บทที่ 606 สงครามสี่สัตว์เซียน

สุดยอดชาวประมง

บทที่ 606 สงครามสี่สัตว์เซียน

บทที่ 606 สงครามสี่สัตว์เซียน

เมื่อชายหนุ่มแบมือออก เขาก็พบว่ามีป้ายอาญาสิทธิ์กิเลน 2 อัน ! โดยอันแรกเป็นของตัวเอง ส่วนอีกอันเป็นของที่ต้องส่งมอบให้แม่ทัพกลุ่มกิเลนคนถัดไปเพื่อสืบทอดกลุ่ม !

และอันที่จริงแล้วนั้น …มันก็มีเพียงป้ายอาญาสิทธิ์กิเลนของตัวเองเท่านั้น ที่จะได้รับพลังศรัทธาจากกองทัพกิเลน !

ที่บอกว่าพลังศรัทธานั้น แท้จริงแล้วมันก็เป็นพลังแบบหนึ่งที่กว่าจะได้มายากแสนยากมาก เนื่องจากคนที่ไร้หัวนอนปลายเท้าคนหนึ่ง ไหนเลยจะได้รับความเลื่อมใสศรัทธา !

อีกทั้งพลังศรัทธาที่ว่า มันก็ยังมีขอบเขตที่กว้างมาก ไม่เพียงสามารถเพิ่มพลังการโจมตีให้ตัวเองได้ มันยังสามารถทำให้พลังวรยุทธ์ของผู้ครอบครองเลื่อนขั้นได้อย่างรวดเร็ว จนไปถึงการหลอมยาและการหลอมอาวุธ ที่จะทำให้ได้ผลลัพธ์ที่ชัดเจนขึ้นด้วย !

ในจังหวะเวลาเดียวกันนั้นเอง ทหารที่ตามฉู่เหินในศึกนี้จู่ ๆ ก็มีพลังเพิ่มขึ้นด้วยทั้งหมด ! ซึ่งที่ทำให้ทุกคนคิดไม่ถึงก็คือ เกราะของพวกเขา ที่จู่ ๆ ก็เปลี่ยนไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง

แต่เดิมพวกเขาเป็นทหารที่มาจากกลุ่ม 3 กลุ่มและมีชุดเกราะที่แตกต่างกันสามแบบ ทว่าหลังจากเกิดเหตุการณ์เมื่อครู่ ชุดเกราะของพวกเขาก็เปลี่ยนไป ! เมื่อรอให้แสงสว่างสีขาวหายไป พวกเขาก็พบว่าชุดเกราะที่ตนเองสวมอยู่นั้นเต็มไปเปี่ยมไปด้วยพลังแห่งกิเลน !

ชุดเกราะกิเลนชุดนี้ดูทรงพลังมากทีเดียว ทำให้ทหารกลุ่มกิเลนในตอนนี้ต่างก็รู้สึกดีใจไปตาม ๆ กัน !

เดิมทีในใจพวกเขามีความสงสัยอยู่ไม่น้อย ด้วยไม่รู้ว่าเมื่อสงครามนี้สิ้นสุดลงพวกเขาควรจะต้องไปที่ไหน ? เนื่องจากในแต่กลุ่มนั้นก็มีการจำกัดจำนวนคนเอาไว้ และคงเป็นไปไม่ได้ที่กลุ่มหงส์เพลิงจะรับพวกเขาไปทั้งหมดทีเดียว 1 ล้านคน !

ในใจพวกเขาก็รู้สึกกังวลแบบนี้อยู่ตลอดเวลา ว่าหลังจากสิ้นสุดสงครามแล้วจะถูกทอดทิ้งและกลับไปเป็นทหารรับจ้างอีกงั้นเหรอ ? แต่คิดไม่ถึงว่ากฎของสนามรบชิงคงจะเป็นเช่นนี้ และนั่นก็หมายถึงพวกเขาจะมีกลุ่มเป็นของตัวเองแล้ว !

แม้จะกล่าวได้ว่าพวกเขาเป็นเพียงพลเมืองส่วนหนึ่งของกลุ่มเท่านั้น แต่เท่านี้ก็พึงพอใจแล้ว ! ยิ่งเมื่อคิดว่าในวันนี้อาจมีโอกาสที่อีก 2 กลุ่มจะล้มลง พวกเขาก็ยิ่งมั่นใจ ว่าถ้าได้สมบัติมากมายจาก 2 กลุ่มนั้นมา การจะสร้างเมือง ๆ หนึ่งก็กลายเป็นเรื่องง่ายแสนง่าย ! และเมื่อรู้ในจุดนี้ พวกเขาถึงพึ่งรู้ตัวว่าการตามฉู่เหินเป็นสิ่งที่คิดถูกแล้ว !!!

บางทีอาจเป็นเพราะในใจของทุก ๆ คนคิดเลื่อมใสในตัวของฉู่เหินเช่นนี้ก็ได้ ! ที่ทำให้ชายหนุ่มสัมผัสได้ถึงพลังศรัทธาจากป้ายอาญาสิทธิ์ที่กำลังไหลเวียนเข้าสู่หัวใจตน ! และในระหว่างนั้นเอง ที่ด้านหลังของเขาก็พลันมีลำแสงสีม่วงพุ่งขึ้นมา !

ในสนามชิงคงนั้น พลังศรัทธาจะก่อให้เกิดโชคชะตามารวมตัวกัน และยิ่งเป็นพลังศรัทธาของคน 1 ล้านคนแบบนี้ด้วยแล้ว มันก็ทำให้ชะตาที่ว่ารวมตัวกันจนกลายเป็นสีม่วง ซึ่งตั้งแต่มีการก่อตั้งกลุ่มขึ้นมาก็ยังไม่เคยมีผู้ก่อตั้งคนไหนเคยมีมาก่อน ! กระทั่งในประวัติศาสตร์ของแม่ทัพทุกคนที่เคยมีมา พวกเขาก็ไม่เคยมีใครสักคนที่ได้รับกิตติมศักดิ์เช่นนี้ !

เมื่อเห็นพลังสีม่วงนั่น ชายหนุ่มก็ทำการรับมันเข้ามาในร่างกายของตัวเองทันที จนทำให้ในช่วงเวลาสั้น ๆ แบบนี้การทะลวงขั้นพลังอยู่ใกล้แค่เอื้อม ! และถ้าเกิดนำพลังสีม่วงนี้ไปใช้ในการโจมตีได้ล่ะก็ มันจะทำให้พลังโจมตีของผู้ใช้เพิ่มขึ้นสูงอย่างที่ไม่อาจประมาณได้เลย !

ตอนนี้ฉู่เหินไม่มีความลังเลสักนิด เขานำเอาพลังสีม่วงทั้งหมดเข้ามาในร่างกายตนเองทันที ! และเมื่อโชคขนาดใหญ่นี้เข้ามาในร่าง พลังวรยุทธ์ก็เพิ่มขึ้นจนทะลวงเป็นขั้นเทพดารา ! จนกระทั่งตัวเขาในตอนนี้แกร่งไม่ต่างอะไรจากแม่ทัพของกลุ่มต่าง ๆ เลย !

เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่ฉู่เหินได้รับพลังแบบนี้ ดังนั้นพลังที่ได้จึงมากเป็นพิเศษ ! ที่จริงตอนนี้แม่ทัพคนอื่น ๆ ก็ได้รับพลังที่ว่าด้วยเช่นกัน ! เพียงแต่ว่าพวกเขาไม่ได้รับพลังแบบที่ฉู่เหินได้ก็เท่านั้น ซึ่งจุดนี้มันก็เกี่ยงข้องกับพลังวรยุทธ์ของพวกเขาที่มีสูงมากอยู่แล้วแต่เดิม

และเมื่อบวกกับการที่พวกเขารับพลังเข้ามาในร่างกายมากเกินไป มันก็เลยเกิดการต่อต้านขึ้น ! ทว่าในจุดนี้นั้นฉู่เหินกลับแตกต่างจากคนอื่น ๆ! เพราะทันทีที่พลังวรยุทธ์ของเขาทะลวงถึงขั้นเทพดาราได้แล้ว เขาก็ไม่ลังเล ใช้ป้ายกิเลนของตัวเองทันที จนทำให้เกิดเสียงคำรามทรงอำนาจดังก้องฟ้า ก่อนตามมาด้วยเปลวไฟลุกท่วมร่างกิเลนตัวสูงใหญ่ที่ปรากฏขึ้นต่อหน้าทุกคนในพลัน !

ในตอนที่เปลี่ยนร่างเป็นกิเลน แม่ทัพหงส์เพลิงก็กำลังตกอยู่ในอันตรายพอดี ดังนั้นฉู่เหินจึงไม่รีรอ รีบพุ่งเข้าไปประจันหน้ากับเสือขาวทันที !

และแล้วร่างกิเลนอ้าปากออก ก่อนจะมีลูกไฟถูกปล่อยเข้าใส่ร่างของเสือขาว ! ซึ่งเจ้าลูกไฟของตัวเองก็ไม่เพียงแต่จะมีเปลวไฟที่ร้อนแรงเท่านั้น ทว่ามันยังมีพลังน้ำแข็งที่เย็นยะเยือก กับพลังธาตุลมอยู่ภายในด้วยเช่นกัน

เท่านี้ก็รู้แล้วว่าร่างกายหลังจากที่เปลี่ยนเป็นกิเลนแล้ว พลังธาตุที่ตัวเขามีทั้งหมดก็ยังคงอยู่ ! ซึ่งฉากนี้มันก็ทำให้ดวงตาของชายหนุ่มเป็นประกายวาบ !

น้ำแข็งเพลิงกิเลนเขาเคยได้ยินมาบ้าง แต่ว่ากิเลนวายุน้ำแข็งเพลิงนั้นยังไม่เคยมีใครได้ยินมาก่อนเลย !

เมื่อฉู่เหินกลายร่างเป็นกิเลนได้ มันก็ได้สร้างความตกใจให้กับแม่ทัพกลุ่มเต่าดำและเสือขาวมาก ! เพราะการจัดการแม่ทัพหงส์เพลิงแค่ตัวเดียวไม่ใช่ปัญหา แต่เมื่อเพิ่มกิเลนเข้ามาแบบนี้ ผลแพ้ชนะก็ยิ่งคาดเดายากแล้ว และหากรอให้นานไปกว่านี้จนมังกรเขียวมาถึง พวกเขาสองคนต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัยแน่ !!!

ดังนั้นตอนนี้ทั้งสองจึงมองหน้าสบสายตากัน ก่อนจะตัดสินใจบางอย่างได้ ทำการกัดฟันและเริ่มโคจรพลังในร่างกายตอบโต้ทันที !

เสือขาวมองลูกไฟนั้นอย่างดูถูก ! ด้วยต้องเข้าใจว่าเสือขาวนั้นมีพลังธาตุทองที่ไม่กลัวเปลวไฟ เพียงแค่โคจรพลังธาตุทองมาป้องกันกายตัวเองก็ใช้ได้แล้ว !!

เมื่อเรียกโล่ธาตุทองออกมาสำเร็จ เสือขาวก็วางใจแล้วว่าลูกไฟจะทำอะไรตัวเองไม่ได้ ก่อนที่เจ้าเสือนั่นจะตั้งท่า ทำการปล่อยพลังแห่งทองออกมา ! จนทำให้ปรากฏหนามแหลมคมจากสิบเป็นร้อย จากร้อยเป็นพัน จากหมื่นไปจนถึงล้าน !

พลังธาตุทองนั่นยังคงเพิ่มจำนวนอย่างไม่อาจหยุดยั้ง ทั้งยังมีลักษณะแหลมคมเหมือนดาบคมกริบที่กำลังพุ่งตรงมายังฉู่เหิน ! ทำให้ชายหนุ่มถึงกับขมวดคิ้วแน่น !

เมื่อเห็นรัศมีแหลมคมมากมายพุ่งตรงมายังตัวเอง ในใจเขาก็แอบวางแผน ว่ารัศมีดาบพวกนี้ก็คือพลังงานอย่างหนึ่ง ไม่แน่ว่าอาจจะใช้ความสามารถแช่แข็งมันได้ !

เมื่อคิดถึงตรงนี้ ก็เห็นเพียงเขาขยับร่างกายและปล่อยพลังเยือกแข็งออกไป ! ทำให้รอบ ๆ บริเวณกลายสภาพเป็นรูปปั้นน้ำแข็งในพลัน รวมไปถึงหนามแหลมคมสีทองนั่นด้วย !

พอเห็นแบบนี้ในใจของฉู่เหินก็ตกตะลึง ด้วยเขาคิดไม่ถึงว่าเมื่อขั้นพลังตัวเองพัฒนามาถึงจุดนี้ จะทำให้พลังธาตุทรงพลังได้มากขนาดนี้ !

ว่าแล้วฉู่เหินก็ไม่รอช้า ยกมือชูขึ้นเหนือท้องฟ้า ก่อนที่สะเก็ดไฟกับสายฟ้า 5 สายจะปรากฏขึ้น !!

ทันทีที่พลังธาตุสองสายปรากฏขึ้น มันก็แสดงให้เห็นถึงพลังอันมหาศาลที่อยู่ภายใน ! ก่อนที่ชายหนุ่มจะทำการปล่อยพลังที่ว่านั่น ทำให้ดวงดาวจากบนท้องฟ้าตกลงมา และเข้าเสียดสีกับชั้นบรรยากาศเกิดเป็นลูกไฟ จนทำให้ใครก็ตามที่โดนเข้าถูกเผาทำลายกลายเป็นขี้เถ้าในชั่วพริบตา !!!