้วนเกี่ยวข้องกับหวางป้าที่ตายไปเมื่อคืน พวกเขาล้วนเป็นเพื่อนกินดื่มเหล้าของหวางป้า ทำการตามทิศทางที่หวางป้าชี้แนะ หลายปีมานี้ทำแต่เรื่องชั่วช้า สร้างความหายนะกับคนไม่น้อย

เพราะพวกเขาหกคนนี้ล้วนเป็นคนรูปร่างสูงใหญ่กำยำ ทั้งยังมีวิทยายุทธแบบผิวเผินอยู่บ้าง ในนั้นวิทยายุทธของหวางป้าสูงกว่าหน่อย พวกชาวบ้านล้วนจนปัญญาทำอะไรพวกเขาไม่ได้

จนถึงสองสามปีมานี้ ทั้งหกคนนั้นทยอยตายต่อเนื่องกันไปทีละคนทีละคน ต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์เกิดปาฏิหาริย์ยิ่งเข้าไปในจิตใจผู้คนเรื่อยๆ ที่เหลืออยู่สองสามคนในหกคนจึงไม่กล้าทำร้ายชาวบ้านอย่างเปิดเผย

ส้งเย่นกุยอดที่จะเบิกตาโพลงไม่ได้ มองหลานเยาเยาอย่างไม่น่าเชื่อ

“ท่าน ท่านรู้ได้อย่างไรขอรับ?”

“รู้อะไร? รู้ว่าห้าคนที่เหลือล้วนเป็นเจ้าฆ่าทั้งหมดหรือ?”

หลานเยาเยาส่ายศีรษะ เรื่องประเภทนี้เดาไม่ยาก แต่ก็ไม่กล้ายืนยัน อย่างไรเสียเรื่องการเลียนแบบฆ่าคนนางเจอมามากมายแล้ว

แต่ว่า……

“ความจริงข้าไม่รู้ ที่พูดออกมาเมื่อครู่เป็นเพียงการคาดเดา ปฏิกิริยาโต้ตอบของเจ้าให้คำตอบข้าแล้ว แต่ข้ารู้นิสัยเดิมของเจ้าไม่ได้เลวร้าย คนที่เจ้าฆ่าล้วนเป็นคนที่สมควรตาย

พูดกับข้าเถอะ! ความแค้นระหว่างเจ้ากับหวางป้าพวกเขา”

คำพูดก็ได้พูดมาถึงขั้นนี้แล้ว ส้งเย่นกุยก็เข้าใจแล้ว หากเทพธิดาคิดอยากฆ่าเขา จะไม่พูดกับเขามากมายขนาดนี้เด็ดขาด

ยังไงซะนางก็ได้รู้เรื่องราวความเป็นจริงแล้ว รู้มากขึ้นหน่อยกับรู้น้อยหน่อยจะมีอะไรแตกต่างกันอีกล่ะ?

เขาเดินสองสามก้าวมาถึงด้านหน้าหน้าต่าง สายตาจับจ้องที่ต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์อย่างคงที่ สีหน้าเศร้าสร้อยไร้ที่เปรียบ

“เจ็ดขวบปีนั้น หวางป้ากลุ่มคนหกคนบุกรุกเข้าไปในบ้านข้าสังหารท่านพ่อและพี่รองของข้า ข่มขืนแล้วสังหารท่านแม่และพี่สาวของข้า จากนั้นก็เผาบ้านทำลายศพเผาหลักฐาน หลังจากนั้นพบว่าพี่ใหญ่ของข้าพาข้าหนีไปแล้ว จึงได้ตามไล่ล่าพวกเราตลอดทาง

หลังจากนั้น พี่ใหญ่ถูกพวกมันฆ่าตายอย่างโหดเหี้ยม ข้าก็เกือบตายด้วยมือของเขา เป็นพระคุณเจ้าหยวนซูช่วยเหลือข้า ข้าร่อนเร่อย่างยากลำบากตามเขาสองสามปี สุดท้ายเขาก็ส่งข้ามาถึงหมู่บ้านฝันฮั๋ว ทำให้หัวหน้าหมู่บ้านรับข้าไว้

เขาบอกว่า ต่อจากนี้จะมีคนมาพาข้าไป ให้ข้าที่ไหนก็ไม่ต้องไป รออยู่ที่หมู่บ้านฝันฮั๋ว และเขาก็เข้าไปที่ทะเลทรายเพียงลำพัง และก็ไม่กลับออกมาอีกขอรับ”