ตอนที่ 505 มอบนาฬิกาข้อมือเป็นของขวัญ

แม่ปากร้ายยุค​ 80

ตอนที่ 505 มอบนาฬิกาข้อมือเป็นของขวัญ

เพียงพริบตาเดียว วันหยุดสามวันของเถาจืออวิ๋นก็หมดลงเสียแล้ว

ในสามวันนี้ แม้หล่อนจะซ่อนตัวอยู่ที่บ้านแม่ไม่ได้ออกไปไหนเลย แต่ก็ไม่ได้อยู่ว่างๆ เช่นกัน

หล่อนทำเสื้อผ้าตัวอย่างของชุดฤดูใบไม้ผลิและฤดูใบไม้ร่วงที่หลินม่ายและตัวเองออกแบบไว้ออกมาทั้งหมด

วันที่ไปทำงาน หล่อนก็ใช้รถจักรยานบรรทุกเสื้อผ้าตัวอย่างเหล่านั้นไปที่โรงงานเสื้อผ้า

ส่วนพี่ใหญ่เถาก็ตั้งใจจะมาส่งหล่อนไปทำงาน

วันนั้นที่เถาจืออวิ๋นถูกสองพ่อลูกหม่าเทาข่มขู่ แม้จะได้หลินม่ายช่วยเอาไว้แล้ว แต่เมื่อกลับมาถึงบ้านหล่อนก็ได้เล่าเรื่องนี้ให้พ่อแม่พี่ชายและพี่สะใภ้ฟัง

พี่ชายทั้งสองนั้นเมื่อทำแล้วก็จะทำจนถึงที่สุด พอดึกดื่นเที่ยงคืน ฉวยโอกาสตอนที่สองพ่อลูกหม่าเทานอนอยู่ข้างถนน ใช้ท่อนไม้ทุบตีพวกเขาจนหมดสติ

จากนั้นก็ลากเข้าไปในป่าละเมาะข้างทาง ยัดเศษผ้าใส่ปากพวกเขา แล้วจับคลุมกระสอบทุบตีอย่างโหดเหี้ยม ทุบตีจนสองพ่อลูกเดรัจฉานคู่นั้นเกือบจะกลั้นปัสสาวะอุจจาระไม่อยู่ สองพี่น้องถึงหยุดมือแล้วจึงวิ่งหนีไป

แม้สองพ่อลูกหม่าเทาจะสงสัยว่าพวกเขาถูกพี่ชายทั้งสองคนของเถาจืออวิ๋นทำร้าย และได้ฝืนทนความเจ็บปวดไปแจ้งตำรวจในคืนเดียวกันนั้น แต่ในเมื่อไม่มีพยานหลักฐานในที่เกิดเหตุ เจ้าหน้าที่จึงไม่สามารถจับกุมพี่ใหญ่และพี่รองเถาได้ด้วยมูลเหตุเพียงข้างเดียวของหม่าเถาสองพ่อลูก ดังนั้นจึงได้ดำเนินการสืบสวน

สืบพบว่าในวันที่สองพ่อลูกหม่าเทาถูกทำร้ายนั้นได้เกิดการปะทะกันอย่างรุนแรงกับกลุ่มคนพลัดถิ่นสองสามคน เพื่อจะแย่งชิงพื้นที่ในการนอนหลับ

ตอนนั้นแม้จะไม่ได้ลงไม้ลงมือกัน แต่ใครจะรับประกันได้ล่ะว่าหลังจากนั้นกลุ่มคนพลัดถิ่นพวกนั้นจะไม่ย้อนมาแก้แค้นพวกเขา?

ไม่แน่ว่าที่ครอบครัวหม่าเทาถูกทำร้ายกลางดึกนั้น อาจเป็นเพราะคนพลัดถิ่นเหล่านั้นก็ได้

บวกกับเจ้าหน้าที่ยังตรวจสอบพบว่า ในช่วงนี้หม่าเทามักจะเข้าๆ ออกๆ สถานกักขังอยู่หลายครั้ง

ทำให้เจ้าหน้าที่มีเหตุผลที่จะสงสัยว่าหม่าเทาถูกคนอื่นทำร้ายแต่กลับจงใจใส่ร้ายพี่น้องตระกูลเถามั่วๆ เพราะไม่สามารถแต่งงานซ้ำกับเถาจืออวิ๋นได้ จึงคิดอยากแก้แค้น

เรื่องนี้จึงถูกปล่อยผ่านไปทั้งอย่างนั้น

แต่สองพี่น้องตระกูลเถานั้นกลับไม่ยอมรามือง่ายๆ ยังจับสองพ่อลูกหม่าเทาใส่กระสอบแล้วทุบตีอย่างรุนแรงอีกสองสามครั้ง

ทั้งยังจงใจแกล้งดัดเสียงปลอมตัวเป็นนักเลงขู่ให้พวกเขากลัว ว่าถ้าหากกล้ามาราวีเถาจืออวิ๋นอีกพวกเขาจะไม่มีการปราณี ถ้าไปแจ้งตำรวจ จะยิ่งเล่นงานให้หนักขึ้นอีก

แม้จะเป็นเช่นนั้น แต่พี่ใหญ่เถาก็ยังกังวลว่าหม่าเถาสองพ่อลูกจะทำอะไรที่ก่อผลร้ายต่อเถาจืออวิ๋น ดังนั้นจึงมาส่งหล่อนไปทำงาน

แม้จะเป็นพี่ชายน้องสาวแท้ๆ แต่เถาจืออวิ๋นก็ยังรู้สึกเกรงใจ

เพราะหล่อนคนเดียว เลยทำให้พี่ชายพี่สะใภ้และพ่อแม่ต่างก็วุ่นวายกันไม่น้อย

หล่อนหวังอยากให้พวกหม่าเทาทั้งบ้านตายไปก็ไม่มีที่ฝังเลยจริงๆ ให้ศพถูกหมามาทึ้งกินเลยถึงจะดี

วันนี้เป็นวันจันทร์พอดี เป็นวันจัดประชุมเช้าประจำสัปดาห์

เฉินเฟิงยังคงเป็นคนแรกที่เอ่ยขึ้น

เขาบอกหลินม่ายว่าชุมชนอยู่อาศัยที่ตั้งอยู่ในถนนชิงเหนียนที่ผู้อาศัยของหมู่บ้านซั่งเฉวียนกำลังจะเข้าไปอยู่นั้นได้เริ่มการก่อสร้างทั้งหมดแล้วเมื่อไม่กี่วันก่อน

และยังมีโรงงานและสำนักงานใหญ่ที่เริ่มการก่อสร้างในเวลาเดียวกันด้วย

หลินม่ายถามว่าชุมชนที่ถนนชิงเหนียนจะสามารถสร้างเสร็จประมาณช่วงไหน

เฉินเฟิงพูด “คนที่เราจัดเตรียมไว้มีมาก ตามที่ผู้อาวุโสว่า ประมาณสองเดือนกว่าๆ ก็สร้างเสร็จแล้ว”

ความเร็วนี้ค่อนข้างเร็วเลยทีเดียว

หลินม่ายกำชับว่า จะต้องรับประกันคุณภาพของบ้านใหม่ว่าจะแข็งแรงดีเยี่ยมด้วย หากคุณภาพไม่ดี หลังจากชาวบ้านที่ย้ายบ้านเพราะการรื้อถอนเข้าไปอยู่แล้ว ไม่เกิดปัญหาตรงนี้ก็ขัดข้องตรงนั้น จะส่งผลกระทบต่อความรู้สึกที่ดีของผู้นำเบื้องบนต่ออสังหาริมทรัพย์ว่านทงได้

นี่เป็นกรณีการรื้อถอนแรกของเมืองเจียงเฉิง ผู้นำเบื้องบนล้วนแต่จับจ้องอยู่นะ!

อีกอย่างหากคุณภาพไม่ดี ก็จะกระทบต่อการจำหน่ายด้วย

ชุมชนถนนชิงเหนียนครอบคลุมพื้นที่ประมาณ100หมู่ สามารถสร้างอาคารได้25หลัง

อาคารสองหลังในนั้นเตรียมไว้สำหรับชาวบ้านที่ย้ายบ้านจากการรื้อถอน อาคารที่เหลือนั้น หลินม่ายวางแผนว่าจะลองขายเป็นคอนโดมิเนียมดู

ถ้าคุณภาพบ้านไม่ดี ใครจะกล้าซื้อกันล่ะ?

เฉิงเฟิงไม่ได้พูดอะไร เพียงแค่ยกมือทำท่าOKเท่านั้น

เขารายงานการทำงานเสร็จแล้ว ก็ทักทายเล็กน้อยแล้วคิดจะออกไป

หลินม่ายเรียกเขาเอาไว้ “อย่าเพิ่งรีบไปสิ ฉันยังไม่ได้ให้ของขวัญวันชาติเลยนะ”

พูดดังนั้น เธอก็หยิบกล่องสวยหรูที่บุผ้ากำมะหยี่ออกมาจากกระเป๋าจำนวนไม่น้อย

กล่องพวกนี้บางกล่องเป็นสีดำ บางกล่องก็เป็นสีแดงกุหลาบ

คนอื่นไม่มีใครรู้ แต่เฉินเฟิงกับเถาจืออวิ๋นรู้ ว่าในกล่องพวกนั้นล้วนใส่นาฬิกาข้อมือลักลอบนำเข้าจากฮ่องกงเอาไว้

เฉินเฟิงพลันเข้าใจขึ้นมาว่า วันนั้นตอนที่เถาจืออวิ๋นอยากซื้อนาฬิกาข้อมือ ทำไมหลินม่ายถึงไม่ขายให้หล่อน ที่แท้ก็คิดจะเอามาเซอร์ไพรส์หล่อนกับทุกคนนี่เอง

หลินม่ายแจกนาฬิกาพร้อมกับขอบคุณทุกคนที่ทุ่มเทเพื่อบริษัทอย่างจริงใจ ด้วยท่าทีที่ถ่อมตนอย่างยิ่ง

ทุกคนในที่นั้นได้รับนาฬิกาข้อมือฮ่องกงสำหรับผู้ชายหรือผู้หญิงอันงดงามประณีตตามเพศของแต่ละคน ต่างก็ดีใจอย่างมาก

โดยเฉพาะเถาจืออวิ๋น แม้ใช้คำว่าจิตใจเริงร่าไปด้วยความสมหวังมาบรรยายก็ไม่นับว่าเกินไป

พ่อเลี้ยงราคาถูกคนนั้นของเฉินเฟิงได้ให้นาฬิกาชื่อดังกับเขาหลายเรือนก่อนจะออกเดินทาง ใจจริงเขาไม่เห็นค่าของอย่างนาฬิกาข้อมือแบบนี้เลย

แต่เพราะคนให้คือหลินม่าย เขาจึงเก็บมันเอาไว้ในกระเป๋าเสื้อราวกับของล้ำค่าก็ไม่ปาน

อีก7ปีเขาจะจากเธอไป ไปที่อีกประเทศหนึ่ง

ตอนเมื่อเขาแก่ชราลงแล้ว หากหยิบนาฬิกาเรือนนี้ออกมา ก็ยังสามารถจำจดได้ว่าตอนยังหนุ่ม ทั้งสองคนเคยมีวันเวลาที่สวยงามด้วยกัน

หลังจากที่เฉินเฟิงไปแล้ว การประชุมก็ดำเนินต่อไป

วังเสี่ยวลี่แถลงในที่ประชุม ว่าเจิ้งซวี่ตงตกแต่งร้านเรือธงของเหรินเจียนหั่วที่อยู่ใกล้กับห้างสรรพสินค้าหลิวตู้เฉียวเสร็จแล้ว สิ่งที่จำเป็นก็อยู่ในตำแหน่งของมันแล้ว

หล่อนจึงวางแผนจะเปิดร้านในวันชาติ

หลินม่ายพยักหน้าแสดงออกว่าเห็นด้วย แต่ก็หวังว่าในวันเปิดกิจการจะสามารถเปิดตัวของว่างพิเศษได้ด้วย

วังเสี่ยวลี่พูด “การเปิดตัวของว่างพิเศษก็ไม่ยากหรอกค่ะ ครั้งนี้ฝ่ายทรัพยากรบุคคลได้คัดเลือกพ่อครัวจากชนกลุ่มน้อยคนหนึ่งที่ทำอาหารรสเลิศของซินเจียงได้มากมาย ทั้งซาลาเปาอบ แกะหัน กีบเท้าแกะตุ๋นเผ็ด ฟักทองอบอะไรพวกนี้ เขาทำเป็นหมดทุกอย่าง อาหารเลิศรสเหล่านี้ฉันล้วนเคยลิ้มลองมาแล้ว รสชาติไม่เลวเลยค่ะ ช่วงเทศกาลวันชาติ ฉันอยากจะเปิดตัวอาหารเลิศรสพวกนี้ค่ะ”

หลินม่ายมองไปที่หล่อนอย่างสงสัย “คุณหาแกะมาได้เหรอคะ?”

นอกจากวัตถุดิบที่หาได้ง่ายอย่างฟักทองแล้ว แกะหันกับกีบเท้าแกะตุ๋นเผ็ด…อาหารเลิศรสพวกนี้จำเป็นต้องใช้แกะ หากไม่มีเจ้าแกะแบะๆ นั่นแล้ว ก็ทำอาหารเลิศรสอะไรไม่ได้ทั้งนั้น

และชนบทในเหอเป่ยก็มีคนที่เลี้ยงแกะอยู่น้อยมาก ต่อให้จะมีบ้านสองบ้านที่เลี้ยงแกะ แต่ก็เลี้ยงได้แค่ไม่กี่ตัว ไม่มีทางเลี้ยงเป็นจำนวนมากได้หรอก ดังนั้นในชนบทใกล้เคียงนี้จึงยากมากที่จะหาแกะจำนวนมากมาได้

หลินม่ายเพิ่มจะถามว่าวังเสี่ยวลี่สามารถหาวัตถุกลับมาได้เองหรือเปล่าเท่านั้น

วังเสี่ยวลี่ก็ยิ้มอย่างลำบากใจ “หาไม่ได้ค่ะ”

หล่อนเบนสายตาไปยังจ้าวเลี่ยง “เรื่องนี้ต้องพึ่งผู้จัดการจ้าวช่วยหาแกะมาให้แล้วล่ะค่ะ”

จ้าวเลี่ยงฟังวังเสี่ยวลี่แนะนำอาหารเลิศรสของซินเจียงอย่างคล่องแคล่ว ฟังเพลินเสียจนน้ำลายแทบจะไหลออกมาอยู่แล้ว

เมื่อถูกเรียกชื่อกะทันหัน เขาก็พลันมึนงงไปชั่วขณะ แต่ดึงสติกลับมาได้อย่างรวดเร็ว “หาแกะสินะ ผมจะส่งตัวแทนจัดซื้อไปที่เหอหนานที่อยู่ใกล้ๆ เอง”

เหอหนานที่อยู่ถัดจากเหอเป่ยนั้นเป็นมณฑลทางตอนเหนือ แถบชนบทในท้องถิ่นนั้นมีการเลี้ยงแกะอยู่เป็นจำนวนมาก

วังเสี่ยวลี่ดีใจอย่างมาก พูดกับหลินม่าย “ขอแค่ผู้จัดการจ้าวหาแกะมาได้ ฉันให้พ่อครัวคูร์บานทำแกะหันให้คุณกิน รสชาติยอดเยี่ยมมากจริงๆ นะคะ!”

หลินม่ายตอบตกลงด้วยรอยยิ้ม แล้วแนะนำให้ทุกคนไปลองชิมกันทั้งหมด ลองดูว่ารสชาติเป็นอย่างไร

จากนั้นเจิ้งซวี่ตงและจ้าวเลี่ยงก็รายงานผลการทำงาน

เจิ้งซวี่ตงแนะนำว่า หลังจากร้านเรือธงของเหรินเจียนเยียนหั่วเปิดกิจการแล้ว ไม่เพียงจะรวมร้านเหรินเจียนเยียนหัวที่ถนนเจี่ยเฟิงเข้ากับร้านเปาห่าวชือตามแผนเดิมแล้ว

ยังจะรวมชั้นสามที่หลินม่ายอยู่ในปัจจุบันนี้เข้าไปด้วย เพื่อเปลี่ยนร้านขนมนึ่งเปาห่าวชือให้เป็นร้านเรือธงขนาดใหญ่

วังเสี่ยวลี่พูดหยอกล้อกับเขา “คุณจะเปิดร้านเรือธงเปาห่าวชือ แม้แต่รังเก่าของประธานหลินก็ยังฮุบไปหมด”

ทุกคนต่างหัวเราะ

หลินม่ายครุ่นคิดครู่หนึ่ง แล้วจึงพยักหน้าตกลง

เมื่อเป็นแบบนี้แล้ว เธอไม่เพียงต้องย้ายออกมาจากถ้ำเล็กๆ ที่ถนนเจี่ยเฟิงเท่านั้น แม้แต่โจวฉายอวิ๋นและโรงทำผักดองของหล่อนเองก็ต้องย้ายบ้านเหมือนกัน

หลินม่ายให้เจิ้งซวี่ตงจัดระเบียบบ้านหลังหนึ่งในหมู่บ้านในเมืองใกล้กับถนนซินหัวที่เขาซื้อไว้ให้เธอสักหน่อย เพื่อให้โจวฉายอวิ๋นใช้เป็นโรงทำผักดอง

เธอวางแผนไว้ว่า หลังจากผ่านวันชาติไปแล้วจะไปอยู่ที่บ้านในชุมชนของเครือโรงพยาบาลผู่จี้ของฟางจั๋วหรานกับโจวฉายอวิ๋นชั่วคราว

รอให้ชุมชนที่ถนนชิงเหนียนสร้างเสร็จแล้ว เธอกับโจวฉายอวิ๋นจะเลือกจะห้องแล้วย้ายเข้าไปอยู่

ผู้ที่พูดเป็นคนสุดท้ายคือเหรินเป่าจู

ประเด็นในการรายงานผลครั้งนี้ของเธอคือดีไซเนอร์เหมิงตานที่เถาจืออวิ๋นพากลับมาจากเซี่ยงไฮ้

แม้ว่าเหมิงตานจะทำงานมาเพียงแค่สามวัน แต่กลับออกแบบเครื่องประดับออกมามากมาย

เหรินเป่าจูหยิบเครื่องประดับที่เหมิงตานออกแบบออกมาไม่น้อย มีทั้งสร้อยคอ สร้อยข้อมือ เข็มกลัดและต่างหู ทุกแบบล้วนวิจิตรงดงาม

หลินม่ายเห็นแล้วก็พอใจอย่างมาก จึงให้เหรินเป่าจูผลิตเป็นจำนวนมาก

ส่วนยอดขายของเสื้อผ้า Unique ก็กระเตื้องขึ้น เป็นเพราะซีม่านถูกข่าวด้านลบที่ตัวเองให้ของปลอมและด้อยคุณภาพโจมตี ทำให้ยอดขายตกลงฮวบฮาบ

นั่นจึงมาเติมเต็มให้กับเสื้อผ้า Unique ตั้งแต่การค้าปลีกไปถึงค้าส่ง จนยอดขายพุ่งกระฉูด

โดยเฉพาะการค้าส่ง ตั้งแต่เกาจื้อหย่วนยกเลิกสัญญากับซีม่าน ร้าน Unique ก็ไร้ซึ่งคู่แข่งตลอดทั้งถนนฮั่นเจิ้ง ธุรกิจร้อนแรงเฟื่องฟูทุกวัน

จนเหรินเป่าจูคิดว่าช่วงเทศกาลวันชาติไม่จำเป็นต้องทำการส่งเสริมการขายกับการค้าส่งก็ได้

หลินม่ายพูด “การค้าส่งไม่จำเป็นต้องส่งเสริมการขายก็ได้ แต่การค้าปลีกจะต้องทำการส่งเสริมการขาย ซึ่งฉันเตรียมการส่งเสริมการขายแบบค้าปลีกเอาไว้แล้วค่ะ”

เธอหยิบกล่องเครื่องสำอางกันน้ำนำเข้าที่ซื้อจากศุลกากรออกมาและพูดว่า “ช่วงวันชาติ ขอเพียงซื้อเสื้อผ้าของ Unique ตั้งแต่100หยวนขึ้นไป ก็จะแถมกล่องเครื่องสำอางกันน้ำนำเข้า1ใบ”

เหรินเป่าจูหยิบกล่องใส่เครื่องสำอางใบนั้นขึ้นมา แล้วถามอย่างสงสัย “กันน้ำจริงเหรอคะ?”

หลินม่ายพูด “อย่าถามฉัน ฉันยังไม่ได้ลองเลย”

เถาจืออวิ๋นพูด “ฉันเคยลองแล้ว ก็ไม่เรียกว่ากันน้ำได้ทั้งหมดหรอก ด้านในกล่องเครื่องสำอางมีแค่ลิปสติก มาสคาร่า อายไลน์เนอร์และดินสอเขียนคิ้วเท่านั้นที่กันน้ำได้ อย่างอื่นที่เหลือไม่กันน้ำ”

หลินม่ายยิ้มพลางพูด “ถ้าแป้งฝุ่น บลัชออนกับอายแชโดว์ก็กันน้ำเหมือนกัน อย่างนั้นคงน่ากลัวมาก ฉาบบนหน้าเหมือนสีน้ำมันอย่างนั้นน่ะสิ”

ทุกคนหัวเราะครืน

เหรินเป่าจูพูด “ร้านแฟรนไชส์มีกล่องเครื่องสำอางขาย ฉันยังไม่กล้าให้พนักงานร้านบอกว่ากันน้ำเลย บอกแค่ว่าเป็นสินค้านำเข้า เดี๋ยวฉันจะให้พนักงานร้านแจ้งลูกค้าให้ชัดเจนว่า ลิปสติก ดินสอเขียนคิ้วและมาสคาร่าเป็นแบบกันน้ำค่ะ”

หล่อนเล่นกับกล่องเครื่องสำอางกล่องนั้นครู่หนึ่ง “กล่องเครื่องสำอางแบบนี้ ที่ร้านเฟรนไชส์ Unique ขายอยู่ที่กล่องละ15หยวน ถ้าเอามาเป็นของขวัญส่งเสริมการขายจะขาดทุนเกินไปหรือเปล่าคะ?”

…………………………………………………………………………………………………………………………

สารจากผู้แปล

ส่งเสริมการขายแบบโหดมาก ใครจะไม่อยากซื้อบ้างล่ะ

ไหหม่า(海馬)