บทที่ 460 ตรรกะโจร

บทที่ 460 ตรรกะโจร

ผู้อำนวยการไม่เข้าใจ เขาไม่รู้ว่าฉือเก๋อคิดอะไรอยู่ เพราะอีกฝ่ายไม่ใช่คนใจกว้าง เขาเลยรู้สึกหวาดกลัวจริง ๆ เป็นอย่างที่คิดเอาไว้ไม่ผิด กลัวอะไรก็ได้อย่างนั้นหรือ จากนั้นก็ได้ยินฉือเก๋อเอ่ยขึ้น

“คนที่ชื่อหม่าอะไรนั่นที่มาจากโรงงานของคุณ ควรจะมาขอโทษหน่อยหรือเปล่า?”

ฉือเก๋อถือถ้วยชาในมือ ท่าทางสบาย ๆ แต่เขารู้ว่าเจ้าตัวเอาจริง

ฉืออวี้เลี่ยงอดด่าในใจไม่ได้ ‘ไอ้บ้าแซ่หม่านั่น ทำไมต้องยั่วโมโหฉือเก๋อด้วยเนี่ย?’

แล้วคนที่โดนยั่วโมโหจะไม่รู้ได้ยังไงว่าใครทำเขาน่ะ? หรือเพราะการได้เป็นรองผู้อำนวยการถึงทำให้เขาอวดเบ่ง?

ไอ้จอมหลอกลวง ไม่รู้หรือไงว่าสถานะของคุณฉือเก๋อสูงส่งขนาดไหนน่ะ?

ขนาดเขาที่เป็นผู้อำนวยการยังรู้สึกเป็นเกียรติที่ได้พบเขาเลย

หม่าว่านกั๋วที่กำลังนอนสบายกายจามอีกครั้ง

วันนี้จามไปกี่รอบแล้ว?

เขาเริ่มสงสัยว่าตัวเองติดเชื้อไวรัสที่โรงพยาบาลหรือเปล่า?

ไม่ได้การแล้ว เขาควรออกจากโรงพยาบาลตอนนี้เลยหรือเปล่า?

“พยาบาล พยาบาล…” หม่าว่านกั๋วตะโกนเสียงดังลั่น

“คุณเป็นอะไรคะ?” ภรรยาหม่าว่านกั๋วถามอย่างร้อนรน

เหมือนคนของเราจะมีอาการชัดเลย เมื่อกลางวันก็บอกว่าป่วย อยู่ไม่ได้ต้องนอนโรงพยาบาล

นอนก็นอน เพราะเราเบิกค่ารักษาได้อยู่แล้ว ไม่ต้องจ่ายเอง แต่การให้มาดูแลด้วยเนี่ย คิดว่าเธอไม่มีงานการทำหรือไง?

……

หออีหมิง

ถึงฉืออวี้เลี่ยงจะด่าอยู่ในใจ แต่ใบหน้าก็ยังมีรอยยิ้มเหมือนกับพระสังกัจจายน์เลย

“ถ้ารองผู้อำนวยการหม่าทำอะไรผิดตรงไหน ผมจะบอกให้เขามาขอโทษคุณแน่นอนครับ!”

เพื่อให้คุณฉือช่วยเหลือเรา ไม่ใช่แค่ขอโทษเท่านั้นนะ แต่บังคับให้ก้มหัวขอโทษอีกฝ่ายแน่ ๆ แต่หลังจากที่พูดจบ ฉือเก๋อกลับไม่มีความสุขแถมยังดึงหน้าจนตึง

ฉืออวี้เลี่ยงสงสัยว่าฉือเก๋อหลอกล่อพวกเรามาทรมานหรือเปล่า?

แต่กล้าพูดไหมล่ะ?

ไม่กล้าหรอก!

“ขอโทษฉันหรือ?”

ชายวัยกลางคนตกใจจนอยากร้องไห้

คุณต้องการอะไรก็บอกมาตรง ๆ เลยจะดีกว่า มาให้ผมเดาอยู่ได้ สมองทื่อ ๆ แบบนี้มันใช้การได้ไม่ดีหรอกนะ!

“ผู้อำนวยการ คนที่รองผู้อำนวยการหม่าทำให้เคืองใจเนี่ยคือสหายซูเสี่ยวเถียนนะ!”หลี่ว์หรูหยาเข้าใจในฉับพลันและรีบเตือนทันที

ฉืออวี้เลี่ยงมองเด็กสาวด้วยความลังเล เขาทำงานกับหม่าว่านกั๋วมานานเลยรู้ว่าอีกฝ่ายมีนิสัยยังไง

ถ้าต้องขอโทษฉือเก๋อ เราบังคับเขาได้ แต่ถ้าขอโทษเด็กคนนี้เกรงว่าอีกฝ่ายคงไม่ฟัง

เรื่องนี้เราต้องค่อย ๆ คุยกัน!

ฉือเก๋อสังเกตเห็นความลังเลใจของผู้อำนวยการ เลยพ่นลมหายใจเย็นชาออกมา

“ไม่ทำก็ได้นะ ลูกศิษย์ของฉันก็คงไม่จำเป็นต้องช่วยเหลือพวกคุณเหมือนกัน!”

ฉืออวี้เลี่ยงอยากร้องไห้ แต่ไม่มีน้ำตาไหลออกมา

นี่มันตรรกะโจร*[1] ไม่ใช่หรือไง?

เราตกลงกันแล้วนะ จะเปลี่ยนใจได้ยังไง?

แต่ตอนนี้จะไปพูดอะไรได้ล่ะ?

ฉืออวี้เลี่ยงเสียใจจริง ๆ คิดไม่ตกว่าทำไมต้องตามรองผู้อำนวยการหลี่ว์มาด้วย?

เดิมทีเรื่องยุ่งยากพวกนี้ยกให้อีกฝ่ายทำก็ได้!

ถ้าไม่ได้ผลก็หาคนสร้างเรื่องมาสิ หม่าว่านกั๋วเป็นตัวต้นเรื่องเลย เขาจะต้องมีความสามารถในการจัดการแน่นอน

เห็นคนจากโรงงานยืนร้องไห้ ซูเสี่ยวเถียนจึงอารมณ์ดีเป็นพิเศษ

เธอมองฉือเก๋ออย่างสนิทสนม

คุณปู่ฉือกำลังให้หน้าเธออยู่

ฮึ่ม ครั้งแรกเลยนะที่รู้สึกว่าพิงร่มเงาไม้ใหญ่*[2] ทำไมมันยากเย็นขนาดนี้น่ะ…

“ปู่ฉือ!” เสี่ยวเถียนทำเสียงหวานกว่าปกติ

ฮั่วซือเหนียนขนลุกเกรียว

เขามองฉือเก๋ออีกครั้ง ชายชราเหมือนจะได้รับประโยชน์พอสมควร

รู้เลยว่าปกติเด็กคนนี้คิดใช้ประโยชน์จากสิ่งนี้บ่อยแค่ไหน

“สาวน้อย ไม่ว่าเธอจะทำสำเร็จหรือไม่ ทุกอย่างขึ้นกับการแสดงของเธอแล้วนะ!”

ฉือเก๋อไว้ใจเสี่ยวเถียนอย่างหน้ามืดตามัว

เมื่อซูเสี่ยวเถียนบอกว่าเธอเข้าใจ เขาก็เชื่อมั่นว่าครั้งนี้เธอได้ช่วยปูทางให้กับผู้หญิงคนนี้

เสี่ยวเถียนเองก็ไม่ต่างกัน ตำแหน่งของเธอในแวดวงนักแปลจะถูกตัดสินในภายภาคหน้าแน่นอน

“ปู่ไม่ต้องห่วงนะ ตอนนี้ทุกคนรู้ว่าหนูเป็นลูกศิษย์ของปู่ ไม่ว่าจะทำอะไร หนูจะไม่ทำให้ปู่เสื่อมเสียชื่อเสียงอันยิ่งใหญ่ได้ค่ะ!”

ฮั่วซือเหนียนไม่รู้จะพูดอะไรดี

แล้วเราจะรับใช้ชาติไปเพื่ออะไร บอกหน่อยได้ไหม?

“คุณปู่ฉือ แล้วราคาที่หนูขอมันสูงไปไหมคะ?” เสี่ยวเถียนกังวล

ชั่วโมงละร้อยหยวนตลอดสามวันเลยนะ ไม่ใช่จำนวนน้อย ๆ เลย

ไม่รู้ว่าพวกเขาทำธุรกิจได้ขนาดไหน ถ้าเรียกสูงไปอาจจะไม่ได้ร่วมงานกันอีก

“ไม่สูงหรอก หลานควรขอมากกว่านี้ด้วยซ้ำ”

นี่คือสิ่งที่ปู่ฉือหมายถึงสินะ อันที่จริงราคาก็ไล่ ๆ กันอยู่ แค่ต้องสูงกว่าราคาของตลาดกว่าหน่อยนึง?

เธอคิดใหม่แล้วว่าจะรีดไถเงินพวกเขายังไงดี

“ไอ้คนแซ่หม่านั่นมันกล้าดูถูกหลาน โรงงานผ้าไหมจะต้องชดใช้”

อ๋อ…

เธอเข้าใจแล้ว

“ถ้าเรียกราคามากกว่านี้ ทางโรงงานจะจัดการกับหม่าว่านกั๋วอย่างหนักแน่นอน”

รอยยิ้มของเขาทำเสี่ยวเถียนขนลุก

หมายความว่ายังไงนะ?

“แต่ไม่ว่าจะเรียกเงินมากแค่ไหน เงินส่วนใหญ่มาจากรองผู้อำนวยการหม่า แน่นอนว่าหากเขาไม่เต็มใจทำตามที่ขอ จะต้องถูกตัดออกจากตำแหน่งแน่นอน”

ตอนนั้นเขามองไม่ออกว่าฉืออวี้เลี่ยงมีความแค้นต่อหม่าว่านกั๋วมากพอสมควร

ส่วนตัวเขาไม่ได้ประทับใจต่อหม่าว่านกั๋วนัก จึงคิดจะสั่งสอนเขา

ตอนนั้นเองที่ฮั่วซือเหนียนทนไม่ไหวจนต้องพูดออกมา “ลุงฉือกำลังปกป้องถือหางให้อยู่จริง ๆ สินะ!”

หม่าว่านกั๋วโชคร้ายที่ดันไปยั่วยุศิษย์ที่เขาถือหางและปกป้องเอาไว้

“ฮึ่ม หนูก็แค่ศิษย์ตัวเล็ก ๆ เอง ถ้าไม่เข้าข้างหนู งั้นจะรอให้เขามารังแกหรือไงคะ?”

ฮั่วซือเหนียนถูจมูก ช่างเถอะ ทำเป็นไม่ได้ยินแล้วกัน!

เสี่ยวเถียนมีความสุขมากเสียจนลงมือทำอาหารสองจานด้วยตัวเอง

ทำไมถึงมีความสุขน่ะหรือ?

เพราะเธอกำลังจะได้เงินก้อนใหญ่ไม่ใช่หรือไง?

ก่อนหน้านี้เคยทำงานให้กับโรงงานไฟฟ้า ขนาดตั้งใจทำงานสิบวันยังได้ตั้งพันหยวน แต่กับโรงงานผ้าไหมที่ธุรกิจดีกว่า ทำงานสามวันได้เงินเท่ากับทำครึ่งเดือนเลย

“คุณปู่ฉือ หนูจะออกไปซื้อผักแล้วทำอาหารจานพิเศษให้นะคะ!”

ต้องซื้อของดีมาฉลองเสียหน่อย

เสี่ยวเถียนกระโดดโลดเต้นออกไป

ฮั่วซือเหนียนสงสัยมาก “สาวน้อย เวลานี้ยังมีของดีอยู่อีกหรือ?”

ฉือเก๋อยิ้มอย่างร่าเริง “ไปเถอะ ๆ! ถ้าหาปลาสดกุ้งสดอะไรได้ก็เอามาสักหน่อยแล้วกันนะ!”

ฮั่วซือเหนียนพูดไม่ออก ตอนเช้าตรู่ยังไม่มีปลาสดกุ้งสดเลย แล้วเวลาเย็นย่ำขนาดนี้จะมีหรือ?

เมื่อเด็กสาวจากไป ชายชราหันมาคุยกับชายหนุ่ม

“ซือเหนียน เธอรู้จักคนแซ่หม่าคนนั้นไหม?”

ฮั่วซือเหนียนส่ายหัว

เขาเป็นที่ปรึกษาและให้คำปรึกษาด้านเทคนิคเท่านั้น และฝ่ายเทคนิคไม่ได้อยู่ในการดูแลของรองผู้อำนวยการหม่า เลยไม่ได้ติดต่อหรือรู้จักกัน

“คนแซ่หม่านั่นคงไม่อยากก้มหัวขอโทษหรอก ไว้ถึงตอนนั้นค่อยว่ากันแล้วกัน!” ฉือเก๋อคาดคะเนไว้

ฮั่วซือเหนียนไม่ได้คิดเรื่องนี้ต่อ เขาจดจ่ออยู่กับอาหารเย็น

ถูกต้อง เขาตัดสินใจแล้ว ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เขาขอกินฟรีหน่อยเถอะ

*[1] ตรรกะโจร หมายถึง คิดว่าตนเองเป็นศูนย์กลางจักรวาล

*[2] พิงร่มเงาไม้ใหญ่ หมายถึง ไม่ว่าอะไรก็ง่ายดายหากได้รับความช่วยเหลือจากผู้มีเส้นสาย