บทที่ 496 ภาพวาดโป๊เปลือย

หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป

บทที่ 496 ภาพวาดโป๊เปลือย

เข้าเขตทะเลทรายเป็นเวลาสามวัน และระหว่างทาง สามารถพบเห็นศพได้เรื่อยๆ ส่วนใหญ่เสียชีวิตด้วยดาบ และมีเพียงส่วนน้อยที่เสียชีวิตด้วยยาพิษหรือเสียชีวิตแบบปกติ และคนส่วนใหญ่ที่เสียชีวิตเป็นคนในยุทธภพทั้งนั้น

ทะเลทรายอันกว้างใหญ่ ที่เต็มไปด้วยทรายสีเหลือง มีบางสิ่งผ่านสายตา เป็นเนินทรายที่ก่อขึ้นแต่ละชั้น เป็นทรายสีเหลืองที่ก่อตัวกองรวมกัน มองจากระยะไกล ดูเหมือนจะไม่มีที่สิ้นสุด

ยิ่งไปกว่านั้นเมื่ออยู่ในทะเลทราย คลื่นความร้อนได้พัดสู่คน เหมือนกับเปลวไฟที่ลุกโชน ร้อนมาก ทุกคนในกลุ่มต้องเผชิญภายใต้ความร้อน เต็มไปด้วยเหงื่อท่วมตัว

หลานเยาเยาเดินนำหน้ากลุ่ม ดูศพตรงหน้าที่ตายมาแล้วไม่เกินสองวัน ดวงตาหม่นหมองเล็กน้อย

นางมองไปที่มือของตัวเอง มือที่ขาวเรียวยาวงดงาม แต่ตอนนี้เปื้อนไปด้วยเลือด

พวกเขาไม่สมควรตาย

เพียงเพราะยาฉางตาน แต่ยาฉางตานนั้นตัวเองเป็นคนพูดขึ้นมา… …

นางคือตัวการความชั่วร้าย!

แต่ไม่มีทางเลือก ราชครูเทียนเวิงคนนี้เก็บไว้ไม่ได้ ถ้าเขายังมีชีวิตอยู่ ปฐพีนี้จะวุ่นวาย และแผ่นดินใหญ่นี้จะตกอยู่ในอันตราย

ทะเลทรายไม่เหมาะสำหรับขับรถม้า รถม้าทั้งสองคันของฮ่องเต้ถูกทิ้งไปตั้งนาน และตอนนี้ฮ่องเต้และพระราชธิดาจาวหยางขี่อยู่บนม้า

พูดตามตรง สิ่งที่เหมาะสมที่สุดในทะเลทรายคืออูฐ

น่าเสียดาย… …

ในหมู่บ้านฝันฮั๋วไม่มีอูฐซักตัว

ทางด้านซ้ายและขวาของหลานเยาเยา คนหนึ่งคือยู่หลิวซูผู้อ่อนโยน และอีกคนคือเย่หลี่เฉินสวมชุดองค์ชายที่สง่างามอย่างไรก็ตาม ทุกคนใช้ผ้าคลุมหน้า เผยให้เห็นเพียงดวงตาคู่หนึ่งเท่านั้น

เพราะ อุณหภูมิที่นี่สูง และง่ายที่จะทำให้ผิวหนังไหม้ ดังนั้นการปกปิดเช่นนี้จึงถือได้ว่าเป็นวิธีการป้องกัน

เมื่อมองไปข้างหน้าทะเลทรายไม่มีที่สิ้นสุด หลานเยาเยาก็ขมวดคิ้ว

จากนั้นนางก็ยื่นมือออกมา และพูดอย่างแผ่วเบา “แผนที่!”

ทันทีที่สิ้นเสียง แผนที่สองฉบับก็ถูกส่งให้นางทันที นางเหลือบมองไปที่เย่หลี่เฉิน จากนั้นมองไปที่ยู่หลิวซู เอื้อมมือไปหยิบแผนที่ในมือของยู่หลิวซู

แต่ในขณะนี้ มีคนหนึ่งถือหนังแกะม้วนเก่าๆยื่นให้นาง

หลานเยาเยายกคิ้วและมองดู

คือส้งเย่นกุย!

เขามองนางด้วยความจริงใจ “เทพธิดา ลองดูหนังแกะม้วนนี่สิ! นี่คือแผนที่ภูมิประเทศทะเลทรายที่พระคุณเจ้าหยวนซูเป็นคนมอบให้ข้า ข้าคิดว่ามันสามารถใช้ในทะเลทรายนี้ได้”

เย่หลี่เฉินคัดค้านทันที

“เทพธิดาไม่ได้ ส้งเย่นกุยเป็นเพียงชาวบ้านคนหนึ่งในหมู่บ้านฝันฮั๋ว ไม่เคยไปทะเลทราย พระคุณเจ้าหยวนซูที่เขากล่าวถึงไม่รู้มีตัวตนหรือไม่ พวกข้าก็ไม่รู้ และไม่ควรเชื่อใจเขาง่ายๆ”

ฮึ!

สองสามวันมานี้ในหมู่บ้านฝันอั๋วลือกันว่า ส้งเย่นกุยและหลานเยาเยาสนิทกันมาก เพียงเพราะได้รับมอบหมายจากพระคุณเจ้า เขาก็ยอมไปเสี่ยงชีวิตในทะเลทรายกับหลานเยาเยา รู้สึกมันเป็นเรื่องเหลือเชื่อถือมาก

เย่หลี่เฉินไม่อยากเชื่อจริงๆ

ส้งเย่นกุยต้องมีแผนในใจลึกๆ ได้ยินจอมยุทธ์ในยุทธภพพูดเรื่องเกี่ยวกับยาฉางตาน ก็ติดตามหลานเยาเยา เพียงเพื่อยาฉางตาน

ยู่หลิวซูที่อยู่ข้างๆไม่พูด

มองไปที่ส้งเย่นกุยอย่างเงียบๆ มีความสงสัยปรากฏขึ้นในดวงตาของเขาโดยไม่รู้ตัว

ส้งเย่นกุยผู้นี้มองดูคนเหมือนคนอัธยาศัยดี แต่ลึกๆมีความหยิ่งผยองในตัวเอง

ตอนอยู่ในหมู่บ้านฝันฮั๋ว เขาก็ยอมรับคนๆนี้เหมือนกัน

แต่ว่าตั้งแต่เข้ามาในทะเลทราย พฤติกรรมของเขาก็ดูแปลกไปเล็กน้อย เช่น กลุ่มคนผู้ยิ่งใหญ่ทุกคน ต่างปกปิดด้วยผ้า เพื่อต้านทานผิวไหม้ แต่เขากลับเป็นอะไร ไม่ได้ปิดผ้า และไม่ค่อยดื่มน้ำ แต่ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น ผิวหนังก็ยังเหมือนกับตอนที่อยู่ในหมู่บ้านฝันฮั๋ว

และตอนนี้ จู่ๆเขาก็หยิบหนังแกะม้วนออกมา และยังบอกว่าพระคุณเจ้าหยวนซูเป็นคนมอบให้เขา

ไม่เพียงแต่องค์ชายรัชทายาทจะทรงสงสัย แม้แต่ตัวเองยังสงสัย

ยังสนิทสนมกับเจ้าสำนัก อยากเป็นสามีเจ้าสำนักหรือเปล่า?

หลานเยาเยายิ้มจางๆ ด้วยสีหน้านิ่ง และขยับริมฝีปากเล็กน้อย “ดูหน่อยก็ไม่เสียหาย”

รับหนังแกะม้วนที่ส้งเย่นกุยยื่นให้ แกะออก (มีเส้นประปรากฏขึ้นที่ด้านบนของหน้าผาก)

นี่คืออะไร?

ภูเขาสีเขียวและธารน้ำสีเขียว ทิวทัศน์ภูเขาสูง เป็นภาพทิวทัศน์ที่สวยงามและรุ่งเรืองที่สุด และสิ่งที่พิเศษที่สุดคือ มีรูปปั้นทารกยักษ์เหมือนทำมาจากดินโคลนสีเหลืองกำลังนอนหลับ

นางมองไปที่ส้งเย่นกุยด้วยความสงสัย เลิกคิ้วเล็กน้อย แล้วถามเขาอย่างเงียบๆว่ามันคืออะไร?

ส้งเย่นกุยนี่กำลังล้อเล่นเหรอ… …

บอกว่าเป็นแผนที่ภูมิประเทศทะเลทราย แต่สิ่งที่ให้นางคือภาพวาดทิวทัศน์?

และส้งเย่นกุยก็ผงะ มองไปที่หลานเยาเยา ลูบหัวด้วยความอาย และพูดด้วยความเกรงใจ

“มันมีความลึกลับอยู่ข้างใน มีความลึกลับอยู่ข้างใน นำไปชุบน้ำ แผนที่ภูมิประเทศก็จะออกมา” พระคุณเจ้าหยวนซูพูดเช่นนี้

ไม่รู้ว่าจะทำให้เสียหายหรือเปล่า?

หลานเยาเยาประหลาดใจเล็กน้อย แต่ก็มีความอยากรู้อยากเห็นครอบงำในใจ แต่น้ำเหมือนท่อน้ำเลี้ยง โดยเฉพาะอยู่ในทะเลทราย น้ำก็เหมือนชีวิต

อีกอย่าง!

ระบบการรักษาโรคภัยไข้เจ็บของนางไม่รู้เกิดขัดข้องอะไร หลังจากที่ปิดไปแล้ว เดิมมีกำหนดจะทำงานได้ตามปกติในสองหรือสามวัน แต่ตอนนี้ผ่านมาห้าหรือหกวันแล้ว ยังไม่มีสัญญาณว่าจะเปิดใช้งานได้

ดังนั้น นางต้องประหยัดน้ำ

โชคดีที่พกยาน้ำติดตัวมาด้วย คาดว่าน่าจะสามารถแสดงแผนที่ภูมิประเทศออกมาได้

หลังจากพ่นน้ำยาลงในหนังแกะม้วน ภาพวาดทิวทัศน์ที่รุ่งเรืองสวยงามค่อยๆจางหายไป และในที่สุดหนังแกะม้วนก็เหลือเพียงแผ่นดินสีโคลน

ประมาณว่าน่าจะเกิดจากปัญหาของน้ำยา และใช้เวลาสักพักกว่าหนังแกะม้วนค่อยๆแสดงเป็นลายเส้นออกมา

อย่างไรก็ตาม!

ในภาพที่แสดงเป็นเส้นๆ หลานเยาเยาเห็นแล้วสีหน้าขรึมขึ้นเรื่อยๆ เมื่อรอจนเห็นเป็นภาพวาดเส้นลายธรรมดาและเป็นภาพวาดที่โป๊เปลือยปรากฏต่อหน้านาง สีหน้านางเคร่งขรึมมาก

แน่ใจหรือว่านี่ไม่ใช่เรื่องล้อเล่น?

นางขบฟัน มีความรู้สึกอยากชกคน

เย่หลี่เฉินและยู่หลิวซูก็เห็น พวกเขารู้สึกอายมาก จากนั้นพวกเขาก็กำหมัดไว้แน่นและเดินไปหาส้งเย่นกุย ไม่พูดอะไรก็ชกต่อยและเตะทันที

“อายุยังน้อยๆไม่หัดทำเรื่องดีๆ แม้แต่เจ้าสำนักยังไม่ให้เกียรติ”

“ข้าก็รู้อยู่แล้วว่าเจ้าไม่ได้หวังดีอะไร เวลานี้ ยังกล้ามาล้อเล่น”

“มันไม่ใช่อย่างนั้น เป็นเพราะเทพธิดาทำ… … ไม่ใช่ เป็นเพราะพระคุณเจ้าหยวนซู… …เจ็บๆๆ หยุดชกได้แล้ว ไม่ใช่อย่างที่พวกท่านคิด โอ้ย… …”

ตอนแรกไม่อธิบายยังจะดีกว่า แค่ให้เย่หลี่เฉินและยู่หลิวซูทุบตีรอบหนึ่งก็พอ

แต่พอเขาอธิบาย และคำอธิบายนั้นฟังไม่ขึ้น ดังนั้น หมัดของทั้งสองยิ่งต่อยยิ่งหนัก

“คนต่ำช้า”

“ลูกผู้ชายตัวปลอม”

ส้งเย่นกุยรู้สึกว่าตัวเองไม่สามารถโต้เถียงใดๆ พระคุณเจ้าหยวนซูกล่าวว่า นี่เป็นสิ่งที่เทพธิดาในอดีตทิ้งไว้ ต้องแช่ด้วยน้ำ ถ้าใช้อย่างอื่น รูปภาพจะไม่เหมาะสำหรับเด็กๆ .

เขาจะรู้ได้อย่างไรว่าจะเป็นเช่นนี้?

“เดี๋ยวก่อน หยุดต่อยได้แล้ว แผนที่ปรากฏขึ้นแล้ว”

เสียงอันเคร่งขรึมของหลานเยาเยาดังเข้ามาในหู ทั้งสองคนก็หยุดทันที และรีบไปหาหลานเยาเยา

แม่งเอ้ย!

จากภาพวาดโป๊เปลือยนั้น เริ่มมีแผนที่ของทะเลทรายไปรากฎออกมา ภาพที่ชัดเจนดี โครงร่างนั้นแม่นยำ มีรายละเอียดชัดเจนมากกว่าแผนที่ภูมิประเทศที่หลานเยาเยาวาดออกมา

เย่หลี่เฉินและยู่หลิวซูตกตะลึงไปชั่วขณะ

เอ่อ… …

ตีผิดแล้ว

สายไปหรือเปล่าที่ตอนนี้จะกล่าวคำขอโทษ?

จากนั้นพวกเขาก็มองไปที่ส้งเย่นกุยอย่างนิ่งๆ ด้วยความละอายใจและรู้สึกผิด ในที่สุดยู่หลิวซูก็เดินไปหาส้งเย่นกุย และยื่นมือออกไป

“ขอโทษ!