บทที่ 494 ภาพวาดที่มาอย่างไม่ทันตั้งตัว
พูดถึงตรงนี้ ส้งเย่นกุยชะงักเล็กน้อย
มุมปากราวกับยกขึ้นยิ้ม ติดตามพระคุณเจ้าหยวนซูสองสามปีนั้น แม้จะร่อนเร่อย่างยากลำบาก แต่นั่นกลับเป็นวันที่มีความสุขที่สุดหลังจากครอบครัวของเขาเสียชีวิตไป
แต่ว่า……
ทำไมเรื่องราววันคืนที่ชื่นสุขมักจะไม่ยั่งยืนขนาดนั้น?
“สองสามปีก่อน หัวหน้าหมู่บ้านมากับคนกลุ่มหนึ่ง ก็คือหวางป้าพวกเขา เดิมทีพวกเขาก็เป็นคนของหมู่บ้านฝันฮั๋ว เห็นว่าหมู่บ้านฝันฮั๋วไม่มีอะไรให้ทำลาย ก็ได้อยู่ด้านนอกบุกปล้นของในบ้านโดยตลอด ข่มขืนและปล้นทรัพย์
เมื่อพวกเขากลับมาก็ก่อเรื่องวุ่นวายถึงแก่ชีวิตผู้คน พวกชาวบ้านล้วนประณามไปทั่วทุกแห่ง แทบจะเคียดแค้นพวกเขา แต่ก็ไม่มีแรงกำลังจะโต้ตอบ
ข้าอยากล้างแค้นให้คนในครอบครัว แต่คนน้อยกำลังก็ไม่มาก มีเพียงตีให้พ่ายแพ้ไปทีละคนอย่างเดียว ด้วยเหตุนี้ ข้าใช้ยาพิษที่ตัวเองเชี่ยวชาญ วางยาพิษให้ศัตรูคนที่หนึ่งตายข้างต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ ในความผิดพลาดโดยบังเอิญ ตอนที่เขาตายคุกเข่าสองข้างลงพื้น หัวก็แทบจะโขกลงบนพื้น ให้คนเข้าใจผิดว่าสารภาพผิด ต่อจากนั้นเรื่องราวการเกิดปาฏิหาริย์ของต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ก็แพร่กระจาย
ต่อจากนั้นทุกครั้งที่ฆ่าคน ข้าก็จะเลียนแบบลักษณะการฆ่าคนครั้งที่หนึ่ง เว้นระยะเวลาไปนานมากแล้วจึงฆ่าหนึ่งคน จนถึงสุดท้ายครั้งนี้ เกิดอุบัติเหตุ
อาจเป็นเพราะก่อนหน้านี้ ข้าหลอกใช้จอมยุทธจักรที่มาจากต่างถิ่น ไล่หวางป้าออกไปจากหมู่บ้านฝันฮั๋ว จากนั้นจึงฆ่าศัตรูอีกคนหนึ่งตาย ทำให้เขาเกิดความสงสัย
ดังนั้นเมื่อวานตอนกลางวัน เขาปรารถนาที่จะฆ่าข้าระบายโทสะ หลังจากถูกพวกท่านช่วยแล้ว เขาก็ยิ่งเพิ่มความระวังมากขึ้น เนื่องด้วยในคืนวาน เขาก็ไม่ได้โดนยาพิษอย่างแท้จริง ในขณะที่ต่อสู้กับเขา ภายใต้ความจนปัญญาทำได้เพียงใช้ยาหลอนประสาทที่คุณชายยู่ทิ้งไว้ จึงฆ่าเขาได้
เพียงแต่ยังไม่ทันได้จัดการศพ เอาเขามาวางในลักษณะสารภาพบาป ท่านก็มาถึงใต้ต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์แล้ว เรื่องราวต่อจากนั้นท่านก็รู้หมดแล้วขอรับ”
เดินข้างแม่น้ำบ่อยๆ ไม่มีเหตุผลไหนที่จะไม่ทำให้เท้าเปียก?
ตอนนี้เปิดโปงออกมาแล้ว ก็เหมือนดั่งที่เทพธิดากล่าว แม้ว่าชาวบ้านของหมู่บ้านฝันฮั๋วไม่ฆ่าเขา พวกเขาก็จะไม่ให้เขาอยู่ในหมู่บ้านอีกเด็ดขาด
ลองถาม ใครจะกล้าอาศัยใช้ชีวิตอยู่กับฆาตกรฆ่าคนอย่างบ้าคลั่งที่มือทั้งสองข้างล้วนเปื้อนไปด้วยคราบเลือด?
แม้ว่าอยู่ต่อ สายตาที่พวกเขาปฏิบัติต่อเขายังจะเหมือนเดิมหรือ?
ที่คุ้มค่าให้ปีติยินดีก็คือ ความแค้นใหญ่หลวงของเขาได้ชำระแล้ว ญาติพี่น้องที่อยู่บนสวรรค์สามารถได้รับความสุขสงบได้ ชาวบ้านของหมู่บ้านฝันฮั๋วก็ไม่ต้องได้รับการข่มเหงรังแกทำลายล้างของหวางป้าพวกเขาอีก
สิ่งเดียวที่น่าเสียดาย……
ก็คือไม่สามารถอยู่รอพระคุณเจ้าหยวนซูที่นี่ได้
หลานเยาเยาดื่มชาสมุนไพรอึกสุดท้ายในแก้วหมด อะไรก็ไม่ได้พูด ลุกขึ้นเตรียมจากไป ก็เห็นชาวบ้านสองสามคนเข้ามาด้วยความรีบร้อน ในมือถือไข่ก็ถือไข่ ยกซุปไก่ก็ยกซุปไก่
“เย่นกุย เมื่อดูก็รู้ว่าท่านอยู่บ้าน ท่านแม่ให้ข้าเอาไข่ไก่มาให้ท่าน ยังให้ข้าบอกท่าน อาการปวดหัวของนางหายแล้ว ท่านก็ไม่รับเหรียญเงินอีก ดังนั้นทำได้เพียงให้ข้าเอาไข่ไก่เหล่านี้มา ให้ท่านบำรุงร่างกายให้ดีๆ ยังบอกว่าท่านไม่สามารถปฏิเสธได้ ไม่เช่นนั้นนางจะตายให้ท่านดู”
“เย่นกุย ท่านทวดตุ๋นซุปไก่เล็กน้อยให้ท่าน หอมมาก ยังกำชับแล้วกำชับอีกว่า ไม่ให้ข้าแอบดื่ม มามามา เจ้ารีบดื่มตอนยังร้อนเถอะ! ข้าน้ำลายไหลจะตายแล้ว”
“ยังมีบ้านข้าอีก ท่านพ่อข้ายิงมาได้ตัวหนึ่ง……”
ยังพูดไม่จบ เมื่อทั้งสองสามคนเข้าบ้านเห็นว่าหลานเยาเยาก็อยู่
สีหน้าดีอกดีใจก็ชะงักค้าง โค้งตัวทำความเคารพนางอย่างมีระเบียบ จากนั้นแต่ละคนก็เหลือบมองนางอย่างระมัดระวัง
หลานเยาเยาไม่ได้พูดจา เพียงยืนอยู่ตรงนั้น
กลับเป็นส้งเย่นกุยที่เห็นสองสามคนนั้น เห็นใบหน้าที่มีรอยยิ้มของพวกเขา ก็นึกขึ้นมา ไม่รู้ว่าเริ่มตั้งแต่เมื่อไหร่ คนในหมู่บ้านจะมีข้ออ้างต่างๆนานาเพื่อเอาสิ่งของมาให้เขาเป็นระยะๆ
โดยประมาณคือเขาตรวจโรคให้พวกเขามอบยาให้ก็ล้วนไม่ต้องการเงินละมัง!
ตอนนี้เรื่องราวโดนเทพธิดาล่วงรู้ เมื่อเผชิญหน้ากับชาวบ้านที่มีมิตรไมตรี ในใจมีความรู้สึกมากมายสับสนอย่างกะทันหัน
เขาเปิดปากอย่างยากลำบาก :
“ก่อนหน้านี้หัวหน้าหมู่บ้านมอบซาลาเปาให้แล้ว ท่านป้าหวางยังมอบบะหมี่ให้อีกถ้วย ยังมีคุณลุงคุณป้าคนอื่นๆก็ล้วนมาที่นี่แล้ว มอบสิ่งของมากมายให้แล้ว พวกท่านเอากลับไปเถอะ! ข้าไม่ได้ใช้มากมายขนาดนั้น”
สองสามคนนั้นไม่ฟัง รีบเอาสิ่งของวางลงบนโต๊ะ ก็วิ่งออกไป
เมื่อส้งเย่นกุยตามไปถึงข้างประตู ก็ไม่เห็นเงาร่างของพวกเขาตั้งนานแล้ว
หลานเยาเยามองดูไข่ไก่บนโต๊ะ ซุปไก่และเนื้อสัตว์ป่าสดๆชิ้นหนึ่ง และมองเห็นบนตู้หลังหนึ่งในบ้านวางสิ่งของไว้มากมายอีก ของกินของใช้เครื่องนุ่งห่มมีครบ ดูท่าแล้วล้วนเป็นของที่ชาวบ้านมอบให้
จึจึ!
ส้งเย่นกุยผสมปนเปเข้าไปได้ไม่เลว!
เป็นลูกรักที่โปรดปรานของหมู่บ้านฝันฮั๋วแล้ว
“เห็นเจ้าได้รับความนิยมขนาดนี้ ข้าอิจฉาหมดแล้ว ยังไงเจ้าก็อยู่ที่หมู่บ้านฝันฮั๋วให้ดีๆคุ้มครองชาวบ้านเถอะ!”
ความหมายของนางเห็นได้อย่างชัดเจนมากแล้ว เรื่องฆ่าคนนางจะไม่พูดออกไป
ความจริงก็ไม่มีความจำเป็นต้องพูดออกไป ส้งเย่นกุยในวัยเด็กมีประสบการณ์กับการบ้านแตกสาแหรกขาด และประสบการณ์การร่อนเร่อย่างยากลำบาก ตอนนี้บ้านสุขสงบแล้ว และได้รับความรักความชอบจากชาวบ้านอีก นางไม่จำเป็นต้องไปทำลาย
พูดจบ!
หลานเยาเยาก็ยกฝีเท้าแล้วเดินออกไป ส้งเย่นกุยงงงันอยู่นาน ดึงสติกลับมาได้ ก็เกิดสีแดงจางๆในดวงตาเล็กน้อย เขารีบตามไป
“เทพธิดา ท่านต้องการไปทะเลทราย?”
หลานเยาเยาหยุดฝีเท้าลง หันหน้ากลับมา พยักหน้าเบาๆ
“เทพธิดา ท่านคือเทพธิดาชาติที่แล้วมาจุติจริงๆหรือขอรับ?” ส้งเย่นกุยถามอีก
คำถามนี้ค่อนข้างแปลกประหลาด หลานเยาเยาไม่รู้ทำไมเขาถึงได้ถามเช่นนี้ แต่นางกลับส่ายหน้าเบาๆ :
“เจ้าว่าไงล่ะ?”
ความจริง!
ตัวนางเองรู้อยู่เต็มอก นางคือเทพธิดามาจุติอะไรที่ไหนกัน เพียงแต่เพราะหานแสสร้างสรรค์ให้นางเป็นเทพธิดาเท่านั้น และนางก็คิดอยากใช้ชื่อของเทพธิดาผู้นี้ในการชำระแค้นพอดีเท่านั้น
และไม่รู้ว่าส้งเย่นกุยเชื่อหรือไม่เชื่อ เขากล่าวด้วยสีหน้าไม่เข้าใจ :
“ข้ามีสิ่งของอย่างหนึ่งอยากให้ท่านดู”
“อ๋อ?”
หลานเยาเยาเลิกคิ้วเล็กน้อย เขาจะสามารถมีสิ่งของอะไรที่คุ้มค่าให้นางสนใจได้?
ตามส้งเย่นกุยมาถึงห้องในบ้าน ก็เห็นส้งเย่นกุยหยิบม้วนภาพวาดภาพหนึ่งออกมาจากที่ลึกสุดของตู้ ม้วนภาพวาดกระจายกลิ่นไม้จันทน์จางๆ จากนั้นพรึบทั้งหมดก็แผ่ออกในทันที
ภาพที่วาดบนกระดาษวาดเขียนคือภาพวาดบุคคลภาพหนึ่ง
ไม่ใช่คนหนึ่งคน แต่เป็นสองคน ผู้ชายหนึ่งผู้หญิงหนึ่ง
เมื่อเห็นทั้งสองคนนั้นบนภาพวาด ดวงตาของหลานเยาเยาเบิกกว้างฉับพลัน ม่านตาหดตัวอย่างรุนแรง มือเริ่มสั่นขึ้นมาโดยไม่รู้สึกตัว
ผู้ชายบนรูป สวมชุดคลุมมังกรสูงศักดิ์ มีจมูกสูงโด่ง ริมฝีปากบาง คิ้วเหมือนดาบ รวมทั้งดวงตาที่ดำขลับลึกลับไร้ขอบเขต บุคคลที่เหมือนกับเทพเซียน ทั้งร่างแผ่กระจายกลิ่นอายของกษัตริย์ ความรู้สึกเช่นนั้นเหมือนดั่งการปกครองขุนนางก็ไม่ปาน
มองดูผู้หญิงข้างกายเขาอีก สวมชุดผ้าโปร่งบางสีฟ้าเสื้อสีขาว เส้นผมดำดั่งหมึกทิ้งตัวตรงลงมา ดวงตาหยกดำดั่งดวงดาวเปล่งประกายเป็นพิเศษ ใบหน้าขาวสะอาดอ่อนช้อยน่ารัก งดงามอย่างไร้ที่เปรียบ ดั่งเช่นนางฟ้าที่ไม่แปดเปื้อนโลกมนุษย์
“เย่แจ๋หยิ่ง……”
แต่ว่าหลานเยาเยาก็สะบัดหัวอย่างรวดเร็ว ในใจรู้อย่างกระจ่าง คนผู้นั้นไม่ใช่เย่แจ๋หยิ่ง ไม่ใช่เด็ดขาด
“ไม่ ไม่ใช่เขา ไม่ใช่เขา เขาคือฮ่องเต้พระองค์แรกในตอนต้นของแผ่นดินใหญ่ และผู้หญิงด้านข้างผู้นี้คือ……คือ……” ในตำนาน นางฟ้าที่ครองรักกันรู้ใจกันกับฮ่องเต้
โฉมหน้าเช่นนั้นกับยุคปัจจุบัน คนที่โฉมหน้าเหมือนกันทุกอย่าง
นางเคยพบ
ที่อยู่บนต้นบุพเพ ขณะบรรเลงจิ่วเซียวหวงเพ่ย พวกเขาปรากฏตัวในภาพลวงตา
“เป็นเซียน” สำหรับนางจำพวกเขาสองคนได้ ส้งเย่นกุยตื่นเต้นมากอย่างเห็นได้ชัด “และก็คือเทพธิดาในตอนแรกเริ่ม”
ตอนนี้อารมณ์จิตใจของหลานเยาเยาสับสน
สายตาของจับจ้องที่ภาพวาด และไม่ลดละสักนาที จากนั้นหลับตาลงเงียบๆ
ภาพวาดที่มาอย่างไม่ทันตั้งตัว ทำลายภาพลวงตาที่เคยคิดไว้….