บทที่ 455 อาณาเขตเต๋ายกระดับ หนี่ว์วาทะยานสู่มหามรรค

ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ

บทที่ 455 อาณาเขตเต๋ายกระดับ หนี่ว์วาทะยานสู่มหามรรค

หลังจากทราบว่ามหาเคราะห์ใกล้จะปิดฉากลงแล้ว จิตใจของหานเจวี๋ยก็สงบมากขึ้น

ตอนนี้สิ่งเดียวที่เขาตั้งตารอคือให้อาณาเขตเต๋ายกระดับเสร็จสิ้นในเร็ววัน

เวลาผ่านไปหนึ่งปีแล้ว การยกระดับยังคงไม่มีทีท่าว่าจะเสร็จสิ้นเลย แต่ขอเพียงทำให้ค่ายกลอาณาเขตเต๋าพัฒนาถึงระดับอริยะได้ เช่นนั้นต่อให้ต้องรออีกนับร้อยปีแล้วอย่างไรเล่า

ไม่นานนักเกาะสำนักซ่อนเร้นก็กลับคืนสู่ความสงบสุขอีกครั้ง

แปดปีผ่านไป

[อาณาเขตเต๋ายกระดับ ค่ายกลยกระดับสู่ระดับอริยะมรรคาสวรรค์ ขอบเขตมิติภายในอาณาเขตเต๋าขยายใหญ่ขึ้น]

[ไอเซียนอาณาเขตเต๋าเพิ่มขึ้นสิบเท่า ปราณฟ้าประทานเพิ่มขึ้นห้าเท่า]

[อาณาเขตเต๋าสามารถปิดกั้นการสอดแนมจากพลังจิตระดับมหามรรคได้]

[สามารถทำการคัดลอกผู้ทรงพลังระดับครึ่งอริยะจากแบบจำลองการทดสอบมาเป็นองครักษ์ได้หนึ่งราย ผู้เป็นองครักษ์จะซื่อสัตย์ภักดีต่อท่าน ไม่สามารถออกจากอาณาเขตเต๋าเกินครึ่งชั่วยามได้ มิฉะนั้นจะละลายหายไปทันที]

ระดับอริยะมรรคาสวรรค์!

หานเจวี๋ยรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาทันที

ในที่สุดก็มาแล้ว!

ไม่ใช่แค่นี้เท่านั้น ยังสามารถปิดกั้นการสอดแนมจากระดับมหามรรคได้อีกด้วย!

มั่นคงปลอดภัยแล้ว!

ระดับที่ต่ำกว่ามรรคาสวรรค์ลงไป หานเจวี๋ยมั่นใจว่ารับมือได้

องครักษ์คนใหม่ สามารถเลือกผู้ทรงพลังระดับครึ่งอริยะได้!

หานเจวี๋ยถามเงียบๆ ‘ครึ่งอริยะในตำหนักเอกอนันต์ ผู้ใดแข็งแกร่งที่สุด’

ตำหนักเอกอนันต์มีผู้สดับมรรคมากมาย ส่วนใหญ่ล้วนไม่เคยข้องแวะติดต่อกับหานเจวี๋ยเลย ด้วยเหตุนี้หานเจวี๋ยจึงไม่เคยเห็นพวกเขาผ่านจดหมายมาก่อน

ในแบบจำลองการทดสอบ มีครึ่งอริยะอยู่สองสามคน ไม่ว่าจะสู้อย่างไรหานเจวี๋ยก็สู้ไม่ได้เลย ดังนั้นเขาจึงไม่อาจทราบอย่างชัดเจนว่าในหมู่พวกเขานั้นผู้ใดอ่อนแอผู้ใดแข็งแกร่ง

[จำเป็นต้องหักอายุขัยสองพันล้านปี จะดำเนินการต่อหรือไม่]

ดำเนินการต่อ!

เงาร่างคนผู้หนึ่งผุดขึ้นมาในสมองของหานเจวี๋ย ข้อความแถวหนึ่งปรากฏขึ้นตรงหน้าเขา

[สือตู๋เต้า: ระดับครึ่งอริยะขั้นสมบูรณ์ มหาจักรพรรดิไร้ขอบเขต ผู้สืบทอดมหามรรค]

หานเจวี๋ยจดจำคนผู้นี้ได้ เขาถือครองพลังวิเศษอันยิ่งใหญ่ที่พิสดารและน่าหวาดหวั่นอยู่อย่างหนึ่ง เมื่อพลังเวทของหานเจวี๋ยเข้าใกล้เขา พลังเวทนั้นก็พลันสลายหายไปทันที

ก่อนหน้านี้หานเจวี๋ยก็รู้สึกว่าสือตู๋เต้านั้นแข็งแกร่งมาก แต่ไม่นึกเลยว่าเขาจะแข็งแกร่งที่สุดในหมู่ครึ่งอริยะจริงๆ!

เท่ากับเป็นอันดับหนึ่งรองลงมาจากอริยะ!

หานเจวี๋ยเลือกคัดลอกสือตู๋เต้าเป็นองครักษ์

[เริ่มคัดลอกองครักษ์]

หานเจวี๋ยถอนหายใจด้วยความโล่งอก รู้สึกว่าอนาคตสดใสยิ่งนัก

อาณาเขตเต๋าของเขาได้กลายเป็นอาณาเขตเต๋าระดับอริยะแล้ว ต่อให้อริยะบุกมาโจมตี ก็ยังไม่แน่ว่าจะทำสำเร็จ อย่างน้อยก็พอถ่วงเวลาไปได้ระยะหนึ่ง

เขาไม่ต้องกังวลว่าจะถูกอริยะระดับมหามรรคสอดส่องอีกต่อไป

เมื่อเสริมด้วยสือตู๋เต้า หานเจวี๋ยก็สามารถถ่วงเวลาได้ครึ่งชั่วยาม โดยทำให้องครักษ์สือตู๋เต้ากลายเป็นอาวุธสังหารของตนเสีย

แค่คิดหานเจวี๋ยก็รู้สึกตื่นเต้นอย่างยิ่งแล้ว

และในเวลานี้เอง

[เจ้าแม่หนี่ว์วาต้องการเข้าฝันท่าน ยอมรับหรือไม่]

หืม?

หนี่ว์วาดับสูญไปแล้วมิใช่หรือ

หานเจวี๋ยตะลึงงัน

เล่นละครอีกแล้วหรือ

หานเจวี๋ยถามในใจ ‘หากข้ายอมรับคำขอเข้าฝันของหนี่ว์วา จะมีอันตรายหรือไม่’

[จำเป็นต้องหักอายุขัยสามหมื่นล้านปี จะดำเนินการต่อหรือไม่]

สามหมื่นล้านปีเช่นนั้นหรือ

นี่คือราคาของอริยะมรรคาสวรรค์อย่างแน่นอน!

จู่ๆ หานเจวี๋ยก็นึกถึงเหตุการณ์ในอดีตที่ไท่ซู่เทียนบังคับเข้าสู่ความฝันของสิงหงเสวียน นางเคยกล่าวว่าหนี่ว์วากำลังจะหลบหนีออกจากการเป็นอริยะมรรคาสวรรค์ และอยากให้หานเจวี๋ยเข้ารับช่วงต่อในตำแหน่งนั้นอริยะ

หรือว่า…

ดำเนินการต่อ!

หานเจวี๋ยกัดฟันเลือก

[อาณาเขตเต๋าสามารถปิดกั้นการสอดแนมจากพลังจิตระดับมหามรรคได้ ในความฝัน อริยะไม่สามารถสังหารท่านได้]

เหมาะเลย!

อาณาเขตเต๋ายกระดับทันเวลาพอดี

หานเจวี๋ยเลือกยอมรับการเข้าฝันของหนี่ว์วา

จากนั้น หานเจวี๋ยก็เข้าสู่แดนความฝัน

ที่แห่งนี้คือเขาเขียวชอุ่มชุ่มชื่น แม่น้ำสายน้อยไหลเอื่อย ระหว่างยอดเขาทั้งสองมีน้ำตกขนาดใหญ่ไหลลงมา ดูราวกับธารน้ำสีเงินสายหนึ่ง

เจ้าแม่หนี่ว์วายืนอยู่ริมแม่น้ำ นางเป็นเช่นเดียวกับในเทวตำนาน ร่างคนหางงู สวมชุดกระโปรงสีสดใส ท่วงท่างามสง่า บนดวงหน้างามสมบูรณ์แต้มรอยยิ้มอ่อนโยนไว้ นางกวักมือเรียกหานเจวี๋ย

หานเจวี๋ยใจลอยไปครู่หนึ่ง ไม่ได้ก้าวเข้าไปหา แต่ถามอย่างระแวดระวัง “ท่านผู้สูงศักดิ์คือ…”

เจ้าแม่หนี่ว์วาเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “หนี่ว์วา เคยได้ยินหรือไม่”

“อริยะ!”

หานเจวี๋ยตะลึงงัน รีบคารวะ

เจ้าแม่หนี่ว์วาจ้องมองหานเจวี๋ย เอ่ยยิ้มๆ “หานเจวี๋ย คิดจะเข้าฝันเจ้าช่างยากเย็นโดยแท้”

หานเจวี๋ยถามด้วยท่าทีแปลกใจ “ก่อนหน้านี้ท่านก็ต้องการเข้าฝันข้าหรือ เหตุใดข้าเพิ่งรับรู้ได้เล่า หรือสาเหตุจะมาจากการที่ข้าอยู่ในแดนต้องห้ามอันธการ”

เจ้าแม่หนี่ว์วากล่าวด้วยสีหน้าคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม “อาจจะใช่กระมัง แต่ไม่สำคัญหรอก ไม่นานมานี้ได้ยินข่าวที่ข้าดับสูญหรือไม่”

หานเจวี๋ยตอบไปตามจริง “เคยได้ยินอริยะกล่าวถึง”

เจ้าแม่หนี่ว์วาเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “พวกเขาทนรอไม่ไหวแล้วสินะ”

ในหัวของหานเจวี๋ยเต็มไปด้วยความคิดต่างๆ นานา

นี่เป็นแผนการของเหล่าอริยะหรือว่าหนี่ว์วากำลังหลอกเหล่าอริยะอยู่กันแน่

“ข้าก้าวข้ามมรรคาสวรรค์ เข้าสู่ระดับมหามรรคนานแล้ว ทว่าเสาะหาผู้รับช่วงต่อมาโดยตลอด หวังว่าจะมีผู้เมตตาใจอารีมารับสืบทอดตำแหน่งอริยะมรรคาสวรรค์ของข้า ในมหาเคราะห์ครานี้ ความทะเยอะทะยานของเหล่าอริยชนเปิดเผยออกมาอย่างเต็มที่ ข้าจึงฉวยโอกาสนี้หนีออกจากกระดานหมากแห่งมรรคาสวรรค์ อริยะท่านอื่นต่างคิดว่าข้าดับสูญไปแล้วจริงๆ ความจริงแล้วมิใช่เลย เรื่องนี้เจ้าก็อย่าแพร่งพรายออกไปเล่า” เจ้าแม่หนี่ว์วายิ้มน้อยๆ ขณะที่เอ่ย

หานเจวี๋ยกล่าวอย่างระมัดระวัง “หากข้าไม่พูด เหล่าอริยชนก็จะไม่รู้อย่างนั้นหรือ”

หนี่ว์วาตอบด้วยรอยยิ้ม “มรรคาสวรรค์ไร้วิถีแห่งข้าแล้ว เหล่าอริยชนหยิ่งผยอง เชื่อมั่นเพียงตนเอง ใต้หล้านี้ไม่ทราบว่ามีสรรพสิ่งมากมายเพียงใดที่เชื่อว่าข้ายังมีชีวิตอยู่ อริยะจะเชื่อทั้งหมดได้หรือ”

นั่นก็ถูก…

ช่องว่างระหว่างระดับส่งผลให้ความเข้าใจแตกต่างกันออกไป

หานเจวี๋ยสูดหายใจลึกๆ เฮือกหนึ่ง เอ่ยวาจา “ท่านต้องการให้ข้าเป็นอริยะมรรคาสวรรค์เช่นนั้นหรือ ข้าไม่มีความสามารถถึงเพียงนั้น ขอบคุณความหวังดีของเจ้าแม่!”

ทำไมหลายต่อหลายคนก็อยากให้เขาเป็นอริยะกันนักนะ

“อริยะอย่างฉิวซีไหลและหลี่มู่อีมาหาเจ้า เพียงเพราะอยากดึงเจ้าเข้าเป็นพวก สนับสนุนให้เป็นหุ่นเชิดของอริยะ ข้าไม่เห็นด้วย ข้าก้าวข้ามมรรคาสวรรค์ไปแล้ว ต่อให้เจ้ากลายเป็นอริยะมรรคาสวรรค์ ก็ไม่มีประโยชน์อันใดต่อข้า ข้าเพียงต้องการทิ้งหนทางรอดสายหนึ่งไว้ให้มรรคาสวรรค์ที่บรรพชนเต๋าเป็นผู้ก่อตั้งขึ้น ในมหาเคราะห์ครานี้ เหล่าอริยชนเปิดศึกแย่งชิงไม่หยุดหย่อน จุดประสงค์ที่แท้จริงของการเล่นละครคือต้องการทำลายดวงชะตามรรคาสวรรค์ของบรรพชนเต๋า ปลดเปลื้องข้อผูกมัดของบรรพชนเต๋า”

“เผ่ามนุษย์คือตัวเอกมรรคาสวรรค์ที่บรรพชนเต๋ากำหนดไว้ แต่ถูกพวกเขาโค่นล้ม เพื่อผลประโยชน์ของตนแล้ว พวกเขาอาจจะกระทำเรื่องที่ต่ำช้ายิ่งกว่านี้ก็เป็นได้ ข้าจำเป็นต้องคัดเลือกผู้มีจิตเมตตาปรานีสักคนมาดำรงตำแหน่งนี้ นั่นก็คือเจ้า”

“ข้าเฝ้ามองเจ้ามาเนิ่นนานยิ่งนัก ถึงแม้บ่วงกรรมของเจ้าจะน้อยนิด แต่เจ้าก็ทุ่มเทกำลังทั้งหมดเพื่อปกป้องผู้คนรอบกายเจ้าเสมอมา สำนักศักดิ์สิทธิ์หยกพิสุทธิ์ในแดนมนุษย์มิได้มีส่วนช่วยเหลือเจ้ามากนัก แต่เจ้าก็ทดแทนคุณเสมอมา กับจักรพรรดิสวรรค์ก็เป็นเช่นนี้ ถึงจะไม่ทราบว่าเจ้าใช้วิธีการเช่นใด แต่ชะตากรรมของจักรพรรดิสวรรค์เปลี่ยนแปลงไปเพราะเจ้า ในจุดนี้อริยะมรรคาสวรรค์ท่านอื่นล้วนไม่สังเกตเห็น”

หานเจวี๋ยฟังคำพูดของเจ้าแม่หนี่ว์วาแล้วพลันรู้สึกหนาวสะท้านอยู่ในใจ

มองทะลุปรุโปร่งเช่นนี้เลยหรือ

ปรมาจารย์ลัญจกรสรวงก็สัมผัสได้ว่าหานเจวี๋ยกำลังเปลี่ยนแปลงชะตากรรม นี่ก็คือผู้ที่ก้าวข้ามเหนือมรรคาสวรรค์ไปแล้วอย่างนั้นหรือ

หานเจวี๋ยเอ่ยด้วยรอยยิ้มขมขื่น “ข้าหวาดกลัวปัญหาวุ่นวายจริงๆ อยากฝึกฝนบำเพ็ญเท่านั้น ไม่อยากต่อสู้กับอริยะ เอาเช่นนี้เถิด ข้าจะคัดเลือกผู้ที่เหมาะสมกับความต้องการของท่านจากในบรรดาศิษย์ของข้าแล้วให้ขึ้นเป็นอริยะ”

เจ้าแม่หนี่ว์วาถามด้วยรอยยิ้ม “หานเจวี๋ย เจ้าคิดว่าอริยะเป็นการละเล่นของเด็กน้อยเช่นนั้นหรือ”

หานเจวี๋ยเงียบไป

แต่เขาไม่กล้ารับตำแหน่งอริยะมรรคาสวรรค์จริงๆ

“แล้วไปเถิด หากต้องการเป็นอริยะ ต้องบรรลุตบะระดับครึ่งอริยะให้ได้เสียก่อน ซ้ำยังต้องใช้ปราณม่วงอนธการด้วย มรรคาสวรรค์มีปราณม่วงอนธการเก้าสาย ปราณม่วงอนธการของข้าหลงเหลืออยู่ในที่ใดสักแห่ง คาดว่าเหล่าอริยชนก็ยังคงตามหาอยู่ รอจนถึงโอกาสที่เหมาะสมแล้ว ข้าจะถ่ายทอดให้เจ้า”

วาจาของเจ้าแม่หนี่ว์วาทำให้หานเจวี๋ยรู้สึกโล่งอก

[เจ้าแม่หนี่ว์วาเกิดความประทับใจในตัวท่าน ระดับความประทับใจในขณะนี้คือ 2 ดาว]

………………………………………………………………