ตอนที่ 485

My Disciples Are All Villains

ตอนที่ 485 สัญญา

ฝ่ามือที่ถูกปล่อยออกมาพุ่งเข้าใส่ยู่เฉิงไห่ด้วยความเร็วสูง ไม่มีใครพยายามหรือคิดที่จะขัดขวางพลังฝ่ามือของผู้มีพลังอวตารดอกบัวเก้ากลีบ ในตอนนี้ทุกคนต่างก็คิดว่ายู่เฉิงไห่จะต้องเสร็จแน่

ยู่เฉิงไห่เหลือบมองไปที่ลูโจว สติของเขากําลังจะเลือนหายไป การโจมตีครั้งนี้ทําให้ยู่เฉิงไห่นึกถึงผู้เป็นอาจารย์ของตัวเอง ท้ายที่สุดแล้วตัวเขาก็หลับตาลง ไม่ว่าจะปัญหาหรือความวุ่นวายอะไร ก็จงลืมมันไปซะเถอะ ความตายจะยุติทุกอย่างเอาไว้เอง” ในตอนนี้ยู่เฉิงไห่รู้สึกผ่อนคลายอย่างไม่น่าเชื่อ ท้ายที่สุดทุกอย่างก็จะกลายเป็นอดีตไป ในตอนที่เกิดมายู่เฉิงไห่ก็ไม่มีอะไรเลย และในตอนที่ต้องตายก็เช่นกัน ตัวเขาไม่อาจเอาอะไรติดตัวไปได้ แล้วทําไมถึงจะต้องดื้อดึงยึดติดกับการมีชีวิตด้วยล่ะ?

พรึบ!

สายลมได้พัดผ่านหน้าของยู่เฉิงไห่ไป ยู่เฉิงไห่คิดว่าพลังฝ่ามือนี้จะต้องระเบิดหัวของตัวเขา ในตอนนั้นความเจ็บปวดและปัญหาทั้งหมดก็จะหายไปในทันที แต่ถึงแบบนั้นมันก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น นี่ข้ายังมีชีวิตอยู่อย่างงั้นเหรอ?” ยู่เฉิงไห่ได้แต่คิดอยู่ภายในใจ ตัวเขาที่คิดแบบนั้นพยายามควบคุมร่างกายและนิ้วมือดู ตัวเขายังคงขยับร่างกายได้ทุกอย่าง

ในตอนนี้ทุกอย่างตกอยู่ในความเงียบสงบ ไม่มีใครกล้าเคลื่อนไหว

ยู่เฉิงไห่ลืมตาขึ้นมา ตัวเขามองเห็นฝ่ามือที่เที่ยวแห้ง มันอยู่ห่างจากใบหน้าเพียงแค่ช่วงฝ่ามือเดียว ยู่เฉิงไห่ที่เห็นแบบนั้นก็ได้ถามออกมาด้วยความสงสัย “ทําไมกัน?”

ลูโจวเก็บฝ่ามือของตนไป “ข้ารู้จักกับอาจารย์เจ้าดี ข้ามาที่นี่ก็เพราะคําขอของใครบางคนก็เท่านั้น”

เมื่อได้ยินดังนั้นทั้งยู่เฉิงไห่, สี่วู่หยา, ฮั๊วจงหยางและคนอื่นๆต่างก็ตื่นตกใจ

ภายในห้องโถงใหญ่เฉินเหลียงซูและคนอื่นๆ ที่อยู่ไม่ไกลต่างก็ได้ยินเรื่องนี้เช่นกัน ท้ายที่สุดแล้วผู้ที่อยู่เบื้องหลังเรื่องในครั้งนี้ก็คือปรมาจารย์แห่งศาลาปีศาจลอยฟ้าหรอกเหรอ? ทุกคนได้แต่สงสัยแบบนั้น

ยู่เฉิงไห่ได้ถามออกมา “เขาเป็นคนขอให้ท่านมาสินะ?”

“ถูกต้องแล้วล่ะ” สู่โจวพยักหน้า

ยู่เฉิงไห่ขมวดคิ้ว “ถ้าหากอาจารย์ข้าส่งท่านมาที่นี่เพื่อสอนบทเรียนข้า ข้าเกรงว่าท่านจะต้องผิดหวังแล้วล่ะ” ยู่เฉิงไห่ได้พูดต่ออย่างหนักแน่น “ข้าจะไม่มีวันศิโรราบแม้ว่าจะต้องตายก็ตาม”

ลูโจวที่เห็นแบบนั้นถามกลับไป “เจ้าเกลียดเขาขนาดนั้นเลยสินะ?”

“เกลียด?” ยู่เฉิงไห่ส่ายหัว “ผู้เป็นอาจารย์ก็เปรียบดั่งบุพการี ในฐานะที่ข้าเป็นศิษย์ข้าไม่มีสิทธิ์ที่จะเกลียดชังอาจารย์ของข้า”

“ถ้าหากเขามีเหตุผลสําหรับการกระทําของตัวเองล่ะ?” ลู่โจวถามต่อ

“แล้วไม่มีใครสนใจเหตุผลของข้าเลยอย่างงั้นเหรอ?” ยู่เฉิงไห่ถามกลับมาแทน เสียงของเขาฟังดูกระวนกระวายอย่างเห็นได้ชัด

“ไร้สาระ” ลูโจวอยากจะด่าศิษย์ไม่รักดีคนี้ แต่ถึงแบบนั้นตัวเขาก็ทําไม่ได้ ตราบใดที่ลูโจวไม่มีคริสตัลแห่งความทรงจํา ตัวเขาก็จะไม่รู้ความจริง ถ้าสิ่งที่ยู่ฉางตง, สี่วู่หยา และยู่เฉิงไห่พูดถูกจริง สิ่งที่ตัวเขาจะด่าไปจะเป็นสิ่งผิดในทันที แต่อย่างไรก็ตามลูโจวรู้สึกได้ว่ามันมีอะไรบางอย่างมากกว่านั้น ตัวเขาพยายามคิดหาเหตุผลสําหรับการกระทําของจีเทียนเด๋ามากแล้ว แม้ว่าจีเทียนเด๋าจะเป็นคนอารมณ์ร้อน แต่มันก็ไม่สมเหตุสมผลอยู่ดีที่เขาจะเลี้ยงดูศิษย์ทั้งหมดเพียง เพื่อที่จะฆ่าพวกเขา

คําพูดของลูโจวทําให้ยู่เฉิงไห่สงบลง

ยู่เฉิงไห่ถอนหายใจก่อนจะพูดออกมา “ข้ายอมรับก็ได้ข้าไม่ได้ทําโดยที่คิดถึงท่านอาจารย์”

สู่โจวหันไปมองยู่เฉิงไห่ ในท้ายที่สุดพลังวรยุทธที่ยู่เฉิงไห่มีก็ถูกจีเทียนเด๋าเป็นผู้มอบให้

“ผู้อาวุโสสู่ ข้าขอพูดอะไรสักหน่อยจะได้ไหม?” ยู่เฉิงไห่พูดขึ้น

ลูโจวหันกลับมาก่อนจะมองหาธิดาหอยสังข์

ธิดาหอยสังข์มองไปที่ยู่เฉิงไห่ก่อนจะยิ้มให้ “อย่ายอมแพ้ซะละ”

ภายใต้แสงจันทร์ รอยยิ้มอันบริสุทธิ์และเรียบง่ายของสาวน้อยพร้อมกับคําแนะนําสั่นๆ ได้ ทําให้ยู่เฉิงไห่สั่นไปทั้งตัว ยู่เฉิงไห่ยังมีอะไรอีกหลายอย่างที่ไม่ได้ทํา ตัวเขาจะคิดยอมแพ้ได้ยังไงกัน?

ยู่เฉิงไห่พูดขึ้น “ข้าจะดูแลนางให้ดี ข้าจะฆ่าทุกคนที่กล้าแตะต้องนาง”

เมื่อได้ยินแบบนั้นลูโจวประหลาดใจ ศิษย์ไม่รักดีของเขาไม่ได้ไร้ยางอายและน่ารังเกียจเหมือนกับที่ตัวเขาคาดไว้

ทั้งลูโจวและยู่เฉิงไห่เดินเข้าไปในป่า

แสงจันทร์ภายในปาเริ่มสลัว

พรึบ!

ทันทีที่เข้ามาในป่า ยู่เฉิงไห่ก็คุกเข่าลงโดยที่ไม่ได้พูดอะไร

ลูโจวที่เห็นแบบนั้นตกตะลึง หรือว่าเจ้านี่จะจําฉันได้? ไม่ มันไม่น่าจะเป็นแบบนั้นไปได้

ในฐานะที่ลูโจวเป็นคนต่างโลก ทั้งบุคลิกและท่าทางที่ตัวเขามีแตกต่างจากสิ่งที่จีเทียนเด๋ามีอย่างสิ้นเชิง ด้วยพลังที่ได้มาจากการ์ดแปลงกายทําให้ทั้งสองคนเป็นเหมือนกับคนละคนกัน ไม่มีทางที่ยู่เฉิงไห่จะจดจําเขาได้ แม้แต่คนที่ฉลาดที่สุดอย่างสี่วู่หยาก็ยังไม่อาจจําได้ แน่นอนว่ายู่เฉิงไห่คงจะเป็นเช่นกัน

“ผู้อาวุโสสู่…ได้โปรดให้เวลาข้าหกเดือน”

“ หกเดือน? เจ้าหมายความว่าอะไร?”

“เป็นเพราะท่านมาที่นี่ก็เพราะอาจารย์ข้า ข้าแน่ใจว่าท่านอาจารย์จะต้องฟังท่านแน่”

“แน่นอน พี่จีต้องฟังข้า”

“นั่นเป็นเหตุผลที่ข้าขอเวลาท่านหกเดือน หกเดือนไม่ว่าข้าจะทําสําเร็จหรือล้มเหลวก็ตาม ข้าจะขึ้นไปบนหุบเขาเพื่อยอมรับผิดแต่โดยดีแน่!” ยู่เฉิงไห่พูดสัญญาอย่างจริงจัง

หกเดือน

ลูโจวไม่ได้รีบรับปาก ตัวเขารู้ดีว่าตอนนี้สามารถพายู่เฉิงไห่กลับไปอย่างง่ายดาย แต่ถ้าหากทําแบบนั้นใครจะช่วยลูโจวรับมือกับราชสํานักกัน?

ก่อนหน้านี้โจวไม่ได้ตั้งใจที่จะมีปัญหากับราชสํานักมาก่อน แต่เรื่องที่เกิดขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่า ทางราชสํานักมักจะเป็นฝ่ายหาเรื่องตัวเขาและศาลาปีศาจลอยฟ้าก่อน

“การครองโลกสําคัญกับเจ้าขนาดนั้นเลยเหรอ?” ลูโจวถามออกมา

การที่ผู้ฝึกยุทธแสวงหาในอํานาจมักใหญ่ใฝ่สูงไม่ใช่เรื่องดีเลย

ภายในอดีตได้ผุดขึ้นมาในใจของยู่เฉิงไห่ “ถูกต้อง!”

ลูโจวหันกลับไปมองยู่เฉิงไห่ก่อนจะพูดออกมา “ข้าสามารถช่วยเจ้าได้แต่เจ้าจะต้องตอบคําถามข้า”

“ถามมาเถอะ ผู้อาวุโสสู่”

“คําถามแรก คริสตัลแห่งความทรงจําของอาจารย์เจ้าอยู่ที่ไหน?”

“หรงซีไม่ก็ลั่วหลาน” ยู่เฉิงไห่ตอบกลับมาแบบห้วนๆ

“มันอยู่ที่ไหนกันแน่”

“ข้าไม่รู้”

“คําถามที่สอง มีอะไรถูกผนึกอยู่ในคริสตัลแห่งความทรงจํากัน?” นี่เป็นคําถามที่ลูโจวอยากจะรู้มากที่สุด เป็นเพราะตัวเขายังหามันไม่พบ เพราะแบบนั้นลูโจวจึงเลือกที่จะถามถึงมันโดยตรง

ยู่เฉิงไฟตอบกลับมาด้วยน้ําเสียงที่ไม่มั่นใจ “มันก็คงจะเหมือนกับหยุนเทียนลั่ว ส่วนความทรงจําอื่นๆ ไม่มีใครล่วงรู้ได้”

ลูโจวพยักหน้าก่อนจะถามออกมาอีกครั้ง

“คําถามสุดท้าย ทําไมเจ้าถึงต้องเย็นชากับอาจารย์ของเจ้านัก?” ลูโจวอยากจะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นที่ทําให้ยู่เฉิงไห่ต้องพยายามหนี้ผู้เป็นอาจารย์มากขนาดนั้น

ยู่เฉิงไห่ตอบกลับมา “ข้าไม่ได้เย็นชา ข้าก็แค่ไม่มีทางเลือก”

“หืม? เป็นเพราะเจ้ามาจากเผ่าวู่เฉียน? หรือเป็นเพราะเจ้าต้องผ่านเรื่องอันเลวร้ายมาตั้งแต่เด็กล่ะ?”

ยู่เฉิงไห่ตกตะลึง ตัวเขาเหลือบมองไปที่ชายชราตรงหน้าด้วยสีหน้าที่ตกตะลึง

ลูโจวพูดต่อ “ข้าได้ยินเรื่องบางอย่างมาจากยู่ฉางตง พี่จีพยายามที่ศึกษาการฝึกตนเพื่อให้มีพลังอวตารดอกบัวเก้ากลีบโดยใช้พวกเจ้าทั้งคู่อย่างงั้นสินะ?”

ยู่เฉิงไห่ไม่คิดมาก่อนว่าชายชราคนนี้จะรู้เรื่องศาลาปีศาจลอยฟ้ามากขนาดนี้ ตัวเขาพยักหน้าก่อนจะตอบกลับไป “นั่นเป็นความจริง”

ลูโจวรู้สึกว่าเรื่องในครั้งนี้ซับซ้อนมากขึ้น ความสัมพันธ์ระหว่างศิษย์ทั้งหลายกับจีเทียนเด๋าดูเหมือนจะไม่ใช่เรื่องเรียบง่ายซะแล้ว

ในตอนนั้นเองเสียงท่วงทํานองอันไพเราะก็ได้ขึ้นมา มันเป็นเสียงที่ดังมาจากห้องโถงใหญ่ของสํานักอเวจี ท่วงทํานองนั้นไพเราะและทําให้ผู้ที่ได้ฟังรู้สึกรื่นรมย์ ดวงหลายคู่เริ่มขยับท่ามกลางหมู่

เมื่อเสียงทํานองดังขึ้น เหล่าสัตว์ร้ายก็เริ่มเคลื่อนไหว

สัตว์ร้ายทั้งหลายเริ่มคืบคลานเข้ามาใกล้

“แม่นางคนนั้นรู้จักภาษาของเหล่าสัตว์ร้ายอย่างงั้นสินะ?” ยู่เฉิงไห่พูดออกมาด้วยความตกใจ