ตอนที่ 346 ข้าเอาของขายได้หรือไม่ (2)
บัดนี้ เรื่องหลักๆ จบลงหมดแล้ว และต่อจากนี้ไป ก็ถึงเวลาเฉลิมฉลองภายในสำนักเทพทะเลแล้ว
หลี่ฉางโซ่วได้เชื้อเชิญบรรดาเซียนของทั้งสามสำนักบำเพ็ญเต๋ากลับไปดื่มชาด้วยกันที่วิหารเทพทะเล จากนั้นก็ขอให้อ๋าวอี่ช่วยสร้างความเพลิดเพลินให้แขกเผ่ามังกรและแดนยมโลกที่ยังคงเฝ้าชมการเฉลิมฉลองต่อไป
ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ยังคงสวมบท ‘เจ้าภาพ’ และเชิญกวงเฉิงจื่อ เทพธิดากุ่ยหลิง ฉือจิ้งจื่อ เทพธิดาอู๋ตั้งและศิษย์สายตรงอื่น ๆ ของเหล่าจอมปราชญ์ให้มาแสดงธรรมกถาแก่บรรดาศิษย์แห่งเต๋าในที่นี้
นั่นนับเป็นเรื่องเยี่ยมอย่างยิ่งซึ่งทำให้บรรดาเซียนของสำนักบำเพ็ญเต๋าฉาน และสำนักบำเพ็ญเต๋าเจี๋ยรู้สึกว่าการเดินทางของพวกเขาครั้งนี้ช่างคุ้มค่านัก
ปรมาจารย์อย่างกวงเฉิงจื่อ ก็ตั้งตารอเรื่องนี้เช่นกัน เพราะในท้ายที่สุดแล้ว พวกเขาก็รู้เพียงว่าปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่เสวียนตูนั้นลึกล้ำเกินหยั่งรู้ได้ แต่พวกเขาไม่รู้ว่าศิษย์พี่ใหญ่ของสำนักนั้น ลึกซึ้งเพียงใด…
หากได้หารือเรื่องเต๋าร่วมกัน ก็ย่อมพิสูจน์ได้ไม่มากก็น้อย
และด้วยเหตุนี้ ที่ห้องโถงหลังของวิหารเทพทะเลจึงกลายเป็นสถานที่สำหรับการแสดงธรรมกถา จากนั้น ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ก็สะบัดแขนเสื้อ แล้วทันใดนั้น ก็มีข่ายอาคมถูกจัดวางอยู่รอบๆ วิหารเทพทะเล
ทว่าหลี่ฉางโซ่วได้หนีไปก่อนล่วงหน้าแล้ว จึงไม่ได้ร่วมวงสนุกด้วย
ทั้งๆ ที่ฟังคำเทศนาของปรมาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่จริงๆ แต่ในสถานะยามนี้ของเขาราวลูกศรที่อยู่บนแล่ง ซึ่งเขากำลังใกล้จะก้าวผ่านทัณฑ์สวรรค์อยู่รอมร่อแล้ว เพียงเขาตระหนักรู้ขึ้นอีกเล็กน้อยเท่านั้น และหากเขาดันเกิดตระหนักรู้ขึ้นอีกเล็กน้อยเพราะฟังธรรมกถาในครั้งนี้ ก็คงไม่อาจควบคุมสิ่งต่างๆ ได้
ในเวลานี้ อัตราความสำเร็จของการข้ามผ่านทัณฑ์สวรรค์ยังคงเพิ่มขึ้นอีกครั้ง และยังมีวิธีการบางอย่างที่อาจนำมาใช้ได้
และเพื่อความปลอดภัย หลี่ฉางโซ่วจึงไม่อยากสูญเสียเพราะหนึ่งในร้อยส่วนของความไม่แน่นอนที่ยังขาดไป…
บุรุษต้องเรียนรู้ที่จะควบคุมตัวเอง
ทันทีที่เพิ่งออกจากวิหารเทพทะเลไป หลี่ฉางโซ่วก็ได้ยินข้อความเสียงเข้ามาในหูว่า “ไฉนท่านถึงไม่ฟังศิษย์พี่ชายหญิงของท่านเทศนาเต๋าสักหน่อยเล่า?”
เมื่อหันศีรษะไปมอง เขาก็เห็นเทพธิดาอวิ๋นเซียวในชุดกระโปรงยาวสีขาวเรียบๆ และมัดผมทรงเมฆเรียบง่าย กำลังยืนอยู่ในหมู่เมฆด้วยท่าทีสง่างาม ดวงตาใสกระจ่างของนางสะท้อนใบหน้างดงามยิ่ง
หลี่ฉางโซ่วยิ้มแหยแล้วกล่าว
“พิธียังไม่จบ ข้า เทพแห่งท้องทะเล จะซ่อนตัวอยู่ที่นี่โดยไม่ออกไป ข้าอดจะรู้สึกละอายใจต่อผู้ศรัทธาจำนวนมากที่มาถวายเครื่องสักการะไม่ได้ จริงๆ แล้ว ข้าเองก็อยากฟังอย่างยิ่งเช่นกัน”
เทพธิดาอวิ๋นเซียวฟังหลี่ฉางโซ่วบ่นแล้วแย้มยิ้ม
หลี่ฉางโซ่วทำการคารวะเต๋าให้นางขณะที่เทพธิดาอวิ๋นเซียวพยักหน้ารับเบา ๆ และเบี่ยงกายไปด้านข้างเป็นการแสดงการยอมรับการคารวะเต๋านั้นครึ่งหนึ่ง
จากนั้นหลี่ฉางโซ่วจึงถามว่า “เทพธิดา มีเรื่องสำคัญอันใดที่นี่หรือไม่?”
“ไม่หรอก ก่อนหน้านี้ ข้ากังวลเรื่องพี่ชาย จึงตามเขามาที่นี่ ”
อวิ๋นเซียวกล่าวเบา ๆ ว่า “พี่ชายไม่สบายใจเพราะไม่ได้รับคำเชิญจากสหายเต๋า เมื่อวานนี้ เขาจึงมาพร่ำบ่นเรื่องนี้กับข้า น้องสามและน้องสี่ที่เกาะซานเซียน
ข้าคิดว่า สหายเต๋า อาจมีเรื่องสำคัญบางอย่างที่ต้องทำอย่างจริงจังในระหว่างจัดงานฉลองสำนักเทพธูปของท่าน เมื่อใคร่ครวญดีแล้ว จึงตัดสินใจไม่เชิญพี่ชาย
ทว่าเมื่อเห็นพี่ชายไม่สบายใจแล้ว ข้าจึงปล่อยให้เขามาสอบถามท่านเอง”
หลี่ฉางโซ่วเงียบงัน
ไม่แปลกใจเลย!
ข้ารู้ว่าอาจารย์ลุงจ้าวย่อมจะห่วงเรื่องศักดิ์ศรีของเขาและจะไม่มาโดยไม่ได้รับเชิญ แต่คาดไม่ถึงว่า…
หลี่ฉางโซ่วถอนหายใจและกล่าวว่า “เทพธิดา ท่านเดินเล่นกับข้าในทะเลทักษิณได้หรือไม่? ข้าจะได้ชี้แจงเรื่องนี้ให้ถูกต้องด้วย”
“ได้สิ” เทพธิดาอวิ๋นเซียวพยักหน้าเบา ๆ แล้วขี่เมฆเคียงข้างไปกับหลี่ฉางโซ่วด้วยระยะห่างกันสามฉื่อ
ช่างเป็นเรื่องยุ่งยากจริงๆ ที่จะจัดการเรื่องความสัมพันธ์กับจ้าวกงหมิงและอวิ๋นเซียวได้
พวกเขาไม่อาจเกลียดชังกันหรือใกล้ชิดกันจนเกินไป ด้วยเกรงว่าจะเข้าไปมีส่วนร่วมพัวพันกับกรรมหรือความโกรธและมุทะลุจนต่อสู้กับจอมปราชญ์อย่างจาบจ้วง
ในขณะนั้น หลี่ฉางโซ่วได้ชี้แจงโดยสรุปสั้น ๆ ว่า เขาเพียงกำลังแสดงเพื่อให้เผ่ามังกรได้เห็นเส้นทางสู่สวรรค์ จึงไม่ต้องเชิญผู้อาวุโสจ้าวกงหมิงให้มา…
อวิ๋นเซียวฟังแล้วคิดครู่อยู่หนึ่งพลางถอนหายใจเบา ๆ
จากนั้น นางจึงกล่าวเบา ๆ ว่า “สหายเต๋าคิดได้ถูกต้องแล้ว พี่ชายไม่จำเป็นต้องมาปรากฏตัวในโอกาสเช่นนี้ เป็นอวิ๋นเซียวที่วู่วามไปเอง จึงให้พี่ชายมาที่นี่และยั่วยุปรมาจารย์ของทั้งสองสำนักและยังทำให้ศิษย์พี่เสวียนตูต้องพลอยวุ่นวายไปด้วย”
หลี่ฉางโซ่วแอบชื่นชมนางในใจเล็กน้อยแล้วรีบกล่าวว่า “เทพธิดาโปรดอย่าโทษตัวเองเลย จากมุมมองในเรื่องนี้ ก็นับว่าได้ผลเยี่ยมมาก และยังช่วยทำให้ภูมิหลังของข้าแข็งแกร่งขึ้น ซึ่งจะทำให้สำนักบำเพ็ญประจิมกังวลและระมัดระวังมากขึ้นเมื่อคิดทำร้ายข้า”
อวิ๋นเซียวถามเบา ๆ ว่า “ไยสหายเต๋าถึงต้องกลัวสำนักบำเพ็ญประจิมเช่นนี้เล่า?
ในเมื่อมีปรมาจารย์ลุงใหญ่อยู่เบื้องหลังของสหายเต๋า ต่อให้สำนักบำเพ็ญประจิมจะมีจอมปราชญ์สองคน พวกเขาก็ไม่น่าจะเป็นเรื่องยากหนักหนาสำหรับท่าน”
หลี่ฉางโซ่วใจเต้นระส่ำ และตัดสินใจจะกล่าวอะไรบางอย่างกับอวิ๋นเซียว
เขาประสานมือของเขาในอากาศ
อวิ๋นเซียวเข้าใจในทันที นางโบกมือเบาๆ ทำให้เกิดชั้นเมฆหมอกรอบๆ หลี่ฉางโซ่ว จากนั้น ก็ขยิบตาเบาๆ เพื่อบ่งบอกว่าเขากล่าวได้อย่างอิสระแล้ว
“ข้าขอพูดเรื่องไร้สาระบางอย่าง เทพธิดาเพียงฟังเป็นเรื่องน่าขันเถิด”
หลี่ฉางโซ่วกล่าวผ่านการส่งข้อความเสียงว่า “เทพธิดาคิดว่าภายใต้สถานการณ์ใดที่ปรมาจารย์จอมปราชญ์เทพจะลงมือเองโดยตรงและใช้พลังเวทต่อสู้กับผู้อื่น? ”
อวิ๋นเซียวครุ่นคิด ทว่ายังไม่ทันได้ตอบออกไป หลี่ฉางโซ่วก็กล่าวเสริมว่า “เช่นนั้น ภายใต้สถานการณ์ใดที่ปรมาจารย์จอมปราชญ์เทพจะโจมตีผู้ที่ยังไม่ได้เป็นจอมปราชญ์เทพ? นอกจากนี้ยังมีอีกคำถามที่คล้ายกัน ภายใต้สถานการณ์ใดที่ปรมาจารย์จอมปราชญ์จะลงมือกับศิษย์ของจอมปราชญ์อื่นๆ? ในความเห็นของข้า ข้าไม่คิดว่าข้าจะปลอดภัยเพียงเพราะมีปรมาจารย์จอมปราชญ์เทพปกป้อง หากไม่ได้เป็นจอมปราชญ์เทพ ในท้ายที่สุด ก็จะเป็นเพียงแค่มดที่ไม่มีความสำคัญอันใด ข้าควรป้องกันตัวเองจากพวกเขา ต้องระวังตัว ไม่ประมาทและไม่อาจรีบร้อนได้”
อวิ๋นเซียวอดจะจมอยู่ในความคิดลึกซึ้งไม่ได้
หลี่ฉางโซ่วถอนหายใจในใจ เขาไม่รู้ว่าคำพูดของเขาจะส่งผลต่อเทพธิดาอวิ๋นเซียวอย่างไรและจะทำให้นางยับยั้งชั่งใจมากขึ้นสักหน่อยในมหาทัณฑ์สวรรค์ปราบดาเทพในภายหน้าได้หรือไม่…
อวิ๋นเซียวขอบคุณหลี่ฉางโซ่วเมื่อจากไป ดูเหมือนว่า นางจะเข้าใจอะไรบางอย่าง และดูท่าว่ากำลังคิดอยู่
เดิมทีนางมาที่นี่เพียงเพื่อดู และอยากจากไปให้เร็วที่สุดโดยไม่หารือเรื่องเต๋า ทว่านางและหลี่ฉางโซ่วเพิ่งท่องไปทั่วท้องฟ้าเหนือทะเลทักษิณพลางพูดคุยกันอยู่ชั่วขณะหนึ่ง
หลี่ฉางโซ่วเฝ้ามองดูแผ่นหลังของเทพธิดาอวิ๋นเซียวที่เลือนหายไปด้วยความรู้สึกผ่อนคลายและมีความสุขในใจอย่างอธิบายไม่ถูก
เขาได้พิสูจน์อีกครั้งว่า ลำแสงสีทองเล็กๆ ข้างปราณวิญญาณของเขานั้นก็มีความสามารถจำกัดในการตรวจจับเช่นกัน
ในเวลานี้ เพียงไล่ตามไปหนึ่งหมื่นสี่พันลี้ แผ่นหลังของเทพธิดาอวิ๋นเซียวก็หายไปจากสายตา…
‘มันน่าจะเกี่ยวพันกับความแข็งแกร่งของตัวเขาเอง ’
หลี่ฉางโซ่วยิ้มในใจ เขาจะยังใช้บางเวลา พัฒนาการทำงานของ ‘พลังศักดิ์สิทธิ์’ หลังจากนี้
หลี่ฉางโซ่วกระตุกมุมปากเบาๆ ขณะเลื่อนสายตามองไปยังบริเวณรอบ ๆ ของพิธีเทพทะเล
ครั้งนี้ เผ่ามังกรดำเนินการได้รวดเร็วจริงๆ
พวกเขาส่งบรรดาหีบกล่องสมบัติมาแล้ว แถมคราวนี้ ยังนำสาวใช้แสนสวยหลายร้อยคนมาเพื่อเป็น ‘ของขวัญ’ เฉลิมฉลองของเทพแห่งท้องทะเล
แล้วเขาส่งของเช่นนี้มาอย่างโจ่งแจ้งได้อย่างไร!?!
แค่กๆ เขาจะไม่ยอมรับของขวัญนี้อย่างแน่นอน!
หลี่ฉางโซ่วอยากเข้าไปถามจริงๆ ว่า ขอแลกเปลี่ยนสาวใช้เหล่านี้เป็นวัสดุที่ใช้สร้างค่ายกลได้หรือไม่…
ในขณะนี้ ไม่เพียงแต่สาวใช้หลายร้อยคนเหล่านี้ ทำให้หลี่ฉางโซ่วกลุ้มใจเท่านั้น แต่ยังทำให้เหล่าแขกเหรื่อจากแดนยมโลกที่ไม่มีมากนักในเวลานี้ รู้สึกยุ่งยากอีกด้วย
หัววัวกำลังนั่งยองๆ เฝ้าดูคณะมอบของขวัญของเผ่ามังกรบนท้องฟ้าริมทะเลอยู่ที่มุมห้องพร้อมกับปรมาจารย์เผ่าเวทสองสามคนแล้วรู้สึกขัดใจอยู่ครู่หนึ่ง
“พวกเจ้าเฒ่าจากเผ่ามังกรเหล่านั้นรวดเร็วยิ่ง เราเพิ่งเริ่มเรียนรู้วิธีการประจบเอาใจกับเทพแห่งท้องทะเล พวกเขาก็ส่งของขวัญมาให้แล้ว”
“ท่านแม่ทัพ แล้วพวกเราควรทำอย่างไรดี แดนยมโลกสุดแสนอัตคัดยิ่ง! เราย่อมไม่อาจมอบสมบัติใดๆ ให้ได้อย่างแน่นอน สตรีเผ่าเวทนั้นก็แข็งแกร่งดุจค้อน ย่อมส่งพวกนางไปเป็นของขวัญมิได้ ”
หัววัวกัดฟันกล่าวเบาๆ ว่า “มันก็แค่ของขวัญเท่านั้นไม่ใช่หืรอ? เหอะ! ยังมีสาวงามในเผ่าทะเลมากมาย แล้วจะไม่มีผีสาวแสนงามในแดนยมโลกบ้างหรือ? ไปเลย ส่งคนไปจับผีสาวที่กลับชาติมาเกิดไม่ได้มาสักสองสามร้อยตน! ”
ทันใดนั้น ดวงตาของปรมาจารย์เผ่าเวทอื่นๆ ก็สว่างวาบขึ้นทันที
………………………………………………………………..