บทที่ 426 เจ้าเป็นฮูหยินของข้า ข้าย่อมดีต่อเจ้าอยู่แล้ว

จอมนางข้ามพิภพ

จอมนางข้ามพิภพ บทที่ 426 เจ้าเป็นฮูหยินของข้า ข้าย่อมดีต่อเจ้าอยู่แล้ว

ท่านสามปัดมือท่านสี่ออก “เจ้าโง่หรือไม่ คนพวกนั้นแค่ดูก็รู้แล้วว่ามิใช่คนธรรมดา ในเมื่อพวกเขากล้ายื่นมือเข้ามาแทรกเรื่องของตระกูลอู๋ ย่อมต้องมีฐานะไม่ธรรมดาแน่ คนธรรมดาใครจะกล้ายุ่งเรื่องคนอื่นกัน

หากจะวางยาพิษคนแก่อย่างข้า มิจำเป็นเลย องครักษ์พวกนั้นที่พวกเขาพามา แค่คนเดียวก็สามารถจัดการซัดคนรับใช้ทั้งหมดของตระกูลอู๋กระเด็น ตวัดกระบี่ฟันข้าตายก็ได้แล้ว

ดังนั้นครั้งนี้พวกเราได้เจอกับคนใหญ่คนโตเข้าแล้ว และยังเป็นผู้มีพระคุณอันยิ่งใหญ่ด้วย นางจัวสองแม่ลูกได้กลับมายังตระกูลอู๋อีกครั้ง นางหลิวและอู๋เหล่าเอ้อก็ได้รับการลงโทษ เรียกได้ว่าสวรรค์มีตาจริงๆนะ

อีกอย่าง ข้าอายุปูนนี้แล้ว กลัวอะไรเล่า ไม่แน่ว่านี่อาจจะรักษาอาการป่วยของข้าได้จริงๆ เจ้าไม่ต้องยุ่งหรอก”

ท่านสามเปิดฝาออกกินยาเม็ดนั้นลงไป

ท่านสี่แทบกลั้นหายใจ เบิกตากว้างมองคนตรงหน้า คนอื่นๆเองก็มองมากันหมด

ท่านสามแค่รู้สึกว่าพอยานั้นเข้าไปก็ละลายทันที แสบร้อนคออยู่บ้าง แต่พอกินลงไปแล้วก็รู้สึกว่าท้องน้อยค่อยๆร้อนขึ้น ขารู้สึกอุ่น สบายมาก

“พี่สาม ท่านรู้สึกอย่างไรบ้าง ท่านพูดอะไรบ้างสิ?” ท่านสี่ถามอย่างตื่นเต้น

ผ่านไปสักครู่ ท่านสามยืดขาออกไป จากนั้นร้องตะโกนด้วยความดีใจ “ขาข้าไม่เจ็บแล้วจริงๆ ดียิ่งนัก นี่มันเป็นยาเทวดาเลยนะ ได้พบผู้มีพระคุณเข้าแล้วนะนี่”

“ขาท่านหายดีแล้วจริงรึ?” ท่านสี่รู้สึกตกตะลึง

“หายแล้ว หายดีแล้ว ครั้งนี้ได้พบผู้มีพระคุณเข้าแล้วจริงๆ!” ท่านสามหันไปสอบถามสองแม่ลูกนางจัวอย่างตื่นเต้น

พอได้รู้ว่า พวกหยุนถิงเพียงแค่ผ่านมาเห็นความไม่ยุติธรรม ยิ่งซาบซึ้งใจยิ่งนัก หันไปโขกศีรษะสามครั้งให้กับทางที่พวกหยุนถิงจากไปทันที

ทางนี้ หยุนถิงได้ยินองครักษ์ลับที่ทิ้งไว้กลับมารายงานว่า ท่านสามโขกศีรษะสามครั้ง ถึงได้วางใจ

เดิมเธอกลัวคนตระกูลอู๋พอเห็นพวกเขาไปแล้วจะรังแกสองแม่ลูกนางจัว แต่พอเห็นพวกเขาทำเช่นนี้ ก็ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงแล้ว

ส่วนจวินหย่วนโยวที่อยู่ข้างๆกลับมีสีหน้าเย็นชาไม่พอใจ ถลึงตามองหยุนถิงด้วยสายตาน้อยเนื้อต่ำใจ “เจ้าบอกว่าจะอยู่แต่งงานกับอู๋เหล่าเอ้อ!”

หยุนถิงกำลังกรอกน้ำเข้าปาก พลันสำลักออกมา บังเอิญดันพ่นใส่จวินหย่วนโยวเต็มหน้าเสียนี่

“อ๊า ซื่อจื่อข้าไม่ได้ตั้งใจนะ ท่านรีบเช็ดเร็ว” หยุนถิงรีบยื่นผ้ามาช่วยเช็ดหน้าให้จวินหย่วนโยว

จวินหย่วนโยวที่เดิมหน้าทะมึน พลันสีหน้าดำมืดราวกับก้นหม้อเลยทีเดียว ไม่ขยับและไม่พูดอะไร เอาแต่มองหยุนถิงอย่างเย็นชา ยอมให้นางช่วยเช็ดหน้าและเสื้อตรงหน้าอกให้

“ซื่อจื่อ ขอโทษ เรื่องนี้โทษข้าไม่ได้นะ ท่านพูดเองนะ ข้าจะชอบพออู๋เหล่าเอ้อได้อย่างไร ซื่อจื่อของข้าทั้งหล่อเหลาสง่างาม ท่วงท่าองอาจ ใบหน้างดงาม ต่อให้หาทั่วทั้งแผ่นดิก็หาไม่เจอหรอก ข้าไม่ได้ตาบอดเสียหน่อย” หยุนถิงรีบอธิบาย

“แต่ข้าได้ยินอย่างนั้นนี่” จวินหย่วนโยวพูดด้วยน้ำเสียงสะบัดๆ

“ข้าแค่พูดไปอย่างนั้นเอง อันที่จริงข้าแค่อยากหลอกอู๋เหล่าเอ้อ เท่านั้นเอง”

“ซื่อจื่อเฟย ทำไมท่านรู้ว่าอู๋เหล่าเอ้อกับนางหลิวคบชู้กันล่ะ?” หลงเอ้อร์ที่อยู่ด้านนอกรถม้าทนไม่ไหวถามออกมา

“ลางสังหรณ์ของสตรีน่ะ ข้าเห็นนางหลิวร้องไห้คร่ำครวญกับอู๋เหล่าเอ้อ แววตาที่อู๋เหล่าเอ้อมองนางมันผิดปกติ ดังนั้นเลยแกล้งพูดอย่างนั้น เพื่อให้นางหลิวและอู๋เหล่าเอ้อแตกคอกัน ปกติสตรีมักทนไม่ได้ที่บุรุษของตนเจ้าชู้สนใจสตรีอื่นต่อหน้าตนอยู่แล้ว แบบนี้พวกเขาก็สารภาพออกมาเองนี่ไง!”หยุนถิงตอบ

หลงเอ้อร์ยกนิ้วโป้งให้ “ซื่อจื่อเฟย ท่านเก่งจริงๆ!”

“เก่งอะไร เก่งแล้วยังทำซื่อจื่อไม่พอใจนี่ไง ข้าผิดเอง ข้าไม่ควรยุ่งเรื่องชาวบ้าน และยิ่งไม่ควรยื่นมือเข้าช่วย ควรจะให้สองแม่ลูกนางจัวโดนคนรังแกจนตายไป เฮ้อ ข้าก็แค่คนดีไร้สาระคนหนึ่ง ทำเอาซื่อจื่อไม่สนใจข้าแล้ว ทำไมข้ามันน่าน้อยใจอย่างนี้นะ” หยุนถิงแสร้งโอดครวญอย่างน่าสงสาร

จวินหย่วนโยวที่เดิมยังเดือดดาลหายโกรธไปกว่าครึ่ง มองดูท่าทางน้อยเนื้อต่ำใจของหยุนถิงแล้ว อดปวดใจไม่ได้

“เอาล่ะ ข้าสนใจเจ้า แต่คำพูดเช่นนี้ต่อไปห้ามพูดอีกเด็ดขาดนะ อยากสั่งสอนคนให้องครักษ์ลับลงมือก็ได้แล้ว ไม่ต้องให้เจ้าออกหน้าด้วยตัวเองดอก ข้าเลี้ยงดูพวกเขาเปล่าๆงั้นรึ” น้ำเสียงจวินหย่วนโยวอ่อนลงไปหลายส่วน

“ข้ารู้อยู่แล้วว่าซื่อจื่อดีกับข้าที่สุด เอาใจใส่ข้าที่สุดเลย” หยุนถิงโผเข้าหาอ้อมกอดจวินหย่วนโยวอย่างพอใจ

จวินหย่วนโยวรีบยื่นมือมาโอบไหล่นางไว้ สุดท้ายท้องไส้หยุนถิงกลับปั่นป่วนจนก้มหน้าจะอาเจียน จวินหย่วนโยวรีบหยิบกระโถนมาอย่างรวดเร็ว

หยุนถิงอาเจียนแห้งอยู่หลายครั้ง ก็ไม่มีอะไรออกมา สีหน้าซีดเผือดเล็กน้อย

“ไม่สบายแล้วใช่หรือไม่ พวกเราพักผ่อนก่อนดีไหม เจ้าตรากตรำมากไม่ได้ กินแอปริคอตก่อนนะ เมื่อครู่ข้าให้คนล้างสะอาดแล้ว” จวินหย่วนโยวยื่นมาให้อย่างเป็นห่วง

หยุนถิงผ่อนลมหายใจ “ช่วงท้องใหม่ๆสองเดือนแรกก็เป็นอย่างนี้ทั้งนั้น ไม่ต้องพักผ่อนหรอก พึ่งออกเดินทางได้ไม่นานเอง ข้ากินแอปริคอตก็พอแล้ว”

จวินหย่วนโยวแกะแอปริคอตจากตรงกลาง ดึงเม็ดด้านในออกมา แล้วถึงยื่นให้หยุนถิง

“ซื่อจื่อ ท่านเอาใจใส่ยิ่ง!” หยุนถิงซาบซึ้งนัก รับมากินเลย

รสชาติหวานอมเปรี้ยวชุ่มคอ ท้องไส้เธอสบายขึ้นไม่น้อย

“เจ้าเป็นฮูหยินของข้า ข้าย่อมดีต่อเจ้าอยู่แล้ว” จวินหย่วนโยวแกะแอปริคอตอีกหลายเม็ด ล้วนแต่ดึงเม็ดด้านในออกมาก่อนค่อยยื่นมาที่ปากหยุนถิง

ทั้งๆที่เป็นแค่แอปริคอตธรรมดาลูกหนึ่ง หยุนถิงกลับรู้สึกว่าเป็นแอปริคอตที่หวานที่สุดเท่าที่เธอเคยกินมาในชาตินี้เลย เพราะมันถูกแกะโดยจวินหย่วนโยว

…..

แคว้นชางเยว่ ตำหนักอี๋หลาน

ชางหยุนสี่ไปล่าสัตว์กลับมา เธอหิ้วของป่ากลับมายังตำหนักของเสด็จแม่ พอถึงหน้าประตูก็ได้ยินเสียงจากด้านใน

“อีกเดือนหนึ่งก็จะถึงวันเกิดครบรอบสี่สิบปีของหมิงเฟยแล้ว ถึงเวลานั้นฝ่าบาทต้องส่งคนไปรับชางหลันเย่กลับมา หากเขากลับมา ก็จะเป็นอันตรายต่อจุดยืนของเยว่หมิง ต้องหาทางยับยั้งไม่ให้ชางหลันเย่กลับมา!” น้ำเสียงเฉียบขาดของสตรีวัยกลางคนคนหนึ่งดังมา

ชางหยุนสี่ที่เดิมจะเข้าไปพลันชะงัก คิ้วขมวดแน่น เสด็จแม่ไม่อยากให้ท่านพี่ไท่จื่อกลับมา

“เหนียงเหนียงโปรดวางพระทัยเถิด หมิงเฟยน่ะไม่สบายมาตลอด หลายปีมานี้หมอหลวงก็หมดหนทาง หากนางจัดงานวันเกิดไม่ได้ ไท่จื่อก็มิจำเป็นต้องกลับมาแล้วล่ะ” เสียงขันทีคนหนึ่งดังขึ้น

ชางหยุนสี่โกรธจนหน้าดำมืด ผลักประตูเข้าไปอย่างไม่คิดเลยสักนิด “เสด็จแม่ ท่านจะลงมือกับเสด็จแม่ของท่านพี่ไท่จื่อได้อย่างไรกัน?”

หยางเฟยเห็นลูกสาวที่จู่ๆก็โพล่งเข้ามา สีหน้าเย็นเยียบทะมึนทันที “ใครให้เจ้าเข้ามา?”

“ข้าได้ยินว่า เสด็จแม่อยากกำจัดหมิงเฟยก่อนงานวันเกิดนาง ข้าไม่มีทางยอมให้ท่านทำร้ายหมิงเฟยแน่ หลายปีมานี้นางน่าสงสารมากพออยู่แล้ว ไม่สามารถเจอกับลูกชายตนเองได้ ทุกวันต้องน้ำตาอาบแก้ม ตอนข้าอยู่แคว้นต้าเยียนโชคดีได้ท่านพี่ไท่จื่อคอยดูแล ไม่อย่างนั้นข้าก็ไม่อาจจากมาได้อย่างปลอดภัย ข้าจะไปกราบทูลเสด็จพ่อ ห้ามมิให้ท่านทำร้ายนาง” ชางหยุนสี่ตะคอกอย่างเดือดดาล หมุนตัวจากไปทันที

หยางเฟยส่งสายตาให้ซุ่นจื่อ ซุ่นจื่อก้าวเร็วเข้าไปซัดฝ่ามือที่ท้ายทอยจนชางหยุนสี่สลบไป

“องค์หญิงสี่ ขออภัยด้วย!”

“พานางไปขังไว้ตำหนักข้าง ห้ามมิให้ใครเข้าพบทั้งนั้น!” หยางเฟยพูดเสียงเกรี้ยวกราด

“พ่ะย่ะค่ะ” ซุ่นจื่อรีบพาองค์หญิงสี่ออกไป สุดท้ายก็ปะเข้ากับชางเยว่หมิงที่เข้ามาพอดี

“น้องหญิงสี่เป็นอะไรรึ?” ชางเยว่หมิงถาม