ตอนที่ 452 รังเกียจ

สตรีแกร่งตระกูลไป๋

ตอนที่ 452 รังเกียจ

ฟางเหล่าเลิกคิ้วมองไปทางไป๋ชิงเหยียน “จวิ้นจู่หมายความว่าอย่างไรขอรับ”

“เป็นดังที่ฟางเหล่ากล่าว ต้าจิ้นและต้าเว่ยร่วมมือกันกำจัดต้าเยี่ยนจากนั้นแบ่งดินแดน ดินแดนทางใต้ที่อุดมสมบูรณ์ของต้าเยี่ยนอยู่ติดกับต้าเว่ย ดินแดนแห้งแล้งทางเหนือของต้าเยี่ยนอยู่ติดกับต้าจิ้น ไม่เป็นผลดีต่อแคว้นต้าจิ้นของเรา! ทว่า มีประโยคหนึ่งที่ต้าเว่ยกล่าวได้ถูกต้อง หลายปีมานี้ต้าเยี่ยนลอบสร้างความแข็งแกร่งภายในแคว้น ไม่เปิดเผยความสามารถของตัวเองว่าทำได้ถึงขั้นใด นี่ไม่ใช่สิ่งที่น่าหลาดกลัวสำหรับทุกแคว้นหรอกหรือ หวนนึกถึงตอนที่จีโฮ่วเสนอการปกครองระบอบใหม่แล้วทุกแคว้นต่างดูถูก ตอนนั้นต้าเยี่ยนก็เก็บงำความสามารถของตัวเองไว้เช่นกัน สิบปีหลังจากนั้น กองทัพใหม่ปรากฏตัวขึ้น ดาบคมของต้าเยี่ยนมุ่งไปทางใด แคว้นเล็กเหล่านั้นล้วนดับสูญ หากไม่ใช่เพราะจักรพรรดิต้าเยี่ยนฟื้นคืนสติจากอาการฟั่นเฟือนแล้วยึดอำนาจกลับคืนมา ด้วยความสามารถของต้าเยี่ยนในตอนนั้นการทำลายแคว้นต่างๆ แล้วรวบรวมใต้หล้าเป็นหนึ่งเดียวเป็นเรื่องที่ง่ายนิดเดียว!”

ไป๋ชิงเหยียนหันไปมองรัชทายาท “องค์ชายทรงจำได้หรือไม่เพคะว่าตอนที่เราได้รับชัยชนะที่หนานเจียง เหยียนเคยเสนอให้องค์ชายส่งกองกำลังไปช่วยหรงตี๋เพื่อครอบครองพื้นที่เลี้ยงม้าอันกว้างใหญ่ของหรงตี๋ เตรียมการสำหรับหนทางในวันข้างหน้า ตอนนั้นองค์ชายและฝ่าบาทต่างคิดว่าต้าจิ้นสูญเสียกองกำลังไปมากแล้ว ควรพักฟื้นก่อน ดังนั้นจึงไม่ได้ส่งกองกำลังไปยังหรงตี๋”

แม้คำกล่าวของไป๋ชิงเหยียนจะเป็นการสรรเสริญฮ่องเต้และรัชทายาท ทว่า หญิงสาวกล่าวอย่างจริงใจที่สุด รัชทายาทพยักหน้ารัว “จำได้”

“ทว่า เวลานั้นต้าเยี่ยนกลับส่งกองกำลังไปช่วยเหลือหรงตี๋!” ไป๋ชิงเหยียนกล่าวอย่างไม่รีบร้อน

“องค์ชายทรงอย่าลืมนะเพคะว่าจักรพรรดิมู่หรงอวี้คือโอรสของจีโฮ่ว จีโฮ่วเลี้ยงดูพระองค์เติบใหญ่ เขาไม่เคยลืมปณิธานที่จะการรวบรวมใต้หล้าให้เป็นหนึ่งของจีโฮ่ว เขายึดหนานเยี่ยนกลับคืนสู่ต้าเยี่ยน ช่วยเหลือเป่ยหรงต่อกรกับหนานหรงเพราะต้องการครอบครองพื้นที่เลี้ยงม้า เขาทำสิ่งเหล่านี้เพื่อปูทางสำหรับการครอบครองใต้หล้าทั้งสิ้น…”

“แม้แคว้นต้าจิ้นของเราจะตั้งอยู่ใจกลางของทุกแคว้น ทว่า ทั้งสี่ทิศรายล้อมไปด้วยศัตรู หากครั้งนี้เรากำจัดต้าเยี่ยนได้ วันหนึ่งหากอยากครอบครองใต้หล้า เราก็ไม่จำเป็นต้องกังวลต้าเยี่ยนซึ่งอยู่ทางด้านตะวันตกของเรา ต้าจิ้นไม่จำเป็นต้องแบ่งกองทัพไปยังทิศตะวันตก แม้สงครามครั้งนี้จะไม่ได้ผลประโยชน์ ทว่า เป็นการปูทางสำหรับสิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่าในวันข้างหน้าเพคะ”

ฉินซ่างจื้อพยักหน้ารัวๆ “องค์ชาย จวิ้นจู่กล่าวถูกต้องแล้วพ่ะย่ะค่ะ! ต้าเยี่ยนต้องการครอบครองใต้หล้า แม้ต้าจิ้นจะไม่ได้ผลประโยชน์จากการทำลายแคว้นต้าเยี่ยน ทว่า หากมองการไกล พวกเราทำลายแคว้นต้าเยี่ยนเพื่อกำจัดอุปสรรคในการครอบครองใต้หล้าในวันข้างหน้าของต้าจิ้นพ่ะย่ะค่ะ”

“ฉินเซียนเซิงกล่าวเกินไปหรือไม่ แคว้นเล็กๆ ที่ยากจนอย่างต้าเยี่ยนจะกลายเป็นอุปสรรคต่อต้าจิ้นอย่างนั้นหรือ ฉินเซียนเซิงประเมินค่าต้าเยี่ยนสูงส่งไปหรือไม่!”

ฟางเหล่ามองไปทางฉินซ่างจื้อด้วยสายตาเหยียดหยาม จากนั้นหันไปคาราวะรัชทายาท

“ต่อให้ต้าเยี่ยนทะเยอทะยานอยากครอบครองใต้หล้าจริงดั่งที่เจิ้นกั๋วจวิ้นจู่กล่าว ทว่า ความสามารถของต้าเยี่ยนมีไม่เท่าความทะเยอทะยานของพวกเขาพ่ะย่ะค่ะ การรวบรวมใต้หล้าเป็นเรื่องที่ลำบากยานเย็นมาก แคว้นที่เกือบจะล่มจมอย่างต้าเยี่ยนจะกล้าครอบครองใต้หล้าได้อย่างไรพ่ะย่ะค่ะ!”

รัชทายาทก้มหน้าขึ้นตาม จากนั้นพยักหน้าอย่างเห็นด้วย

“กระหม่อมคิดว่าเราควรป้องกันต้าเยี่ยนไว้ ทว่า บัดนี้ไม่ควรส่งกองกำลังไปช่วยเหลือแคว้นต้าเว่ยกอบโกยผลประโยชน์พ่ะย่ะค่ะ! องค์ชายทรงบอกเรื่องที่ต้าเว่ยต้องการร่วมมือกับต้าจิ้นทำลายต้าเยี่ยนให้องค์ชายมู่หรงลี่แห่งต้าเยี่ยนที่เป็นประกันอยู่ที่เรารับรู้เถิดพ่ะย่ะค่ะ ให้เขาส่งข่าวไปให้แคว้นของเขา จากนั้นให้ต้าเยี่ยนกับต้าเว่ยทำสงครามกันเอง พวกเรามองดูอยู่เฉยๆ รอเก็บเกี่ยวผลประโยชน์ภายหลังเถิดพ่ะย่ะค่ะ! ลองดูสิว่าต้าเยี่ยนจะมีความสามารถมากเพียงใดกันแน่!” ฟางเหล่ากล่าวกับรัชทายาท

“นั่นสิ ควรบอกเรื่องนี้ให้องค์ชายมู่หรงลี่ทราบ ต้าเยี่ยนแสดงความจริงใจโดยการส่งองค์ชายซึ่งเกิดจากฮองเฮามาเป็นตัวประกันที่ต้าจิ้น ต้าจิ้นของเราจะทำให้ต้าเยี่ยนเสียน้ำใจได้อย่างไรกัน”

รัชทายาทดูเหมือนจะพอใจกับแผนการของฟางเหล่ามาก ใบหน้าของเขามีแต่รอยยิ้ม

ฉินซ่างจื้อเม้มปากแน่น กำมือที่ซ่อนอยู่ในแขนเสื้อแน่น

หากต้าจิ้นไม่ยอมร่วมมือกับต้าเว่ย ต้าเว่ยไม่มีทางลงมือแน่นอน…

เป็นจริงดังที่ไป๋ชิงเหยียนกล่าว ต้าเยี่ยนไม่ยอมเปิดเผยความสามารถที่แท้จริง ต้าเว่ยจะไม่รู้เรื่องนี้เชียวหรือ

ไป๋ชิงเหยียนก้มหน้าต่ำ ในฐานะคนแคว้นต้าจิ้น นางกล่าวสิ่งที่สมควรกล่าวออกไปหมดแล้ว ผู้ครองแคว้นจะรับฟังหรือไม่เป็นเรื่องที่ฮ่องเต้และรัชทายาทต้องตัดสินใจเอง

รัชทายาทเห็นว่าไป๋ชิงเหยียนไม่กล่าวสิ่งใดออกมา เขาไม่อยากทำลายน้ำใจของหญิงสาวจึงกล่าวขึ้น

“จวิ้นจู่มีความเห็นเช่นไร”

“หากองค์ชายจะใช้แผนการของฟางเหล่า เหยียนคิดว่าสามารถเพิ่มเติมได้อีกนิดเพคะ” ไป๋ชิงเหยียนกล่าวด้วยเสียงอ่อนโยน

“หากต้าเยี่ยนทำสงครามกับต้าเว่ยขึ้นมาจริงๆ แคว้นต้าจิ้นของเราดูอยู่เฉยๆ ทว่า เมื่อสองแคว้นย่อยยับทั้งคู่ ต้าจิ้นค่อยเสนอตัวร่วมมือกับต้าเว่ยทำลายต้าเยี่ยน ถึงเวลานั้นพื้นที่ใดควรตกเป็นของต้าจิ้น พื้นที่ใดควรตกเป็นของต้าเว่ย ต้าจิ้นมีอำนาจตัดสินใจเต็มที่เพคะ”

ฉินซ่างจื้อขมวดคิ้วแน่นขึ้นกว่าเดิม นี่มันคือการวางแผนซ้อนแผนอีกที!

ทว่า มันคือกรณีที่ต้าเว่ยตัดสินใจบุกโจมตีต้าเยี่ยนโดยไม่ได้รับร่วมมือกับต้าจิ้น

“ดี!” รัชทายาทอารมณ์ดีมาก “เราจะเข้าวังไปทูลเสด็จพ่อก่อนเสวยอาหารค่ำวันนี้”

“เฉวียนอวี๋!” รัชทายาทเอ่ยเรียก “ไปดูสิว่าเซียวเซียนเซิงมาถึงแล้วหรือไม่ หากมาแล้วก็เริ่มงานเลี้ยงได้ วันนี้เราจะฉลองที่จวิ้นจู่รบชนะกลับมา!”

ได้ยินชื่อเซียวหรงเหยี่ยน มือที่กำลังถือถ้วยชาของไป๋ชิงเหยียนชะงักทันที หญิงสาวเม้มปากแน่น

รัชทายาทกล่าวกับไป๋ชิงเหยียนยิ้มๆ “เมื่อวานเจ้าเป็นห่วงท่านย่าจึงไม่ได้ไปร่วมงานเลี้ยงฉลองที่เสด็จพ่อจัดขึ้นในวัง วันนี้เรามาฉลองกันที่จวนรัชทายาท ดื่มด่ำกับบรรยากาศให้ผ่อนคลาย วันนี้ไม่มีสุรา มีแต่อาหารมังสวิรัติ เจ้าบ่ายเบี่ยงไม่ได้แล้วนะ!”

ไป๋ชิงเหยียนลุกขึ้นยืนคำนับของคุณพลางพยักหน้าตกลง

ไป๋ชิงเหยียนเดินตามกลุ่มของรัชทายาทออกมาจากมุมหนึ่งของระเบียงทางเดิน หญิงสาวเห็นเซียวหรงเหยี่ยนในชุดยาวสีขาวเรียบนั่งชมดอกไม้อยู่บนเก้าอี้สีทองอยู่ไกลๆ ร่างของชายหนุ่มให้ความรู้สึกปลอดโปร่งและผ่อนคลายยิ่งนัก

เพราะระยะห่างทำให้ไป๋ชิงเหยียนมองเห็นใบหน้าของเซียวหรงเหยี่ยนไม่ชัด ทว่า หญิงสาวสัมผัสได้ถึงความสุขุมนุ่มลึกและอ่อนโยนที่แผ่ออกมาจากตัวของชายหนุ่ม

ใบไม้ร่วงหล่น เซียวหรงเหยี่ยนเอื้อมมือปัดใบไม้ที่ตกอยู่ที่หน้าขาองตัวเองออกด้วยท่าทีเฉยชา

“หรงเหยี่ยน!” รัชทายาทเอ่ยเรียกเซียวหรงเหยี่ยนอย่างสนิทสนม

เซียวหรงเหยี่ยนลุกขึ้นยืนทันทีที่ได้ยินเสียง จากนั้นคาราวะไปทางรัชทายาท “องค์ชาย!”

ชายหนุ่มหันไปทางไป๋ชิงเหยียน ทำความเคารพด้วยรอยยิ้ม “จวิ้นจู่!”

ไป๋ชิงเหยียนก้มศีรษะให้เล็กน้อย ทว่า สายตาของหญิงสาวหยุดอยู่ที่ปิ่นปักผมหยกบนผมของชายหนุ่ม…

ปิ่นหยกเล่มนั้นเหมือนกับปิ่นหยกที่เซียวหรงเหยี่ยนมอบให้นางเมื่อวานไม่มีผิดเพี้ยน

เซียวหรงเหยี่ยนเงยหน้าขึ้น ดวงตาดำขลับของเขาหยุดอยู่ที่ใบหน้าของหญิงสาวนิ่ง แววตาสงบนิ่งและล้ำลึก

รัชทายาทเดินไปหยุดอยู่ข้างกายของเซียวหรงเหยี่ยนยิ้มๆ กล่าวขึ้น “หลังจากวันนี้เป็นต้นไปเจ้าต้องเรียกนางว่าองค์หญิงแล้ว! ไปเถิด ไปสนทนากันต่อด้านใน”

รัชทายาทรั้งแขนของเซียวหรงเหยี่ยนให้เดินไปด้านในพร้อมกับเขาอย่างสนิทสนม

“เชิญจวิ้นจู่ขอรับ!” เฉวียนอวี๋ขวางทางฟางเหล่าที่เตรียมจะเดินเข้าไปด้านในไว้ ผายมือเชิญไป๋ชิงเหยียน

แม้ฟางเหล่าจะรู้สึกไม่ค่อยพอใจ ทว่า เขารู้ความแตกต่างระหว่างฐานะดี เมื่อเห็นไป๋ชิงเหยียนเดินเข้าไปด้านในแล้ว เขาจึงค่อยเดินตามเข้าไป

รัชทายาทตั้งใจจะจับคู่คนทั้งสอง ดังนั้นจึงจัดที่นั่งของเซียวหรงเหยี่ยนให้อยู่ถัดจากไป๋ชิงเหยียน

“เจิ้นกั๋วจวิ้นจู่อยู่ในช่วงไว้ทุกข์ แม้วันนี้จะเป็นการเฉลิมฉลองชัยชนะของจวิ้นจู่ ทว่า ไม่มีดนตรีบรรเลง ไม่มีสุรา มีแต่อาหารมังสวิรัติและน้ำหวานจากดอกกุ้ยฮวาที่พระชายาหมักด้วยตัวเอง หวังว่าหรงเหยี่ยนจะไม่รังเกียจ” รัชทายาทกล่าวยิ้มๆ

“ไม่แน่นอนพ่ะย่ะค่ะ องค์ชายทรงคิดได้รอบคอบมากพ่ะย่ะค่ะ”

เซียวหรงเหยี่ยนลุกขึ้นยืนพลางชูถ้วยตรงหน้าไปทางรัชทายาทยิ้มๆ