ตอนที่ 450 เข้าวัง

สตรีแกร่งตระกูลไป๋

ตอนที่ 450 เข้าวัง

รถม้าห้าคันพร้อมองครักษ์รักษาพระองค์ เป็นขบวนที่ยิ่งใหญ่…พิธีการเกินหน้าท่านย่าซึ่งเป็นองค์หญิงใหญ่ของนางด้วยซ้ำ

“ฝ่าบาทส่งบ่าวมารับเจิ้นกั๋วจวิ้นจู่และเกาอี้เซี่ยนจู่เข้าไปในวังหลวงขอรับ” เกาเต๋อเม่าก้าวไปด้านหน้า ทำความเคารพด้วยรอยยิ้ม

“ลำบากเกากงกงแล้ว!” ไป๋ชิงเหยียนก้มศีรษะให้เกาเต๋อเม่าเล็กน้อย

ไป๋จิ่นจื้อเดินตามหลังไป๋ชิงเหยียนไปติดๆ เมื่อขึ้นไปบนรถม้า สาวน้อยจึงกล่าวกับไป๋ชิงเหยียนเสียงเบาหวิว

“ฮ่องเต้ถึงกับส่งเกากงกงออกมารับเลยนะเจ้าคะ!”

ไป๋ชิงเหยียนยิ้มน้อยๆ ไม่เอ่ยตอบสิ่งใด

หญิงสาวเห็นองครักษ์ของตระกูลไป๋เดินขนาบอยู่สองด้านของขบวนผ่านม่านรถม้าที่เปิดออกเพราะแรงลม

ฮ่องเต้ยิ่งทำให้เอิกเกริกจนผู้คนเห็นมากเท่าใด ของพระราชทานที่มอบให้นางและไป๋จิ่นจื้อก็จะน้อยลงเท่านั้น

“เมื่อพบฮ่องเต้ ต้องทูลขอสิ่งที่จับต้องได้ให้มากที่สุด!” ไป๋ชิงเหยียนกำชับไป๋จิ่นจื้อ

“มีเงินมากเท่าใด เราก็จะมีกองกำลังปราบโจรป่ามากขึ้นเท่านั้น”

ไป๋จิ่นจื้อพยักหน้า “ข้าเข้าใจแล้วเจ้าค่ะ ปฏิเสธการแต่งตั้งยศ แต่รับเงินทองไว้แทน! ข้าอายุยังน้อย ไม่รู้ความ ขอรางวัลจากฮ่องเต้มากหน่อยไม่น่าเกลียดเจ้าค่ะ”

ใบหน้าของไป๋ชิงเหยียนเต็มไปด้วยรอยยิ้ม หญิงสาวพยักหน้าน้อยๆ

รถม้าที่มารับเจิ้นกั๋วจวิ้นจู่และเกาอี้เซี่ยนจู่มุ่งหน้าไปยังวังหลวง ฮ่องเต้ให้ไป๋ชิงเหยียนและไป๋จิ่นจื้อเข้าเฝ้าในห้องหนังสือโดยมีรัชทายาทอยู่ด้วย

สีพระพักตร์ของฮ่องเต้ดีขึ้นเรื่อยๆ ดูหนุ่มลงกว่าเดิมหลายปี ไม่รู้เป็นเพราะดีพระทัยที่สงครามที่เป่ยเจียงได้รับชัยชนะ หรือเพราะยาวิเศษกันแน่

ไป๋ชิงเหยียนและไป๋จิ่นจื้อทำความเคารพฮ่องเต้อย่างนอบน้อม ฮ่องเต้อนุญาตให้นั่งลงได้ ทั้งสองคนค่อยๆ หยัดกายลุกขึ้น ไป๋จิ่นจื้อรีบเข้าไปช่วยประคองไป๋ชิงเหยียน

ฮ่องเต้จึงเห็นว่าสีหน้าของไป๋ชิงเหยียนไม่ค่อยสู้ดีนัก เดิมทีผิวของหญิงสาวขาวมากอยู่แล้ว เมื่อพิจารณาอย่างละเอียดบัดนี้แม้แต่ริมฝีปากของนางก็ไร้ซึ่งสีเลือด

รัชทายาทตกตะลึง “เมื่อวานจวิ้นจู่ยังดีๆ อยู่เลย เหตุใดจึงล้มป่วยเช่นนี้ ตามหมอหลวงหวงมาดูอาการดีหรือไม่!”

“ขอบพระคุณองค์รัชทายาทเพคะ ทว่า เหยียนไม่ได้เป็นอันใดร้ายแรง ร่างกายเหยียนไม่ค่อยแข็งแรงอยู่แล้ว ครั้งนี้ฝืนร่างกายเดินทางไปยังเป่ยเจียง เมื่อรบชนะศึกจึงรู้สึกหมดแรง เมื่อวานเดินทางมาถึงเมืองหลวงเหยียนจึงรู้สึกผ่อนคลายอย่างแท้จริง นึกไม่ถึงเลยว่าจะจับไข้สูงตั้งแต่บ่ายเมื่อวานเพคะ องค์รัชทายาทไม่ต้องทรงกังวลเพคะ ท่านอาหลูตรวจดูอาการให้แล้ว มิเป็นอันใดมากเพคะ”

ไป๋ชิงเหยียนกล่าวด้วยน้ำเสียงเอื่อยๆ แสดงให้เห็นว่าไม่มีแรงจริงๆ

“ท่านพี่รัชทายาท พระองค์ตำหนิพี่หญิงใหญ่ด้วยเถิดเพคะ พี่หญิงใหญ่เชื่อฟังคำของท่านพี่รัชทายาทมาก! ท่านอาหลูบอกว่าพี่หญิงใหญ่ป่วยเรื้อรังอยู่ สงครามครั้งนี้นางหักโหมใช้ร่างกายมากเกินไป หากเป็นเช่นนี้ต่อไป…”

ไป๋จิ่นจื้อกล่าวถึงตรงนี้ก็สะอื้นจนไม่สามารถกล่าวต่อได้อีก

รัชทายาทอารมณ์ดีขึ้นมาทันทีเพราะไป๋จิ่นจื้อเรียกเขาว่าท่านพี่รัชทายาท ทว่า ไม่ได้แสดงออกทางสีหน้า กล่าวอย่างเป็นกังวล “เราได้ยินแม่ทัพหลิวเล่าให้ฟังแล้วเหมือนกัน ลำบากเจิ้นกั๋วจวิ้นจู่แล้ว”

ไป๋ชิงเหยียนรีบลุกขึ้นยืนคำนับอย่างร้อนรน

“เหยียนเป็นชาวบ้านของแคว้นต้าจิ้น เป็นเจิ้นกั๋วจวิ้นจู่ของแคว้น ทำเพื่อบ้านเมืองคือหน้าที่ของเหยียนเพคะ เหยียนไม่กล้าคิดว่าเป็นเรื่องลำบาก บรรพบุรุษตระกูลไป๋สละชีพเพื่อบ้านเมืองมาโดยตลอด ในฐานะทายาทของตระกูลไป๋ เหยียนควรสืบทอดศรัทธาของตระกูล ทว่า เหยียนป่วยออดแอด ไม่อาจไปช่วยปกป้องชายแดนต้าจิ้นได้ เหยียนรู้สึกละอายใจยิ่งนักเพคะ”

ฮ่องเต้มองไป๋ชิงเหยียนซึ่งคุกเข่าอยู่บนพื้น การที่หญิงสาวร่างกายไม่แข็งแรงทำให้ฮ่องเต้วางพระทัยไม่น้อย

“เกาเต๋อเม่า รีบประคองจวิ้นจู่ลุกขึ้นมา!” ฮ่องเต้หันไปสั่ง

เกาเต๋อเม่ารีบเข้าไปประคองให้ไป๋ชิงเหยียนลุกขึ้น “จวิ้นจู่นั่งเถิดขอรับ!”

“ขอบพระทัยฝ่าบาทเพคะ…” ไป๋ชิงเหยียนทำความเคารพแล้วนั่งลง

ตอนนี้ฮ่องเต้ยังต้องการให้ไป๋ชิงเหยียนซึ่งทำให้ทุกแคว้นต่างหวาดกลัวมีชีวิตอยู่ต่อไปเช่นเดียวกับรัชทายาท!

“สงครามที่เป่ยเจียงครั้งนี้เราเอาชนะต้าเหลียงได้ จวิ้นจู่มีความดีความชอบอันใหญ่หลวง!“ ฮ่องเต้ทอดพระเนตรมองไป๋ชิงเหยียนที่มีสีหน้าซีดเซียว ลูบมือไปที่หมอนอิงพลางตรัสออกมาอย่างไม่รีบร้อน “รัชทายาททูลขอให้เราแต่งตั้งจวิ้นจู่เป็นองค์หญิง แต่งตั้งเกาอี้เซี่ยนจู่เป็นจวิ้นจู่ เราก็รู้สึกว่าสมควรเป็นอย่างยิ่ง…”

ฮ่องเต้มองออกว่าไป๋ชิงเหยียนจงรักภักดีต่อรัชทายาทจริงๆ เขาจึงยกความดีความชอบนี้ให้แก่รัชทายาท

รัชทายาทรับรู้จึงยิ้มออกมา “เสด็จพ่อทราบว่าก่อนหน้านี้บรรพบุรุษตระกูลไป๋ผลาญสมบัติของตระกูลไป๋ไปเกือบหมด คราวนี้มีของพระราชทานให้จวิ้นจู่ไม่น้อยเลย!”

เกาเต๋อเม่ารีบก้าวไปด้านหน้า ยื่นรายการของที่ฮ่องเต้พระราชทานให้ไป๋ชิงเหยียนอย่างลับๆ ไปตรงหน้าไป๋ชิงเหยียน

ไป๋ชิงเหยียนรีบลุกขึ้นยืนขอบคุณ จากนั้นกล่าวขึ้น “เหยียนและน้องหญิงสี่จงรักภักดีต่อแผ่นดินเป็นเรื่องที่สมควรเพคะ เหยียนจะนำของที่ฝ่าบาทพระราชทานให้ไปใช้ในการฝึกฝนชาวบ้านเพื่อปราบปรามโจรป่าทั้งหมดเพื่อตอบแทนพระมหากรุณาธิคุณของฝ่าบาทเพคะ”

“เสด็จลุงฮ่องเต้!” ไป๋จิ่นจื้อกล่าวขึ้นอย่างกะทันหัน

ฮ่องเต้ชะงักมือที่ลูบหมอนอิงนิ่ง สายตาหยุดอยู่ที่ไป๋จิ่นจื้อที่กำลังลืมตาโตมองมาทางตน เขารู้สึกประหลาดใจที่ไป๋จิ่นจื้อเรียกเขาว่าเสด็จลุงฮ่องเต้

ทว่า หากนับตามศักดิ์ องค์หญิงใหญ่คือเสด็จป้าของเขา บิดาของไป๋จิ่นจื้อคือญาติผู้น้องของเขา ไป๋จิ่นจื้อควรเรียกเขาว่าเสด็จลุงจริงๆ

เมื่อเห็นฮ่องเต้ทอดพระเนตรมา ไป๋จิ่นจื้อถลกชายกระโปรงวิ่งไปหยุดอยู่กลางห้อง คุกเข่าคำนับแนบพื้น “จิ่นจื้อมีเรื่องอยากทูลขอเพคะ เสด็จลุงฮ่องเต้อย่าทรงแต่งตั้งจิ่นจื้อเป็นจวิ้นจู่เลยเพคะ สำหรับจิ่นจื้อจวิ้นจู่หรือเซี่ยนจู่ไม่ได้แตกต่างกันสักนิด จิ่นจื้อยากปราบปรามโจรป่าให้สงบมากกว่าการเป็นจวิ้นจู่เพคะ บัดนี้ราชสำนักเพิ่งปราบปรามเป่ยเจียงและหนานเจียงให้สงบลงได้ ทว่า ซีเหลียงและต้าเหลียงยังคงจ้องพวกเราตาเป็นมันราวกับหมาป่าผู้หิวโหย ต้าจิ้นต้องส่งทหารไปป้องกันอย่างแน่นหนา!”

“ปีนี้เกิดภัยพิบัติขึ้นมากมาย ราชสำนักไม่มีเวลาไปจัดการโจรป่า ไป๋จิ่นจื้ออยากช่วยแบ่งเบาภาระของเสด็จลุงฮ่องเต้เช่นเดียวกับพี่หญิงใหญ่เพคะ ไป๋จิ่นจื้อไม่อยากได้ตำแหน่งจวิ้นจู่ อยากทูลขอให้เสด็จลุงฮ่องเต้พระราชทานเงินรางวัลให้มากหน่อยเพคะ เช่นนี้จิ่นจื้อจะได้มีเงินรวบรวมกำลังคนจากซั่วหยางไปปราบโจรมากขึ้นเพคะ หากชาวบ้านเหล่านั้นกินไม่อิ่มนอนไม่หลับ พวกเขาต้องไม่ยอมตามจิ่นจื้อไปปราบโจรแน่เพคะ!”

แววตาของไป๋จิ่นจื้อใสบริสุทธิ์ราวกับเด็กน้อย ช่างน่าเอ็นดูยิ่งนัก

ฮ่องเต้หัวเราะออกมาเบาๆ หันไปทางรัชทายาท “มีคนมาขอเงินจากเราอีกคนแล้ว!”

ไป๋จิ่นจื้อยิ้มกว้าง

“ลูกว่าเกาอี้เซี่ยนจู่ไม่ได้อยากได้เงินไปปราบปรามโจรป่าหรอกพ่ะย่ะค่ะ นางคงอยากได้เงินไปจ้างคนมาเล่นด้วยกับเพิ่มมากขึ้นนางมากกว่าพะย่ะค่ะ!” รัชทายาทหัวเราะออกมาอย่างอดไม่ได้

“ทว่า มีเจิ้นกั๋วจวิ้นจู่อยู่ ย่อม…”

เดิมทีรัชทายาทต้องการกล่าวว่ามีเจิ้นกั๋วจวิ้นจู่อยู่ต้องปราบปรามโจรป่าได้สำเร็จแน่นอน ทว่า เมื่อเห็นสีหน้าขาวซีดอ่อนแอของไป๋ชิงเหยียน รัชทายาทเปลี่ยนคำกล่าวทันที

“ย่อมควบคุมเกาอี้เซี่ยนจู่ได้แน่พ่ะย่ะค่ะ”

ไป๋จิ่นจื้อก้มศีรษะคำนับ “เสด็จลุงฮ่องเต้และเสด็จพี่รัชทายาทวางพระทัยได้เพคะ ไป๋จิ่นจื้อจะจัดทำบัญชีรายจ่ายอย่างละเอียดและส่งมาให้เสด็จลุงฮ่องเต้และเสด็จพี่รัชทายาทตรวจสอบทุกเดือนเพคะ!”

ฮ่องเต้หยัดกายนั่งตัวตรง เอ่ยถามนิ่งๆ “จวิ้นจู่มอบหมายเรื่องการปราบปรามโจรป่าให้เกาอี้เซี่ยนจู่เป็นคนรับผิดชอบอย่างนั้นหรือ”

ไป๋ชิงเหยียนยิดกายตรง คาราวะฮ่องเต้ จากนั้นมองไปทางไป๋จิ่นจื้อแวบหนึ่งราวกับกำลังหงุดหงิดน้องสาว ไป๋จิ่นจื้อรีบย่นคอ