ตอนที่ 451 อยู่ได้อีกไม่นาน

สตรีแกร่งตระกูลไป๋

ตอนที่ 451 อยู่ได้อีกไม่นาน

ไป๋ชิงเหยียนขมวดคิ้วแน่น กล่าวกับฮ่องเต้ “ทูลฝ่าบาท เมื่อวานท่านอาหลูตรวจชีพจรให้หม่อมฉันตอนอยู่ที่วัดชิงอัน กำชับให้หม่อมฉันพักผ่อนให้มาก อย่าได้หักโหมร่างกายอีก มิเช่นนั้นจะเป็นอันตรายต่อร่างกายเพคะ ไป๋จิ่นจื้อจึงอยากรับช่วงต่อเรื่องการฝึกชนชาวบ้านปราบปรามโจรป่า ทว่า จิ่นจื้อยังเด็ก หม่อมฉันไม่วางใจจึงยังไม่ได้อนุญาตเพคะ นึกไม่ถึงว่าเด็กคนนี้จะใจกล้ากล่าวเจ้าเล่ห์เช่นนี้ต่อหน้าพระพักตร์ของฝ่าบาท หวังให้ฝ่าบาททรงอนุญาตนางเพคะ”

“พี่หญิงใหญ่หลอกลวงเบื้องสูง! ท่านอาหลูกล่าวว่าหากพี่หญิงใหญ่หักโหมร่างกายอีกคงมีชีวิตอยู่ต่อได้อีกไม่นานแท้ๆ !” ไป๋จิ่นจื้อก้มศีรษะคำนับฮ่องเต้และองค์รัชทายาททั้งน้ำตา “เสด็จลุงฮ่องเต้ เสด็จพี่รัชทายาท จิ่นจื้อไม่ได้บังอาจนะเพคะ ท่านปู่ ท่านพ่อ ท่านลุง ท่านอาและบรรดาน้องชายล้วนเสียชีวิตในสนามรบจนหมดสิ้น จิ่นจื้อไม่อยากเสียพี่หญิงใหญ่ไปอีกคนเจ้าค่ะ! เสด็จลุงฮ่องเต้ได้โปรดมอบเรื่องการปราบปรามโจรป่าให้จิ่นจื้อรับผิดชอบเถิดเพคะ จิ่นจื้อจะทำให้ดีที่สุด ไม่ให้ด้อยไปกว่าพี่หญิงใหญ่เลยเพคะ เสด็จลุงฮ่องเต้ให้โอกาสจิ่นจื้อได้พิสูจน์ตัวเองเถิดนะเพคะ!”

ฮ่องเต้เชื่อใจฝีมือการรักษาของหลูหนิงฮว่า

อยู่ได้อีกไม่นานอย่างนั้นหรือ ฮ่องเต้ลูบหมอนอิงอย่างใช้ความคิด

“จิ่นจื้อ พี่เป็นคนรับปากกับชาวบ้านซั่วหยางว่าจะปราบโจรป่าให้ เจ้ามาขอร้องอ้อนวอนฝ่าบาทและองค์รัชทายาทเช่นนี้ มีแต่จะทำให้ทั้งสองพระองค์ลำบากพระทัย!” ไป๋ชิงเหยียนตวาดไป๋จิ่นจื้อ

“เกาอี้เซี่ยนจู่หวังดี!” ฮ่องเต้ตรัสขึ้นช้าๆ “เจิ้นกั๋วจวิ้นจู่ เมื่อกลับไปซั่วหยางจงพักผ่อนรักษาตัวให้ดี ร่างกายสำคัญที่สุด ให้เกาอี้เซี่ยนจู่ดูแลเรื่องการปราบโจรต่อเถิด!”

“ขอบพระทัยเสด็จลุงฮ่องเต้เพคะ!” ไป๋จิ่นจื้อรีบก้มศีรษะคำนับแนบพื้นราวกับกลัวว่าจะเกิดการเปลี่ยนแปลง

เดือนเจ็ด รัชศกเซวียนเจียปีที่สิบหก ต้าจิ้นรบชนะต้าเหลียง

เจิ้นกั๋วจวิ้นจู่ได้รับพระราชทานแต่งตั้งเป็นองค์หญิงเจิ้นกั๋ว เป็นสตรีเพียงคนเดียวที่ได้รับการแต่งตั้งเป็นองค์หญิงจากการรบชนะนับตั้งแต่สถาปนาแคว้นต้าจิ้นขึ้นมา

เกาอี้เซี่ยนจู่ได้รับพระราชทานแต่งตั้งเป็นเกาอี้จวิ้นจู่

แม่ทัพหลิวหงได้รับพระราชทานแต่งตั้งเป็นแม่ทัพใหญ่ฝู่จวิน แม่ทัพคนอื่นๆ ที่ไปร่วมสงครามต่างได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์และของรางวัลด้วยกันทั้งสิ้น

องค์รัชทายาทออกไปส่งไป๋ชิงเหยียนและไป๋จิ่นจื้อที่หน้าวังด้วยตัวเอง เขากล่าวยิ้มๆ “เมื่อเสด็จพ่อทรงประกาศพระราชโองการ เราคงต้องเปลี่ยนคำเรียกเป็นองค์หญิงเจิ้นกั๋วและเกาอี้จวิ้นจู่แล้ว!”

“เสด็จลุงฮ่องเต้ทรงพระทัยกว้างมากเพคะ! เดิมทีหม่อมฉันอยากแลกตำแหน่งจวิ้นจู่กับเงินทอง นึกไม่ถึงเลยว่าเสด็จลุงฮ่องเต้จะพระราชทานทั้งบรรดาศักดิ์และเงินทองให้หม่อมฉันเช่นนี้ ต่อไปหม่อมฉันคงไม่ต้องเกรงกลัวผู้ใดในซั่วหยางอีก…” ไป๋จิ่นจื้อกล่าวอย่างอารมณ์ดี

“ไป๋จิ่นจื้อ…” ไป๋ชิงเหยียนหันไปมองไป๋จิ่นจื้อ

ไป๋จิ่นจื้อรีบหัวเราะแห้ง “หยอกเล่นเจ้าค่ะ หยอกเล่น!”

องค์รัชทายาทขบขำกับกิริยาของไป๋จิ่นจื้อ “พระราชโองการยังไม่ลงมา วันนี้จวิ้นจู่กับเซี่ยนจู่คงยังกลับซั่วหยางไม่ได้ หากจวิ้นจู่ยังพอทนไหว ไปนั่งเล่นที่จวนองค์รัชทายาทสักครู่ดีหรือไม่ เรามีเรื่องอยากปรึกษาจวิ้นจู่”

ไป๋ชิงเหยียนพยักหน้าแล้วหันไปกล่าวกับไป๋จิ่นจื้อ “เจ้ากลับจวนไปก่อน”

ไป๋จิ่นจื้อมองไปทางองค์รัชทายาทอย่างขอร้อง “เสด็จพี่รัชทายาท ท่านช่วยกล่าวชมหม่อมฉันต่อหน้าพี่หญิงใหญ่ด้วยนะเพคะ อย่าให้นางกลับมาดุหม่อมฉันนะเพคะ!”

องค์รัชทายาทยิ้มกว้างกว่าเดิมพลางพยักหน้า “เซี่ยนจู่ไม่ต้องเป็นห่วง ปล่อยเป็นหน้าที่เรา”

ไป๋จิ่นจื้อย่อกายอำลา จากนั้นขึ้นไปบนรถม้า

เมื่อถึงจวนองค์รัชทายาท องค์รัชทายาทสั่งให้เฉวียนอวี๋ไปเชิญเซียวหรงเหยี่ยนมาที่จวน อีกทั้งกำชับให้เซียวหรงเหยี่ยนขี่ม้ามา จากนั้นสั่งให้คนในจวนเตรียมงานเลี้ยงด้วยอาหารมังสวิรัติ

องค์รัชทายาทไม่เคยยอมแพ้เรื่องจับคู่ให้เซียวหรงเหยี่ยนและไป๋ชิงเหยียน

ทุกครั้งที่เซียวหรงเหยี่ยนเดินทางมายังเมืองหลวง ชายหนุ่มมักมีของล้ำค่าหายากมาฝากเขาทุกครั้ง องค์รัชทายาทจึงอดโลภขึ้นมาไม่ได้

บ่อเงินบ่อทองขนาดใหญ่อยู่ตรงหน้าเขา เขาจะไม่หวั่นไหวได้อย่างไรกัน

องค์รัชทายาทพาไป๋ชิงเหยียนไปในห้องตำรา จากนั้นสั่งให้คนไปเชิญฟางเหล่า ฉินซ่างจื้อและเริ่นซื่อเจี๋ยมา

ครั้งล่าสุดที่ไป๋ชิงเหยียนพบหน้าฉินซ่างจื้อคือตอนก่อนเดินทางไปจากเมืองหลวง ตอนนั้นสีหน้าของฉินซ่างจื้อไม่ค่อยสู้ดีนัก พบหน้ากันครั้งนี้…เขาผอมซูบยิ่งกว่าเดิม กลับกลายเป็นฟางเหล่าที่แม้อายุมากแล้ว ทว่า ใบหน้ายังดูสดใสแข็งแรงราวกับคนหนุ่มอยู่

เมื่อเห็นไป๋ชิงเหยียน ฉินซ่างจื้อและเริ่นซื่อเจี๋ยรีบทำความเคารพหญิงสาว “คารวะจวิ้นจู่ขอรับ!”

“ท่านทั้งสองเกรงใจเกินไปแล้ว” ไป๋ชิงเหยียนก้มศีรษะให้เล็กน้อย สายตาหยุดอยู่ที่ฟางเหล่า จากนั้นก้มศีรษะทักทายเล็กน้อย “ฟางเหล่า…”

ฟางเหล่าจึงทำความเคารพไป๋ชิงเหยียนอย่างไม่รีบร้อน เอ่ยทักทายออกมาประโยคหนึ่ง “จวิ้นจู่!”

“นั่งลงเถิด!” องค์รัชทายาทนั่งลงเป็นคนแรก

เฉวียนอวี๋พาบรรดานางกำนัลเข้ามาถวายน้ำชา ส่วนตนนำชากุหลาบไปวางตรงหน้าไป๋ชิงเหยียนด้วยตัวเอง กล่าวเสียงแผ่วเบา “จวิ้นจู่ร่างกายไม่ค่อยแข็งแรง ดื่มชาดอกไม้ดีต่อร่างกายมากกว่าขอรับ”

“ขอบคุณเฉวียนอวี๋กงกงมาก” ไป๋ชิงเหยียนพยักหน้าขอบคุณเฉวียนอวี๋

เฉวียนอวี๋เห็นใบหน้าซีดเผือดไร้สีเลือดของไป๋ชิงเหยียนก็รู้สึกเป็นห่วงหญิงสาวมาก ทว่า ทำได้แต่ถอยไปยืนเฝ้านอกห้องตำรา

“ทูตของต้าเว่ยลอบมาเข้าเฝ้าเสด็จพ่อที่แคว้นต้าจิ้น กล่าวว่าต้าเยี่ยนจงใจถ่อมตัว ทว่า มีจุดประสงค์อื่นแอบแฝง หลายปีมานี้ต้าเยี่ยนลอบสร้างความแข็งแกร่งภายในแคว้นโดยไม่เปิดเผยความสามารถให้ผู้อื่นรับรู้ ลงมือยึดหนานเยี่ยนกลับคืน จากนั้นให้ความช่วยเหลือเป่ยหรงต่อกรกับหนานหรงเพราะต้องการครอบครองพื้นที่ราบสำหรับเลี้ยงม้าอันกว้างใหญ่ เห็นได้ชัดว่าพวกเขามีความทะเยอทะยานอยากครอบครองใต้หล้า หากปล่อยให้ต้าเยี่ยนดำรงอยู่ต่อไป วันหนึ่งกองทัพของพวกเขาต้องแข็งแกร่งจนเป็นอันตรายต่อทุกแคว้น บัดนี้แคว้นต้าจิ้นสามารถทำลายต้าเยี่ยนได้ นอกจากต้าเว่ยแล้วก็มีเพียงต้าจิ้น ต้าเว่ยต้องการร่วมมือกับต้าจิ้นบุกทำลายล้างต้าเยี่ยนจากนั้นแบ่งผลประโยชน์กัน ทุกท่านมีความเห็นเช่นไรบ้าง”

ไป๋ชิงเหยียนยกน้ำชาขึ้นจิบด้วยสีหน้าเรียบเฉย ต้าเว่ยมีคนมีความสามารถอยู่สินะ แค่มองก็รู้จุดประสงค์ของต้าเยี่ยนชัดเจนถึงเพียงนี้

ฉินซ่างจื้อไม่ได้เสนอความเห็นอย่างกระตือรือร้นเหมือนก่อนหน้านี้อีกแล้ว เขาทำเพียงนั่งจิบน้ำชานิ่งๆ เหมือนเริ่นซื่อเจี๋ย

“ฝ่าบาททรงมีความคิดเห็นเช่นไรพ่ะย่ะค่ะ” ฟางเหล่าเอ่ยถาม

“ดูเหมือนเสด็จพ่อทรงอยากจะฝึกฝนเรา ทรงกำชับให้เราไตร่ตรองเรื่องนี้ให้ดี อีกสามวันค่อยให้คำตอบพระองค์ว่าเราจะจัดการเช่นไร…” องค์รัชทายาทขมวดคิ้วแน่นอย่างเป็นกังวล กลัวว่าหากตนให้คำตอบที่ไม่ตรงพระทัยเสด็จพ่อจะโดนเสด็จพ่อตำหนิ

ไป๋ชิงเหยียนก้มหน้ามองใบกุหลาบที่ลอยขึ้นมาเหนือน้ำชา นางไม่คิดว่าฮ่องเต้ต้องการฝึกฝนองค์รัชทายาท แค่ใจของฮ่องเต้ไม่ได้อยู่ที่การปกครองบ้านเมืองก็เท่านั้น

ฟางเหล่าลูบเคราของตัวเอง หรี่ตาแคบลงอย่างใช้ความคิดพักใหญ่ จากนั้นจึงเอ่ยขึ้น “องค์ชาย กระหม่อมคิดว่าต้าจิ้นเพิ่งทำสงครามที่หนานเจียงและสงครามกับต้าเหลียงมา ไม่ควรเปิดศึกกับแคว้นใดอีก ควรพักฟื้นก่อนพ่ะย่ะค่ะ! ก่อนหน้านี้กองทัพของต้าเว่ยบุกประชิดชายแดนต้าเยี่ยน ทว่า ไม่ยอมบุกเข้าไปเปิดศึกกับต้าเยี่ยนเสียที บัดนี้มาขอความร่วมมือจากต้าจิ้นก็แค่อยากเพิ่มความแข็งแกร่งให้แคว้นของตัวเองเท่านั้นพ่ะย่ะค่ะ”

องค์รัชทายาทพยักหน้า มองไปทางฟางเหล่าที่กำลังวิเคราะห์อย่างตั้งใจ

“ร่วมมือกับต้าเว่ยทำลายแคว้นต้าเยี่ยน! แม้ฟังดูดี ทว่า จะแบ่งแคว้นต้าเยี่ยนกันเช่นไรพ่ะย่ะค่ะ พื้นที่ที่ดีที่สุดของต้าเยี่ยนล้วนอยู่ทางทิศใต้ ต้าเยี่ยนมีชายแดนเชื่อมติดกับต้าเว่ย เมื่อแบ่งดินแดนต้าเยี่ยนต้องตกเป็นของต้าเว่ยแน่นอน ส่วนทางเหนือของต้าเยี่ยนมีแต่ความแห้งแล้งยากจน เมื่อเข้าฤดูหนาวต้องเผชิญกับภัยหนาวทุกปี ต้าจิ้นของเราจะเอาดินแดนครึ่งนี้ไปทำสิ่งใดกันพ่ะย่ะค่ะ เราต้องส่งเงินไปช่วยเหลือภัยหนาวทุกปี สูญเสียกำลังทรัพย์ของต้าจิ้นหรือพ่ะย่ะค่ะ หากเราร่วมมือกับต้าเว่ยกำจัดต้าเยี่ยนจริงๆ ก็เหมือนเป็นการเหนื่อยตัดชุดให้ผู้อื่นนำไปใส่ ช่วยให้ต้าเว่ยได้ครอบครองต้าเยี่ยนเท่านั้นพ่ะย่ะค่ะ”

องค์รัชทายาทกระจ่างแจ้งในทันที เขาพยักหน้าพลางหันไปมองไป๋ชิงเหยียน “จวิ้นจู่มีความเห็นเช่นไร”

ไป๋ชิงเหยียนวางถ้วยชาลง กล่าวขึ้นช้าๆ “ฟางเหล่ากล่าวมีเหตุผลเพคะ ทว่า เขามองสถานการณ์แคบไปสักหน่อย”