บทที่ 454 อริยะดับสูญ ไล่ล่าเจ้าแดนต้องห้ามอันธการ

ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ

บทที่ 454 อริยะดับสูญ ไล่ล่าเจ้าแดนต้องห้ามอันธการ

ล้างบางเหล่าอริยะ!

เหล่าเทพเซียนพลันแตกตื่น พวกเขาคิดมาโดยตลอดว่าอริยะล้วนเล่นละครกันอยู่ ไม่นึกเลยว่าจะมีเจตนาเข่นฆ่ากันจริงๆ

ยอดแม่ทัพเทพขมวดคิ้วถาม “จริงหรือ อาจเป็นเพียงการข่มขวัญกระมัง”

ฟางเหลียงเอ่ยเสียงขรึม “เมื่อสมบัติชิ้นนี้ถูกเซ่นสรวง โลกาสิ้นสำเนียง จะเกิดผลสะท้อนกลับเข้าหาตัวอริยะ ย่อมมิใช่เพียงการข่มขวัญแน่นอน”

พระราชวังเทียมเมฆาตกอยู่ในความเงียบงัน

หากว่าเทพสูงสุดหนานจี๋และเจ้านิกายเทียนเจวี๋ยเป็นผู้ใช้สมบัตินี้ก็ดีไป แต่ถ้าหากผู้ถือครองสมบัติชิ้นนี้คือฝูซีเทียนและเจ้าแม่หนี่ว์วา เช่นนั้นวังสวรรค์ก็จบสิ้นแล้ว!

ความสิ้นหวังเริ่มแพร่กระจายไปทั่ว เทพเซียนทุกคนล้วนรู้สึกไม่สบายใจ

….

หลังเสร็จสิ้นการแสดงธรรมในครั้งก่อน เวลาก็ผ่านพ้นไปอีกยี่สิบปี

ภายในถ้ำเทวาฟ้าประทาน หานเจวี๋ยกำลังฝึกบำเพ็ญ

[ตรวจสอบพบว่าเจ้านิกายเทียนเจวี๋ยอริยะมรรคาสวรรค์กำลังใช้งานยอดสมบัติมรรคาสวรรค์อำมหิต เร่งปฏิกิริยามหาเคราะห์ ท่านมีตัวเลือกดังต่อไปนี้]

[หนึ่ง เข้าสู่เคราะห์นที ขัดขวางเจ้านิกายเทียนเจวี๋ย จะได้รับโอกาสยกระดับระบบหนึ่งครั้ง]

[สอง เก็บตัวบำเพ็ญ หลีกห่างการต่อสู้แย่งชิงในมหาเคราะห์ จะได้รับโอกาสยกระดับอาณาเขตเต๋าหนึ่งครั้ง]

นี่คือสิ่งใดกัน

ช่างเถอะ ไม่สำคัญหรอก!

หานเจวี๋ยเลือกตัวเลือกที่สองทันที

[เริ่มยกระดับอาณาเขตเต๋า]

หานเจวี๋ยเบิกบานใจยิ่งนัก หลังจากอาณาเขตเต๋ายกระดับ เขาก็จะปลอดภัยยิ่งขึ้น

ครั้งนี้ ค่ายกลอาณาเขตเต๋าก็คงจะยกระดับขึ้นไปถึงระดับอริยะแล้วกระมัง

คราวนี้ หากอริยะต้องการจะบุกเข้ามาก็ทำไม่ได้แล้ว เขาก็จะฝึกบำเพ็ญได้อย่างสบายใจเสียที

การยกระดับอาณาเขตเต๋าต้องใช้เวลา หานเจวี๋ยก็ไม่ได้รออยู่ว่างๆ บำเพ็ญต่อไป

เข้าสู่ปีที่สอง

ขณะที่กำลังบำเพ็ญอยู่นั้นจู่ๆ หานเจวี๋ยก็ลืมตาขึ้น ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด จิตใจเขาไม่สงบเอาเสียเลย รู้สึกหดหู่อย่างน่าประหลาด

เขาสังเกตเห็นว่าเหล่าศิษย์สำนักซ่อนเร้นที่อยู่นอกถ้ำก็เป็นแบบนี้เช่นกัน

“เกิดอะไรขึ้น ข้ารู้สึกหดหู่เหลือเกิน”

“พวกเจ้าก็เหมือนกันหรือ”

“ความรู้สึกเช่นนี้…แดนเซียนเกิดเรื่องใหญ่ขึ้นแล้ว! พูดให้ชัดเจนคือมรรคาสวรรค์เกิดเรื่องใหญ่ขึ้นแล้ว”

“จะมีเภทภัยมากล้ำกรายพวกเราอีกหรือไม่”

“ไม่อาจรู้ได้ เจ้าสำนักยังไม่ออกมาเลย เจ้าจะกลัวอะไร”

….

เมื่อได้ยินบทสนทนาจากด้านนอก หานเจวี๋ยก็ขมวดคิ้ว ไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น

ขณะที่กำลังจะใช้ระบบวิวัฒนาการ จู่ๆ เกาะสำนักซ่อนเร้นก็สั่นสะเทือนอย่างรุนแรง รุนแรงยิ่งกว่าการโจมตีจากสิ่งอัปมงคลเช่นทุกครั้งที่ผ่านมา

คลื่นทะเลริมเกาะซัดโถมอย่างบ้าคลั่ง บรรพตโยกคลอน เศษหินนับไม่ถ้วนร่วงกราวลงมา

ม่านตาหานเจวี๋ยพลันหดตัว พลังเวทมหาศาลครอบคลุมอาณาเขตเต๋าเอาไว้ ควบคุมทุกสิ่งให้มั่นคง

เขาสัมผัสได้อย่างชัดเจนว่ามีแรงโจมตีอันน่าพรั่นพรึงกวาดม้วนผ่านเกาะสำนักซ่อนเร้น ม้วนพาเกาะสำนักซ่อนเร้นไปยังทิศทางที่ไม่รู้จัก

[ฉิวซีไหลต้องการเข้าฝันท่าน จะยอมรับหรือไม่]

หานเจวี๋ยเมินเฉยไปตรงๆ เกาะสำนักซ่อนเร้นกำลังมีปัญหา เขาตอบรับการเข้าฝันไม่ได้

ข้อความเริ่มส่งมาอย่างถี่รัว

หานเจวี๋ยลอบสบถ

คนผู้นี้ทำตัวมีปัญหาเสียจริง เซ้าซี้เช่นนี้ใช่บุคลิกของผู้ที่เป็นอริยบุคคลเสียที่ไหน

หานเจวี๋ยถามในใจ ‘เป็นสิ่งใดที่กำลังโจมตีเกาะสำนักซ่อนเร้นอยู่’

[จำเป็นต้องหักอายุขัยสี่พันล้านปี จะดำเนินการต่อหรือไม่]

ดำเนินการต่อ!

ราคาระดับนี้…

อริยะเป็นแน่!

[เจ้าแม่หนี่ว์วาดับสูญ พลังทำลายล้างที่เกิดจากการระเบิดของอริยะมรรคาสวรรค์กวาดม้วนเข้าใส่เกาะสำนักซ่อนเร้น]

เจ้าแม่หนี่ว์วาดับสูญ?

หานเจวี๋ยเบิกตากว้าง สูดหายใจเฮือกหนึ่งด้วยความตกตะลึง

มีอริยะดับสูญจริงๆ

ที่สำคัญคือเจ้าแม่หนี่ว์วา…

อาจเป็นเพราะมีส่วนมาจากเทวตำนานของจีน หานเจวี๋ยจึงรู้สึกอยู่เสมอว่าเจ้าแม่หนี่ว์วาสูงส่งกว่าอริยะมรรคาสวรรค์คนอื่นอยู่หนึ่งขั้น ไม่คิดเลยว่านางจะพลาดท่าเป็นรายแรก

อริยะดับสูญ มหาเคราะห์ก็ควรจะสิ้นสุดลงได้แล้วกระมัง

เวลาผ่านไปราวครึ่งชั่วยาม ในที่สุดเกาะสำนักซ่อนเร้นก็หยุดนิ่ง

ฉิวซีไหลยังคงรัวคำขอเข้าฝันมาอย่างต่อเนื่อง

หานเจวี๋ยตรวจสอบรอบข้างดูเล็กน้อย หลังจากแน่ใจแล้วว่าไม่มีศัตรูผู้ทรงพลัง ถึงได้ยอมรับคำขอเข้าฝันของฉิวซีไหล

ยังคงอยู่ในโถงใหญ่แห่งนั้น ฉิวซีไหลยังคงอยู่ในรูปลักษณ์ของพระพุทธรูปทองใหญ่ยักษ์ที่ดูสูงส่งทรงบารมี

หานเจวี๋ยไม่ได้นำหยินหยางพิทักษ์ตะวันจันทราออกมาใช้ ถึงอย่างไรสิ่งนี้ก็เป็นยอดสมบัติมรรคาสวรรค์ มียอดสมบัติเลิศล้ำไร้พ่ายเพิ่มขึ้นมาหนึ่งชิ้น ย่อมดึงดูดให้อริยะเกิดความสงสัยได้

“หนี่ว์วาดับสูญแล้ว ตำแหน่งเก้าอริยะมรรคาสวรรค์หายไปหนึ่งที่ หลังมหาเคราะห์ครั้งนี้สิ้นสุดลง สรรพสิ่งสามารถแข่งขันชิงตำแหน่งอริยะได้ เจ้าเตรียมตัวเสียแต่เนิ่นๆ เถิด” ฉิวซีไหลกล่าว

เป็นอริยะมรรคาสวรรค์หรือ

ข้าไม่สนใจหรอก!

หานเจวี๋ยแสร้งเอ่ยถามอย่างตื่นตระหนก “อริยะก็ดับสูญได้หรือ”

ฉิวซีไหลกล่าวตอบ “ภายใต้บารมีของมรรคาสวรรค์ อริยะมิอาจสิ้น ทว่าท่ามกลางมหาเคราะห์ กลไกสวรรค์ถูกแรงกรรมขวางกั้น ดวงชะตาอริยะเสื่อมถอย มีโอกาสดับสูญ เจ้านิกายเทียนเจวี๋ยแห่งนิกายเจี๋ยใช้ยอดสมบัติมรรคาสวรรค์อำมหิตสังหารหนี่ว์วา ฝูซีเทียนก็ได้รับบาดเจ็บสาหัสเช่นกัน นับว่าถอนตัวออกจากมหาเคราะห์ครั้งนี้ไปก่อนแล้ว”

เจ้านิกายเทียนเจวี๋ย…

หานเจวี๋ยอดไม่ได้ที่จะนึกถึงเจ้านิกายทงเทียนในเรื่องห้องสิน เจ้านิกายทงเทียนก็เป็นเจ้านิกายเจี๋ยเช่นกัน และก็ถูกบีบคั้นจนต้องสำแดงค่ายกลกระบี่สังหารเซียนเตรียมสังหารเหล่าเทพ

อริยะแห่งนิกายเจี๋ยช่างร้ายกาจยิ่งนัก!

หรือนี่จะเป็นสิ่งที่ถ่ายทอดสืบต่อกันมา

หานเจวี๋ยซักถาม “กล่าวเช่นนี้คือมหาเคราะห์ใกล้จะสิ้นสุดลงแล้วใช่หรือไม่”

ฉิวซีไหลกล่าวตอบ “อืม หลังจากจำนวนสิ่งมีชีวิตลดลงตามที่มรรคาสวรรค์กำหนดแล้ว อริยชนจะร่วมมือกันปัดเป่าแรงกรรมแห่งฟ้าดิน คืนความสงบสุขสดใสให้แก่โลกาแห่งมรรคาสวรรค์”

หานเจวี๋ยเงียบลง กล่าวเช่นนี้คือ หลังจากนี้ยังมีการสังหารล้างบางฉากใหญ่รออยู่

หนี่ว์วาดับสูญ ฝูซีเทียนพ่ายแพ้ล่าถอย เผ่ามนุษย์เองก็นับว่าจบสิ้นแล้ว

อารมณ์ของหานเจวี๋ยไม่สู้ดีอยู่บ้าง ถึงอย่างไรเขาก็เป็นมนุษย์คนหนึ่ง ถึงแม้จะไม่มีความผูกพันเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับเผ่าพันธุ์มนุษย์ของโลกนี้ แต่ก็มักจะรู้สึกสลดใจในชะตากรรมของเพื่อนร่วมเผ่าพันธุ์อยู่เสมอ

“หลังมหาเคราะห์สิ้นสุดก็กลับสู่แดนเซียนเถิด แดนต้องห้ามอันธการกำลังเกิดความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ภายหน้าจะอันตรายอย่างยิ่ง ระดับที่ต่ำกว่าอริยะลงไป ทุกสรรพสิ่งทำได้เพียงพึ่งพาการปกปักษ์จากมรรคาสวรรค์เพื่อหลบเลี่ยงเภทภัยอันตรายจากแดนต้องห้ามอันธการ”

หานเจวี๋ยพยักหน้ารับ

อริยะมรรคาสวรรค์น่าจะไม่ทราบถึงแผนการของอริยะมหามรรค

หานเจวี๋ยเองก็ไม่ได้พูดถึงเรื่องความปั่นป่วนในแดนต้องห้ามอันธการที่มีสาเหตุมาจากอริยะมหามรรคออกไป พูดไปก็เปล่าประโยชน์ ซ้ำยังเสี่ยงล่วงเกินอริยะมหามรรคได้ง่ายๆ อีกด้วย

อริยะมหามรรคนั้นน่าหวาดกลัวเป็นที่สุด ภูตผีเท่านั้นที่รู้ว่าอริยะมหามรรคเป็นตัวตนเช่นใด

หานเจวี๋ยถามต่อ “จุดจบของจักรพรรดิสวรรค์จะเป็นอย่างไร”

ฉิวซีไหลตอบ “เขามิใช่สิ่งมีชีวิตใต้ร่มเงามรรคาสวรรค์แล้ว หากต้องการปกป้องเขา ก็ทำได้เพียงขับไล่ให้เขาออกห่างจากมรรคาสวรรค์ ส่วนเขาจะรอดชีวิตไปได้หรือไม่นั้น ก็ขึ้นอยู่กับชะตาของเขาเอง”

หานเจวี๋ยเงียบลง

บางทีนี่อาจจะเป็นจุดจบที่ดีที่สุดแล้ว

หลังจากมหาเคราะห์สิ้นสุดลงค่อยถามจักรรพรดิสวรรค์ว่ายินดีจะติดตามตนหรือไม่

“เจ้ารู้จักเจ้าแดนต้องห้ามอันธการหรือไม่” จู่ๆ ฉิวซีไหลก็ถามขึ้น

หานเจวี๋ยตอบ “เคยได้ยินมาบ้าง”

ฉิวซีไหลเอ่ยว่า “หลังมหาเคราะห์สิ้นสุดลง อริยชนจะคิดวิธีควานหาตัวเจ้าแดนต้องห้ามอันธการออกมา หากข้างกายเจ้ามีผู้ที่ต้องการติดตามเจ้าแดนต้องห้ามอันธการ ตัดขาดไปเสียจะดีที่สุด มีความเป็นไปได้สูงที่เจ้าแดนต้องห้ามอันธการจะมิใช่อริยะมหามรรค แต่เป็นตัวตนชั่วร้ายที่อยู่นอกเหนือไปจากมรรคาสวรรค์ คอยยุ่มย่ามกับแนวทางวิวัฒนาการของมรรคาสวรรค์อยู่ตลอด หากมิใช่เพราะเขา มหาเคราะห์ก็ไม่มีทางดึงดูดให้อริยะลงมือได้ และไม่มีทางที่มหาเคราะห์จะจบลงรวดเร็วเช่นนี้”

หานเจวี๋ยตกตะลึง เอ่ยถามด้วยความตระหนก “ตัวตนชั่วร้ายที่อยู่นอกเหนือมรรคาสวรรค์ หมายความเจ้าแดนต้องห้ามอันธการจะเป็นภัยคุกคามต่อสรรพสิ่งอย่างนั้นหรือ”

“มิผิด แต่เจ้าวางใจเถอะ อริยะย่อมจัดการได้”

“ซวยซ้ำซวยซ้อนโดยแท้”

หานเจวี๋ยเอ่ยอย่างปลดปลง แสดงได้เป็นธรรมชาติยิ่ง

ฉิวซีไหลก็ไม่พูดมากอีก สลายฉากความฝันลง

หลังกลับสู่ถ้ำเทวาฟ้าประทาน เรื่องแรกที่หานเจวี๋ยทำคือสอบถามว่ามีอริยะมรรคาสวรรค์ฉุกสงสัยบ้างหรือไม่ว่าเขาคือเจ้าแดนต้องห้ามอันธการ

จ่ายอายุขัยไปสี่พันล้านปี ก็ได้รับคำตอบกลับมาว่า [ไม่มี]

หานเจวี๋ยสบายใจขึ้นมาแล้ว

ขอเพียงความสงสัยไม่เพ่งเล็งมาที่เขา ก็ปล่อยให้เหล่าอริยะต่อกรกับเจ้าแดนต้องห้ามอันธการไปเถอะ

………………………………………………………………