ตอนที่ 343 โองการแต่งตั้ง! รางวัล! เทพผู้ชอบธรรม! (1)

ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว

ตอนที่ 343 โองการแต่งตั้ง! รางวัล! เทพผู้ชอบธรรม! (1)

“เหตุใดทะเลทักษิณถึงได้ครึกครื้นเพียงนี้?”

ที่หน้าประตูสวรรค์ทักษิณ แม่ทัพตงมู่แย้มยิ้มพลางกล่าว ในขณะนี้ เขาได้เปลี่ยนชุดมาอยู่ในเสื้อคลุมใหม่เอี่ยมขณะถือพระราชโองการที่ส่องประกายสาดแสงเจ็ดสี

ที่ด้านหลังแม่ทัพตงมู่ มีแม่ทัพสวรรค์ขอบเขตเซียนจินสองสามคนที่มีอักขระเต๋าลึกล้ำและลมปราณเข้มข้นหนาแน่น พวกเขาแต่ละคนตอบกลับด้วยสองประโยคที่ไม่ได้ความอะไรนัก

ที่ด้านหลังของเหล่าแม่ทัพสวรรค์เซียนจินนี้ มีแถวทหารและแม่ทัพสวรรค์ที่สวมชุดเกราะเจิดจ้า

มีทหารสวรรค์ส่วนใหญ่มักถือทวนในขณะที่แม่ทัพสวรรค์ส่วนใหญ่มักถือกระบี่ พวกเขาล้วนสวมชุดเกราะสีเงินขาวทั้งหมด และคงสีหน้าท่าทางเคร่งขรึม

นี่น่าจะเป็นครั้งแรกที่ศาลสวรรค์ป่าวประกาศพระราชโองการแห่งองค์เง็กเซียนอย่างครึกโครมด้วยงานพิธียิ่งใหญ่อลังการเช่นนี้

ทหารสวรรค์และแม่ทัพสวรรค์หลายหมื่นนายเหล่านี้ล้วนผ่านการคัดเลือกมาอย่างเข้มงวดด้วยข้อกำหนดบางประการนับตั้งแต่ฐานพลังไปจนถึงรูปลักษณ์ และแม่ทัพตงมู่ยังคัดเลือกแม่ทัพสวรรค์ด้วยตัวเขาเอง พวกเขาเหล่านั้นล้วนมีคุณสมบัติสูง มากประสบการณ์และไว้วางใจได้

เหล่าทหารสวรรค์และแม่ทัพสวรรค์ทั้งหลายก็ได้รับข่าวเช่นกัน คราวนี้เป็นองค์เง็กเซียนที่ทรงประกาศแต่งตั้งให้เทพแห่งท้องทะเลเป็นเทพผู้ชอบธรรมแห่งศาลสวรรค์…

เทพแห่งท้องทะเลผู้นี้คือใครกัน?

ในช่วงสองสามทศวรรษที่ผ่านมา มีข่าวลือถึงเรื่องของเทพแห่งท้องทะเลทักษิณมากมายในศาลสวรรค์

บางคนบอกว่าเขาเป็นศิษย์ของปรมาจารย์จอมปราชญ์เทพแห่งสำนักบำเพ็ญเต๋าหยินที่จอมปราชญ์เทพได้เลือกให้มาช่วยเหลือองค์เง็กเซียนในการรวมสามอาณาจักร

บ้างก็ว่า เขาเป็นสหายสนิทคู่หู และเป็นกุนซือที่เชื่อถือได้มากที่สุดขององค์เง็กเซียน…

แต่ในวันนี้ แม่ทัพสวรรค์หลายคนก็ยังรู้สึกว่า มันดูออกจะเป็นการสร้างภูเขาจากจอมปลวก[1]มากไปสักหน่อย

ในขณะนั้น เทพเฒ่าจันทราผู้สวมชุดคลุมวิวาห์ ก็ขี่เมฆลอยมาจากทางด้านหลัง และหลังจากทำโค้งคำนับให้แม่ทัพตงมู่แล้ว เขาก็ขมวดคิ้วและถามว่า “แม่ทัพตงมู่ พวกเราที่จะไปแสดงความยินดี ต้องเตรียมตัวเพิ่มเติมมากกว่านี้อีกหรือไม่?”

“องค์เง็กเซียนมิได้ทรงให้คำชี้แนะใดๆ ในเรื่องนี้” แม่ทัพตงมู่ใคร่ครวญเล็กน้อยแล้วกล่าวว่า “เมื่อถึงเวลานั้น เทพเฒ่าจันทราและทุกคนก็ออกไปแสดงความยินดีด้วยกันเถิด”

“แล้วพวกเราไม่ต้องเตรียมของขวัญแสดงความยินดีหรือ?”

“ยังไม่จำเป็นหรอก” แม่ทัพตงมู่แย้มยิ้มพลางกล่าวว่า “ค่อยมอบของขวัญให้สหายเต๋าเทพแห่งท้องทะเลเมื่อเขาเข้าสู่ศาลสวรรค์แล้ว ก็คงจะไม่สายเกินไป วันนี้ยังไม่จำเป็น”

“นั่นก็ใช่ ท่านแม่ทัพตงมู่กล่าวได้ถูกต้องแล้ว” เทพเฒ่าจันทราประสานมือโค้งคำนับแล้วล่าถอยออกไป

แม่ทัพตงมู่คำนวณเวลา แล้วเหลือบมองไปยังทิศทางของตำแหน่งดาวอีกาทองคำแล้วกล่าวว่า “ทหารสวรรค์ทุกคนเตรียมพร้อม!”

ภายนอกประตูสวรรค์ทักษิณ ทหารสวรรค์หลายหมื่นคนล้วนตอบพร้อมเพรียงกัน

“ขอรับ!”

“อืม” แม่ทัพตงมู่พยักหน้าแล้วกล่าวว่า “ข้าจะออกเดินทางในอีกหนึ่งชั่วยามนี้!”

ในขณะนั้น พลังลมปราณที่ทหารสวรรค์และแม่ทัพสวรรค์แผ่ออกมาก็ดับวูบลงไปในทันที พวกเขายังไร้พลังอำนาจและรู้สึกอับจนหนทางเล็กน้อย…

เห็นได้ชัดว่า แม่ทัพตงมู่รู้สึกกังวล

มันช่วยไม่ได้ คนอื่นๆ ไม่รู้ถึงความสำคัญของพระราชโองการนี้ ทว่าแม่ทัพตงมู่ซึ่งอยู่เคียงข้างองค์เง็กเซียนเสมอมา ย่อมรู้ชัดเจนดี เทพแห่งท้องทะเลย่อมจะกลายเป็นเสนาบดีคนสำคัญแห่งศาลสวรรค์ในอนาคตอย่างแน่นอน เมื่อเรื่องของเผ่ามังกรจบลง ก็เกรงว่าระดับยศของเทพแห่งท้องทะเลก็น่าจะพอๆ กับเขา แม่ทัพตงมู่ ยิ่งไปกว่านั้น เทพแห่งท้องทะเลยังมีภูมิหลังที่แข็งแกร่ง มีกลยุทธ์ และรอบรู้อย่างเข้าใจลึกซึ้งในเต๋าแห่งการเป็นเสนาบดีที่รับใช้ผู้อื่น ซึ่งองค์เง็กเซียนชื่นชมเขาอย่างเต็มเปี่ยมจนไม่ได้ระวังอะไรเขาเลย

ทว่าแท้จริงแล้ว…การเปรียบเทียบรังแต่จะทำให้ไม่สบายใจ จึงควรปล่อยวางสิ่งต่างๆ ไป

เพื่อเปิดราชโองการที่เต็มไปด้วยลำแสงเจ็ดสี แม่ทัพตงมู่จึงได้อ่านเนื้อหาข้างต้นอย่างระมัดระวัง ด้วยกลัวว่าเขาจะอ่านคำผิดหรือใช้น้ำเสียงผิดในภายหลัง

บรรดาเซียนจะมีกำหนดเข้าปิดด่านเป็นเวลาหลายปี และสำหรับทหารและแม่ทัพสวรรค์ส่วนใหญ่แล้ว หนึ่งชั่วยามก็จะผ่านไปอย่างรวดเร็วในเพียงความคิดเดียว

แต่แม่ทัพตงมู่รู้สึกว่าในระหว่างหนึ่งชั่วยามนี้ เวลาเดินผ่านเนิ่นช้าเกินไป ช้ามากเสียจนหัวใจเต๋าของเขารู้สึกปั่นป่วนกระวนกระวาย…

และในที่สุด…

“ออกเดินทางได้!”

แม่ทัพตงมู่ส่งเสียงตะโกนเบาๆ ทหารและแม่ทัพสวรรค์ทุกคนล้วนมีใจฮึกเหิม จากนั้น พวกเขาก็ขี่เมฆไปตามเส้นทางเมฆออกจากประตูสวรรค์ทักษิณ และมุ่งหน้าตรงไปยังดินแดนเทวะทักษิณ

ในขณะนั้น ที่ชายฝั่งทะเลทักษิณ เหล่าปรมาจารย์แห่งสำนักบำเพ็ญเต๋าและเผ่ามังกรต่างสัมผัสได้ถึงบางอย่างที่ผิดแปลกไป จึงหันเหความสนใจออกจากการแสดงร้องเพลงเต้นรำแล้วเพ่งมองไปบนท้องฟ้า

ที่นั่น มีหมู่เมฆหลายชั้นกำลังกดต่ำลงมา และมีร่างสูงกำลังยืนตรงอยู่บนหมู่เมฆนั้น

“ทหารสวรรค์และแม่ทัพสวรรค์หรือ?”

“ทหารสวรรค์เหล่านี้มาทำอะไรที่นี่? หรือว่าพวกเขาจะมาแสดงความยินดีกับข้าด้วยหรือ?”

“ว่าแต่ว่า เมื่อกล่าวถึงเรื่องนี้ เหตุใดในวันนี้สำนักเทพทะเลจึงจัดงานเฉลิมฉลองนี้? ”

ในระหว่างการพูดคุยกันนั้น การร้องเพลงเต้นรำบนแท่นสูงด้านล่างก็หยุดลงอย่างกะทันหัน

บัดนั้น อ๋าวอี่ก็กระโดดขึ้นไปบนแท่นสูงอีกครั้ง เขาถือแผ่นหยกที่มีหัวมังกรอยู่ในมือ และกล่าวเสียงดังว่า “ทหารมังกรอยู่ที่ใด!?!”

ทันใดนั้น ปรมาจารย์เผ่ามังกรทั้งหมดล้วนตอบรับอย่างพร้อมเพรียงกัน “แม่ทัพ (เสนาบดี) อยู่นี่แล้วขอรับ!”

เส้นผมยาวของอ๋าวอี่ปลิวไสวในสายลม บัดนี้เขาเต็มไปด้วยพลังและกำลังใจฮึกเหิม จากนั้นก็เริ่มสำแดงพลังและอำนาจบางอย่าง ซึ่งยากจะหาได้จากเขา

“สำนักเทพทะเล ผู้พิทักษ์มังกรแท้ จงนำทหารมังกรเซียนวารีพันนายไปต้อนรับทหารสวรรค์แห่งศาลสวรรค์!”

“รับบัญชา!”

ในขณะนั้น เพียงได้ยินเสียงคำรามของมังกร ทันใดนั้น ร่างมังกรหลายสิบตัวของเผ่ามังกรก็พุ่งออกจากหมู่เมฆและกลายร่างเป็นมังกรแท้ในอากาศ และนำมังกรเซียนวารีนับพันพุ่งทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า!

ท่ามกลางดวงสุริยาสาดแสง เกล็ดมังกรหลากสีทุกชนิดก็เปล่งประกายเจิดจ้า บัดนี้ ภาพของมังกรนับพันที่ขึ้นไปบนท้องฟ้านั้นช่างงดงามตระการตายิ่ง!

เหล่ามนุษย์มากมายหลายคนต่างตื่นเต้น แม้ไม่รู้ว่าจะตื่นเต้นอะไร

ในขณะนั้น ใบหน้างามที่ละเอียดอ่อนของอ๋าวอี่เต็มไปด้วยความเคร่งขรึม

จากนั้น เขาก็ร้องตะโกนดังลั่นออกมาอีกครั้งว่า “ได้โปรด…รูปปั้นเทพแห่งท้องทะเล!”

“เฮ่! เฮ่! เฮ่ โอ้ เฮ่!”

มีเสียงแตรดังสนั่นชัดเจนขึ้นที่ด้านข้างของแท่นสูง จากนั้น ทูตเทวะสิบแปดคนก็ใช้มือแบกรูปปั้นหยกขาวสูงสามจั้ง แล้วยกขึ้นวางบนไหล่ของพวกเขาก่อนจะก้าวขึ้นไปบนแท่นสูงจากทางด้านข้างแล้ววางรูปปั้นไว้กลางแท่นสูงนั้น

ในยามนั้น กฎห้ามบนขอบของแท่นสูงนั้น ก็ถูกเปิดขึ้นอย่างเงียบ ๆ แล้วแสงเซียนก็แผ่ออกมาล้อมรอบรูปปั้นนี้

ด้านล่างแท่นสูง เหล่าสานุศิษย์ผู้ศรัทธาของสำนักเทพทะเลก็ล้วนคุกเข่าลงเพื่อกราบกรานบูชา

ทันใดนั้น อ๋าวอี่ก็ตะโกนขึ้นอีกครั้ง “ได้โปรด ท่านเทพแห่งท้องทะเล!”

ได้โปรด เทพแห่งท้องทะเล?

ในคราแรก เหล่ามนุษย์ล้วนตกตะลึงเล็กน้อยในขณะที่บรรดาเซียนของทั้งสามสำนักบำเพ็ญเต๋าและปรมาจารย์เผ่ามังกรต่างก็เริ่มมองหาร่างของหลี่ฉางโซ่วโดยไม่รู้ตัว ทว่าจู่ๆ ก็พบว่า

หลี่ฉางโซ่วหายตัวไปแต่เมื่อใดไม่รู้

ทันใดนั้น!

ลำแสงสายหนึ่งได้พุ่งออกมาจากน่านน้ำทะเลทักษิณและเลี้ยวมุมในอากาศ สะท้อนกระจกทองสัมฤทธิ์ให้ส่องประกาย!

จากนั้น รูปปั้นเทพแห่งท้องทะเลหน้ากระจกสีทองสัมฤทธิ์กำลังละลายลงอย่างรวดเร็ว แล้วถูกหมู่เมฆห่อหุ้มเอาไว้ในชั่วพริบตา

จนเมื่อเมฆสลายไป ร่างที่สร้างจากแสงสีฟ้า ก็ยืนอยู่ตรงนั้นอย่างเงียบๆ

สถานการณ์นี้ได้ถูกส่งไปยังทุกส่วนของพื้นที่พร้อมๆ กัน

เหล่ามนุษย์ล้วนโห่ร้องเรียกเขา เทพแห่งท้องทะเล และบรรดาเซียนส่วนใหญ่ต่างก็กล่าวว่า พวกเขารู้วิธี ‘เล่นสนุก’

เมื่อเห็นเช่นนี้ ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ก็ยังหรี่ตาลง ส่วนจ้าวกงหมิงยิ้มพลางลูบเคราของเขา ในขณะที่หวงหลงเจินเหรินมีท่าทีครุ่นคิด

ในเวลานั้น คนอื่น ๆ อีกมากมายเช่น กวงเฉิงจื่อ ฉือจิ้งจื่อ อวี้ติ่งเจินเหริน เทพธิดากุ่ยหลิง และเทพธิดาอู๋ตั้ง พวกเขาทั้งหมดเอาแต่แย้มยิ้มโดยไม่เอ่ยอะไรแม้สักคำ

พวกเขาล้วนเป็นผู้มากประสบการณ์และรอบรู้ จึงย่อมเป็นธรรมดาที่จะรู้ดีว่านี่เป็นเพียงกลอุบายที่ช่วยเพิ่มศรัทธาของมนุษย์ทั่วไปเท่านั้น

ทั้งที่ฉลาดแยบยล แต่ก็ไม่ได้ยอดเยี่ยมจนน่าทึ่งอะไรนัก

ทันใดนั้น ก็ได้ยินเสียง ‘ร่างเรืองแสง’ กล่าวว่า

“ร่างจำแลงของข้าอยู่ที่ใดกัน?”

บัดนั้น ที่ด้านหลังของแท่นสูง ตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ของหลี่ฉางโซ่วในรูปลักษณ์เหมือนเซียนชราก็บินขึ้นและร่อนลงที่ด้านหลัง ‘ร่างเรืองแสง’ พร้อมกับสะบัดแส้ของเขา และก้าวตรงไปรวมร่างกับร่างเรืองแสงผู้นี้

ทันใดนั้น ก็มีระลอกคลื่นหลายชั้นปรากฏขึ้นบนแท่นสูง แล้วแผ่กระจายออกไปไกล

ครั้นเมื่อแสงจางลง ระลอกคลื่นเหล่านั้นก็กระจายหายไป และพลังวิญญาณบริสุทธิ์ก็สลายไปพร้อมกับสายลม

พลังวิญญาณเหล่านี้ เมื่อมนุษย์ได้ดมกลิ่นครั้งหนึ่งก็สามารถเสริมสร้างร่างกายและรักษาโรคได้ เมื่อได้ดมกลิ่นสองครั้ง ก็ช่วยเสริมสร้างปราณและบำรุงความบกพร่อง และเมื่อได้กลิ่นสามครั้ง…

แค่กๆ มาพูดถึงเรื่องสำคัญกันเถิด

ในขณะนั้น ร่างตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ของหลี่ฉางโซ่วก็ยืนเคียงข้างกับอ๋าวอี่และรับพลังแห่งบุญและเครื่องสักการะที่รวมตัวกัน

หลี่ฉางโซ่วทุ่มเทความพยายามอย่างมากเพื่อสร้าง ‘กลอุบาย’ นี้ เพียงเพื่อจะไม่ “ทำลาย” จินตนาการของเหล่าสานุศิษย์ผู้ศรัทธาแห่งสำนักเทพทะเลให้สูญสลายไปเท่านั้น

หากตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ที่มักจะปรากฏกายขึ้นมาบ่อยครั้งจะยืนขึ้นและกล่าวตรงๆ ว่า เขาคือ เทพแห่งท้องทะเล แม้เหล่ามนุษย์จะเชื่อเขา แต่มันก็ย่อมจะสร้างความเสียหายและสูญเสียให้กับความเชื่อใจและความหวังส่วนหนึ่งของพวกเขาที่มีต่อเทพแห่งท้องทะเลอย่างแน่นอน

หลังจากนั้นสักพัก ก็มีแสงเซียนปรากฏขึ้นในทะเลทักษิณ เขาร่ายเวทสร้างภาพเงาขึ้นมา แล้วชี้ไปที่ร่างเซียนชราที่เป็นเพียงร่างจำแลงของเทพแห่งท้องทะเล…

มันเพิ่มช่วยเพิ่มแนวคิดของเทพแห่งท้องทะเลโดยตรงและทำให้เหล่าสานุศิษย์มีศรัทธาเหนียวแน่นมากขึ้น

นั่นเป็นวิธีสร้างบุญเครื่องสักการะ

จากนั้น อ๋าวอี่ก็โค้งคำนับและก้าวถอยหลังไปสองก้าว

หลี่ฉางโซ่วนั่งขัดสมาธิในอากาศและร่างของเขาก็ค่อย ๆ สูงขึ้นสิบฉื่อ เขาสวดหลักธรรมคำสอนของสำนักเทพทะเลและชี้แนะให้เหล่าผู้ศรัทธาของสำนักเทพทะเลควรทำงานหนักเพื่อสร้างความมั่งคั่ง เคารพผู้อาวุโสและรักเมตตาผู้เยาว์…

………………………………………………………………..

[1] ทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่ ในที่นี้คือ ทำให้เอิกเกริกมากไป