ตอนที่ 444 กำจัดให้สิ้นซาก

สตรีแกร่งตระกูลไป๋

ตอนที่ 444 กำจัดให้สิ้นซาก

“ฮ่องเต้เริ่มใช้ยาวิเศษ เริ่มโปรดปรานเหลียงอ๋องมากกว่าเดิม…” ไป๋จิ่นซิ่วเริ่มเชื่อมโยงทั้งสองเรื่องเข้าด้วยกัน จากนั้นก็เข้าใจเรื่องราวทั้งหมดในทันที “หรือว่าเหลียงอ๋องเป็นคนมอบยาวิเศษให้ฮ่องเต้”

เว่ยจงกล่าวต่อทันที “ก่อนเหลียงอ๋องจะเสด็จไปยังเยี่ยนว่อ พระองค์ทรงไล่บ่าวรับใช้ในจวนออกทั้งหมด เหลือไว้เพียงบ่าวทำความสะอาดและบ่าวรับใช้ข้างกายไม่กี่คนเท่านั้น บัดนี้จวนของเหลียงอ๋องมีองครักษ์ของฝ่าบาทคุ้มกันอย่างแน่นหนา สืบเรื่องราวอันใดไม่ได้เลยขอรับ!”

ไป๋ชิงเหยียนชะงักมือที่ถือถ้วยชาเล็กน้อย ฮ่องเต้ลอบส่งองครักษ์ไปคุ้มกันจวนเหลียงอ๋องอย่างนั้นหรือ

หากแค่มอบยาวิเศษให้ฮ่องเต้ ฮ่องเต้ทรงให้ความสำคัญกับเหลียงอ๋องถึงเพียงนี้เชียวหรือ หรือว่าพระองค์ทรงให้ความสำคัญกับจวนเหลียงอ๋องกันแน่…

หากทำเพื่อเหลียงอ๋อง ส่งองครักษ์ไปคุ้มกันข้างกายของเขาก็พอแล้ว เหตุใดต้องคุ้มกันจวนเหลียงอ๋องด้วย

หรือว่าฮ่องเต้ไม่กล้าขัดคำสั่งของจักรพรรดิองค์ก่อนที่ห้ามไม่ให้สายเลือดของราชวงศ์ใช้ยาวิเศษ พระองค์จึงลอบปรุงยาที่จวนของเหลียงอ๋องแทน

“ตรวจสอบรายการซื้อของของจวนเหลียงอ๋องในช่วงหลายวันมานี้แล้วหรือไม่” ไป๋ชิงเหยียนถาม

เว่ยจงและไป๋จิ่นซิ่วคิดไม่ถึงเรื่องนี้ เว่ยจงรีบกล่าวขอขมา “ข้าสะเพร่าเองขอรับ!”

“ไปสืบดูว่าจวนเหลียงอ๋องมีการซื้อของจำพวกซานหวง[1] ดินประสิว ยางสนบ้างหรือไม่” ไป๋ชิงเหยียนกล่าว

ไป๋จิ่นซิ่วพยักหน้า “ปล่อยเป็นหน้าที่ข้าเองเจ้าค่ะ ข้าจะรีบสืบให้เร็วที่สุดเจ้าค่ะ”

“หากฮ่องเต้แตะต้องยาวิเศษขึ้นมาจริงๆ…” องค์หญิงใหญ่ส่ายหน้า

“คงอยู่ได้อีกไม่นานแล้ว เรื่องนี้ฮ่องเต้ทรงทำอย่างเป็นความลับที่สุด หากมีคนกล่าวโน้มน้าวพระองค์ ฮ่องเต้คงสงสัยทันทีว่าคนผู้นั้นลอบส่งมาคอยจับจับตาดูเขา”

นางเป็นองค์หญิงใหญ่ ยิ่งไม่อาจไปโน้มน้าวฮ่องเต้ได้ แม้นางจะเป็นองค์หญิงใหญ่ของราชวงศ์ต้าจิ้น เป็นเสด็จป้าของฮ่องเต้ ทว่า ในสายตาของฮ่องเต้ นางคือคนของตระกูลไป๋!

แม้บัดนี้ตระกูลไป๋จะมอบอำนาจการดูแลกองทัพไป๋ซึ่งทำให้เขาหวาดระแวงจนกินไม่ได้นอนไม่หลับคืนให้เขาแล้ว ทว่า ฮ่องเต้ยังคงไม่ไว้ใจตระกูลไป๋ ยังคงหวาดระแวงในตัวหลานสาวของนางอยู่ดี หากเวลานี้นางผู้เป็นย่าของไป๋ชิงเหยียนไปกล่าวเตือนฮ่องเต้ แม้พระองค์จะไม่ทำอันใดนางผู้เป็นองค์หญิงใหญ่ แต่ต้องทรงทำทุกวิธีทางเพื่อกำจัดไป๋ชิงเหยียนหรือแม้กระทั่งสตรีของตระกูลไป๋ทั้งหมดแน่ๆ

ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ไม่สู้ปล่อยให้ฮ่องเต้ทำลายตัวเองต่อไป! ให้รัชทายาทรีบขึ้นครองราชย์ต่อดีกว่า อย่างน้อยรัชทายาทก็เชื่อใจไป๋ชิงเหยียน!

ไป๋ชิงเหยียนไม่ได้กังวลว่าควรส่งผู้ใดไปโน้มน้าวฮ่องเต้ นางกลัวแค่ว่าฮ่องเต้จะด่วนจากไปก่อนเวลาอันควรแล้วสถานการณ์ทุกอย่างจะเปลี่ยนแปลงไป

“ที่ให้หมัวมัวตามเจ้ามาก่อนที่เจ้าจะเข้าวัง นอกจากอยากบอกเจ้าเรื่องนี้แล้ว ย่ายังอยากเตือนให้เจ้าระวังเหลียงอ๋องไว้ให้ดี” องค์หญิงใหญ่กล่าวจบก็หันไปกล่าวกับเว่ยจง “พาคนเข้ามา!”

เว่ยจงพยักหน้ารับคำแล้วหมุนตัวเดินจากไป

ไป๋จิ่นซิ่วหันไปมององค์หญิงใหญ่อย่างไม่เข้าใจ “ท่านย่าเจ้าคะ?”

“ตั้งแต่ที่เหลียงอ๋องสารภาพว่าเขาเป็นคนสั่งให้สาวใช้ข้างกายของอาเป่านำจดหมายที่เลียบแบบลายมือของท่านปู่ของเจ้าไปไว้ในห้องหนังสือของท่านปู่เพื่อช่วยซิ่นอ๋อง ย่าก็เอาแต่คิดทบทวนการกระทำที่ผ่านมาของเหลียงอ๋อง ย่าคิดว่าคนผู้นี้ไม่ได้โง่ถึงขั้นที่ไม่รู้ว่าโทษของการทรยศแผ่นดินคือโทษใด เขาทำเช่นนี้ก็เพราะต้องการทำลายล้างตระกูลไป๋ให้สิ้นซาก!”องค์หญิงใหญ่นึกถึงเรื่องนี้แล้วก็อดรู้สึกอกสั่นขวัญแขวนขึ้นมาไม่ได้ นางคลำลูกประคำในมืออย่างไม่รู้ตัว

“ย่าจึงให้เว่ยจงไปสืบว่าเหตุใดเหลียงอ๋องจึงต้องทำเช่นนี้กับตระกูลไป๋ เมื่อสืบจึงรู้สาเหตุที่แท้จริง”

สิ้นเสียงขององค์หญิงใหญ่ เว่ยจงลากบุรุษหนุ่มผู้หนึ่งซึ่งขาแข้งอ่อนแรงเข้ามาด้านใน

เขาไม่มีหนวด ผิวเนียนละเอียด แขนขาดหนึ่งข้าง

เมื่อเขาเดินเข้ามาเห็นไป๋ชิงเหยียนในชุดเกราะสีเงินซึ่งแผ่ไอสังหารไปรอบด้าน จากนั้นมองไปทางองค์หญิงใหญ่น่าเกรงขาม เขาขาอ่อนจนรีบคุกเข่าลงบนพื้นทันที ร่างทั้งร่างสั่นเทาเป็นลูกนก จากนั้นถูกเว่ยจงลากคอเสื้อเข้าหยุดอยู่หน้าองค์หญิงใหญ่ ไป๋ชิงเหยียนและไป๋จิ่นซิ่ว

ชายผู้นั้นรีบก้มศีรษะแนบพื้นคำนับไปทางองค์หญิงใหญ่ ไม่กล้าเงยหน้าขึ้นอีก

“เจ้าคือผู้ใด” ไป๋จิ่นซิ่วมองไปทางชายซึ่งคุกเข่านิ่งพลางเอ่ยถาม

“บ่าว…บ่าวคือบ่าวดูแลเรื่องน้ำชาของเหลียงอ๋องขอรับ ก่อนหน้านี้บ่าวติดตามถงจี๋กงกงคอยรับใช้เหลียงอ๋องขอรับ ต่อมาถงจี๋กงกงเสียชีวิต เหลียงอ๋องไล่บ่าวรับใช้ในจวนออกเกือบหมด บ่าวได้เลื่อนขั้นไปดูแลรับใช้ข้างกายเหลียงอ๋องแทนที่ถงจี๋กงกงขอรับ”

ขันทีผู้นั้นค่อยๆ เงยหน้าขึ้น แต่เมื่อเห็นชายเกราะเงินของไป๋ชิงเหยียนก็รีบก้มหน้างุดอีกครั้งด้วยความหวาดกลัว จากนั้นสารภาพออกมาตามความจริง

“วันหนึ่ง บ่าวต้องการให้เหลียงอ๋องรับรู้ว่าบ่าวสนิทสนมกับถงจี๋กงกง พระองค์จะได้ให้ความสำคัญกับบ่าว บ่าวจึงแสร้งจัดฉากทำเป็นเผากระดาษไปให้ถงจี๋กงกงเพื่อให้เหลียงอ๋องเห็น บ่าวจะได้ล่าให้พระองค์ฟังว่าบ่าวสนิทสนมกับถงจี๋กงกงมากเพียงใดขอรับ”

“ทว่า บ่าวบังเอิญได้ยินเหลียงอ๋องกล่าวกับชายชุดดำคนหนึ่งว่าพระองค์มีความแค้นกับตระกูลไป๋ ตรัสว่าเจิ้นกั๋วอ๋องรื้อคดีของผู้ตรวจการสูงสุดเจี่ยนฉงอันทำให้ถงกุ้ยเฟยต้องเสียชีวิต องค์ชายรองจึงจำเป็นต้องกบฏ! หากเจิ้นกั๋วอ๋องไม่เข้ามายุ่งวุ่นวาย บัดนี้ตำแหน่งรัชทายาทคงตกเป็นขององค์ชายรอง องค์ชายรองไม่จำเป็นต้องก่อกบฏในปีนั้นขอรับ! ชายชุดดำผู้นั้นกล่าวว่าบุรุษตระกูลไป๋เสียชีวิตลงหมดแล้ว เหตุใดเหลียงอ๋องยังต้องทำลายตระกูลไป๋ให้สิ้นซากอีก! เหลียงอ๋องตรัสว่าเพราะเจิ้นกั๋วจวิ้นจู่ยังไม่ตาย เกียรติยศของตระกูลไป๋ยังอยู่ พระองค์ต้องการให้ตระกูลไป๋ดับสูญ ชื่อเสียงเสื่อมเสีย เช่นนี้จะได้ลบล้างความแค้นในใจของพระองค์ได้ ดังนั้นจึงอยากร่วมมือกับชายผู้นั้นขอรับ!”

ขันที่กล่าวถึงตรงนี้ก็รู้สึกหวาดกลัวมาก ร่างทั้งร่างสั่นเทาราวกับยังหวาดกลัวเรื่องที่ได้ยินมาอยู่

“บ่าวจึงตระหนักได้ว่าบ่าวล่วงรู้ความลับที่ยิ่งใหญ่ของเหลียงอ๋องเข้าให้แล้วจึงรีบหนีออกมา นึกไม่ถึงเลยว่าเหลียงอ๋องจะรู้ตัว บ่าวไม่รู้จะทำเช่นไรจึงกล่าวออกไปตามที่เตรียมมาก่อนหน้านี้ว่าต้องการเผากระดาษไปให้ถงจี๋กงกง! ทว่า เหลียงอ๋องทรงตรัสว่าในเมื่อบ่าวสนิทสนมกับถงจี๋กงกง บ่าวก็ควรลงไปอยู่ไปเพื่อนเขาในปรโลก เช่นนี้ถงจี๋กงกงจะได้ไม่เหงาขอรับ!”

“หลังจากนั้นองครักษ์ของเหลียงอ๋องก็ตีบ่าวจบสลบ พอบ่าวตื่นมาอีกทีก็พบว่าตัวเองอยู่บนรถม้า พวกเขาพาบ่าวไปยังสุสานของถงจี๋กงกงเพื่อฝังบ่าวทั้งเป็น บ่าวต้องการหนี ทว่า องครักษ์กลับใช้มีดแทงบ่าวให้ตาย บ่าวจึงตัดสินใจกระโดดแม่น้ำหนีเอาตัวรอด แขนบ่าวขาดไปตอนนั้นขอรับ! โชคดีที่ใต้เท้าเว่ยจงช่วยบ่าวขึ้นมาจากน้ำ จากนั้นนำศพอื่นไปแทนบ่าว มิเช่นนั้นบ่าวคงตายไปแล้วขอรับ”

เสียงเล็กของขันทีผู้นั้นกล่าวจบจนอย่างสะอื้น เขาเงยหน้ามองไป๋ชิงเหยียน บังเอิญสบกับสายตาค้นหาของหญิงสาวพอดีจึงรีบก้มหน้างุดอีกครั้ง

“ชายชุดดำผู้นั้นคือผู้ใด เจ้าเห็นหน้าชัดหรือไม่” ไป๋ชิงเหยียนเอ่ยถาม

“ไม่ขอรับ…” ขันทีรีบเอ่ยขึ้น “ทว่า บ่าวได้ยินเหลียงอ๋องเรียกเขาว่าท่านอ๋องขอรับ พระองค์ตรัสว่าท่านอ๋องวางพระทัยได้ ข้าต้องการร่วมมือกับท่านอ๋องจริงๆ ขอรับ!”

ท่านอ๋องอย่างนั้นหรือ

ไป๋ชิงเหยียนลูบถ้วยน้ำชาในมืออย่างใช้ความคิด

ท่านอ๋องที่สามารถร่วมมือกับเหลียงอ๋องได้ นอกจากท่านอ๋องในเมืองหลวงซึ่งเหลืออยู่ไม่กี่คน สายเลือดราชวงศ์ที่มีความสามารถและปณิธานที่ยิ่งใหญ่คนอื่นๆ ในเมืองหลวงล้วนถูกฮ่องเต้กำจัดจนสิ้นซากเพื่อไม่ให้เป็นภัยภายหลังตั้งแต่ตอนขึ้นครองราชย์แล้ว!

[1] ซานหวง หมายถึง ของสามสิ่งที่เป็นสีเหลืองมักสื่อถึง ปลาสีเหลือง ปลาไหลสีเหลืองและเหล้าสีเหลือง