บทที่ 425 เจ้าจะใส่ความข้าไม่ได้นะ

จอมนางข้ามพิภพ

จอมนางข้ามพิภพ บทที่ 425 เจ้าจะใส่ความข้าไม่ได้นะ

“อู๋เหล่าเอ้อ เจ้าคนสารเลวไร้หัวใจ เจ้ากล้าทำเช่นนี้กับข้า หัวใจเจ้าโดนหมากินไปแล้วรึ!” นางหลิวตะคอกอย่างเดือดดาลเคียดแค้น โผเข้าหาทันที

อู๋เหล่าเอ้อหมุนตัวมาผลักนางหลิวออกอย่างรังเกียจ เขาตบหน้านางหลิวฉาดใหญ่ “นังหญิงอัปลักษณ์ หุบปากซะ หน้าตาหยั่งกับหมู อ้วนราวกับตุ่ม ข้าจะชอบเจ้าเข้าไปได้ยังไง รีบไสหัวไปเลย ชาตินี้ข้าไม่เกี่ยวข้องอะไรกับเจ้าทั้งนั้น!”

“ไม่เกี่ยวข้อง เด็กคนนั้น ลูกจาวเป็นลูกชายแท้ๆของเจ้านะ ชาตินี้เจ้าอย่าคิดจะตัดขาดกับเขาเลย!” นางหลิวโกรธจนขาดสติ

พึ่งพูดจบ นางถึงรู้ตัวว่าตนพูดความลับที่เก็บซ่อนมาหลายปีออกไป อยากจะปกปิดก็ไม่ทันการณ์แล้ว

อู๋เหล่าเอ้อสารเลวนี่เป็นชู้กับตนมาหลายปี พริบตาเดียวกลับไปชอบพอสตรีอื่น และยังจะตัดขาดกับตนอีก นางหลิวย่อมไม่ยอมให้เขาสมหวังอยู่แล้ว เลยจำต้องพูดออกไป เปิดโปงให้มันรู้กันหมดไปเลย

ทุกคนตกตะลึงกันหมด มองมาอย่างตะลึง

“นางหลิว เมื่อครู่เจ้าพูดว่าอะไร ลูกจาวเป็นลูกของเจ้ารอง นี่มันเรื่องอะไรกัน?” ท่านสามเค้นถามอย่างเข้มงวด

“นางหลิวเจ้าอย่าพูดซี้ซั้วนะ ลูกจาวเป็นลูกชายของพี่ใหญ่ เจ้าอย่ามาใส่ร้ายข้านะ มิเช่นนั้นข้าจะฆ่าเจ้า!” อู๋เหล่าเอ้อข่มขู่

ยากยิ่งนักที่สตรีงามเช่นนี้จะยอมมาอยู่กับตน อู๋เหล่าเอ้อดีใจตื่นเต้นยิ่งนัก จะให้นางหลิวมาทำเสียเรื่องไม่ได้

นางหลิวยิ้มเย็นบอก “บัดนี้พูดออกมาแล้ว ข้าก็ไม่กลัวแล้ว ลูกจาวเป็นลูกของข้ากับอู๋เหล่าเอ้อ ตอนนั้นข้าแต่งกับนายท่าน นายท่านดีกับข้ามากจริงๆ

แต่ทุกคืนเขามักจะใช้การไม่ได้ ข้าย่อมทนไม่ได้อยู่แล้ว ตอนนั้นอู๋เหล่าเอ้อยังหนุ่มแน่นกำยำ มักจะพูดคำพูดสองแง่สองง่ามกับข้า

มีครั้งหนึ่ง เขาอาศัยตอนนายท่านเดินทางไกลปีนเข้าห้องข้ากลางดึก คืนนั้นพวกเราตรากตรำกันทั้งคืน นับจากนั้นอู๋เหล่าเอ้อก็มักจะมาที่ห้องข้าบ่อยๆ

ต่อมาข้าท้อง แน่นอนว่าไม่อาจพูดได้ว่าเป็นลูกของอู๋เหล่าเอ้อ ได้แต่บอกว่าเป็นลูกของนายท่าน นายท่านดีใจยิ่งนัก ยิ่งรักใคร่โปรดปรานข้ามากขึ้น และยังเชื่อคำพูดข้าเหินห่างนางจัว—-“

นางหลิวยังอยากพูดอะไร อู๋เหล่าเอ้อหมุนตัวหันมาตบหน้านางฉาดใหญ่ “นังบ้า เจ้าหุบปากนะ เจ้ากล้าใส่ร้ายข้าต่อหน้าท่านสามท่านสี่ ข้าจะฆ่าเจ้าให้ตายเลย!”

ทุกคนมองดูอู๋เหล่าเอ้อลงไม้ลงมือกับนางหลิว แต่กลับไม่มีใครออกมาห้ามปรามเลย

ปกตินางหลิวเย่อหยิ่งจองหอง รังแกคนอ่อนแอกว่าแต่กลับกลัวคนแข็งแกร่งกว่า และยังเอารัดเอาเปรียบกับคนรับใช้ เอะอะก็ด่าทอลงไม้ลงมือ ชอบคิดว่าตนสูงส่งกว่าใคร ไม่เห็นคนรับใช้เป็นคน ตอนนี้เห็นนางหลิวโดนทำร้าย ทุกคนต่างรู้สึกสาแก่ใจกัน

“ท่านสาม ท่านสี่ช่วยข้าด้วย ขอร้องพวกท่านช่วยข้าด้วยสิ!” นางหลิวร้องโหยหวน

“นางหลิว เจ้ามันแพศยา กล้าคบชู้กับอู๋เหล่าเอ้อ ทำเรื่องบัดสีบัดเถลิงเช่นนี้ลับหลังอู๋เฉินออกมาได้ เจ้ามิคู่ควรเป็นสะใภ้ตระกูลอู๋ ยิ่งไม่คู่ควรเป็นนายแม่แห่งตระกูลอู๋!” ท่านสามตะคอกดังอย่างเดือดดาล

“พี่สามพูดถูก นางจัวนอบน้อมกตัญญู กตัญญูเสมอมา ตอนอู๋เฉินป่วยหนักก็เป็นนางจัวที่คอยปรนนิบัติอยู่ข้างกาย นางหลิวทำเรื่องเช่นนี้ออกมา ห้ามมิให้อยู่ที่ตระกูลอู๋ต่อไป ต่อไปให้นางจัวกลับมาดูแลควบคุมตระกูลอู๋” ท่านสี่พูดสีหน้าดำทะมึน

พอคำพูดนี้ออกมา นางหลิวตกตะลึงหนัก อู๋เหล่าเอ้อก็หยุดมือลงเช่นกัน

“ท่านสามท่านสี่ จะให้นางจัวกลับมาได้อย่างไร ตอนแรกพี่ใหญ่ไล่นางจัวกับชุ่ยชุ่ยออกไปนะ นางมีแค่ลูกสาวที่เป็นตัวสิ้นเปลืองเงินทอง มีสิทธิ์อะไรกลับมา?” อู๋เหล่าเอ้อคัดค้าน

“ถือสิทธิ์ที่นางเป็นเมียตบเมียแต่งของอู๋เฉิน ถือสิทธิ์ที่ชุ่ยชุ่ยเป็นลูกสาวของอู๋เฉิน เจ้าคนสารเลวกล้าคบชู้กับพี่สะใภ้ของตนเอง พี่ใหญ่เจ้าดีกับเจ้าเสมอมา เจ้ากลับทำเช่นนี้กับเขาได้

ใครก็ได้ ขับไล่อู๋เหล่าเอ้อออกจากบันทึกตระกูลของตระกูลอู๋ ขับไล่ออกจากตระกูลอู๋ ห้ามมิให้เขาก้าวเท้าเข้าตระกูลอู๋แม้แต่ครึ่งก้าว

ส่วนนางหลิว แต่งงานกับอู๋เฉินกลับคบชู้กับอู๋เหล่าเอ้อ ยังมีลูกด้วยกัน ข้าในฐานะเจ้าตระกูลของตระกูลอู๋ จะทำการหย่าร้างภรรยาแทนอู๋เฉิน ขับไล่ออกจากตระกูลอู๋ ต่อไปให้นางเอาตัวรอดเอาเอง!” ท่านสามตะคอกอย่างเดือดดาล

ถึงอู๋เฉินจะไม่ใช่ลูกชายเขา เป็นแค่หลาน แต่ตอนอู๋เฉินมีชีวิตอยู่ ทั้งเคารพและกตัญญูต่อเขามาก ขนาดลูกชายแท้ๆของเขายังไม่ทำถึงขั้นนี้เลย ดังนั้นตอนนี้มาได้ยินเรื่องเช่นนี้ ท่านสามทั้งตะลึงทั้งเดือดดาล

อู๋เหล่าเอ้อตะลึงเป็นไก่ตาแตกเลย “ท่านสาม ท่านทำเช่นนี้กับข้าไม่ได้นะ จะยังไงข้าก็เป็นคนของตระกูลอู๋ ตอนนี้พี่ใหญ่ไม่อยู่แล้ว อนาคตของตระกูลอู๋ตกอยู่ที่ข้าแล้วนะ”

“เจ้าไม่มีสิทธิ์ไม่เห็นด้วย” ท่านสามตะคอกอย่างเดือดดาล

“ท่านสี่ ขอร้องท่านช่วยข้าด้วยสิ” อู๋เหล่าเอ้อหันไปขอร้องท่านสี่

ท่านสี่ถอนหายใจเฮือกใหญ่ “เจ้ารอง ครั้งนี้เจ้าทำเกินไปจริงๆ ข้าช่วยเจ้าไม่ได้ดอก”

คราวนี้อู๋เหล่าเอ้อลนลานแล้วจริงๆ “ท่านสาม ท่านสี่ พวกท่านจะทำเช่นนี้กับข้าไม่ได้นะ ไว้พวกท่านแก่แล้วข้ายังสามารถเลี้ยงดูพวกท่านยามแก่ชราได้นะ”

“ฝันไปเถอะ ขนาดพี่ชายแท้ๆของเจ้าเจ้ายังทำกับเขาเช่นนี้เลย น่ากลัวคนแก่อย่างพวกเราพอตายไปเจ้าก็คงแค่รำคาญลูกตา ใครก็ได้ ไล่อู๋เหล่าเอ้อออกไป”

“ไม่หรอก ท่านสามข้าสำนึกผิดแล้ว ข้าสำนึกผิดแล้วจริงๆขอร้องท่านอย่าใจร้ายเช่นนี้เลย ท่านสาม—“

คนรับใช้ที่หน้าประตูเข้ามาทันที ลากตัวอู๋เหล่าเอ้อออกไป

นางหลิวที่นอนอยู่กับพื้นรีบคุกเข่าอ้อนวอน “ท่านสาม ข้าโดนอู๋เหล่าเอ้อบังคับนะ”

“เมื่อครู่เจ้าพึ่งยอมรับว่าคบชู้กับอู๋เหล่าเอ้อ ไล่เจ้าออกไปด้วย รวมถึงลูกจาวออกไปด้วยกันเลย!” ท่านสามตะคอกอย่างเดือดดาล

“อย่านะ ท่านสาม ลูกจาวเป็นสายเลือดตระกูลอู๋นะ ขอร้องท่านอย่าไล่ลูกจาวออกไปเลย!”

“สายเลือดตระกูลอู๋มีมากนัก ไม่ขาดแคลนคนที่ไม่รู้ว่าใครเป็นพ่อหรอก”

คนรับใช้เข้ามาอีกสองคน ลากตัวนางหลิวออกไป คนรับใช้คนหนึ่งอุ้มลูกจาวออกมาโยนให้นางหลิว พอประตูใหญ่ตระกูลอู๋ปิดลง ก็ประกาศว่าไม่เกี่ยวข้องอันใดกับพวกเขาอีก

ท่านสามหันไปทางนางจัว “ต่อไปนางจัวกับชุ่ยชุ่ยกลับมาที่ตระกูลอู๋อีกครั้ง มีนางจัวดูแลควบคุมตระกูลอู๋”

นางจัวตื้นตันใจนัก คุกเข่าลงทันที “ขอบคุณท่านสามที่ตัดสินความเป็นธรรมให้พวกเราสองแม่ลูก”

“ลุกขึ้นเถอะ สองปีมานี้พวกเจ้าแม่ลูกลำบากแล้ว” ท่านสามปลอบ

“ขอบคุณท่านปู่สาม “ชุ่ยชุ่ยขอบคุณ

“เด็กน้อย ลำบากเจ้าแล้ว”

“มีท่านปู่สามตัดสินและคืนความเป็นธรรมให้พวกเรา พวกเราไม่ลำบากเลย” ชุ่ยชุ่ยพูดอย่างรู้ความ

ทำเอาท่านสามตาแดงเรื่อ ไม่พูดอะไรอีก

หยุนถิงไม่คิดเลยว่าท่านสามคนนี้จะเถรตรงขนาดนี้ จัดการเรื่องได้อย่างเด็ดขาด “ในเมื่อแก้ไขปัญหาเรียบร้อย งั้นพวกเราไม่รบกวนแล้วนะ”

“พี่สาว ขอบคุณท่านมากที่ช่วยเหลือพวกเรา”” ชุ่ยชุ่ยซาบซึ้ง

“เรื่องสมควรอยู่แล้ว” หยุนถิงหันไปมองท่านสาม จากนั้นยื่นยาให้เขาหนึ่งขวด “ยานี้สามารถรักษาอาการบาดเจ็บที่ขาท่านได้ จะอยู่ต่ออีกสิบปีก็ไม่ใช่ปัญหา คิดซะว่าเป็นของขอบคุณที่วันนี้ท่านให้ความยุติธรรมต่อชุ่ยชุ่ยและท่านแม่นางแล้วกัน”

ท่านสามตื่นเต้นนัก ยื่นมือมารับไปทันที “ขาข้าบาดเจ็บมาหลายสิบปีแล้ว อัศจรรย์เพียงนี้เลยรึ?”

“ท่านลองดูก็รู้แล้ว” หยุนถิงหมุนตัวจากไป

จวินหย่วนโยวรีบตามไปทันที พวกหลงเอ้อร์ก็ติดตามไปข้างหลังติดๆ นางจัวและชุ่ยชุ่ยรีบตามออกไปส่งพวกเขาด้วยตัวเอง จวบจนเห็นพวกหยุนถิงขึ้นรถม้าแล้ว พวกนางคารวะขอบคุณอีกถึงกลับไป

ส่วนท่านสามที่อยู่ในห้องโถงตื่นเต้นนัก กำลังจะเปิดฝาขวดกิน ก็โดนท่านสี่รั้งแขนไว้ “พี่สาม พวกเราไม่รู้ด้วยซ้ำว่าพวกเขาเป็นใคร จะเชื่อได้รึ?”