บทที่ 521 น้ำแกงปลา

“ฉินจ้าวผู้นี้ช่างยโสเกินไปแล้ว เขาข้ามสวี่เจวี๋ยมาท้าชิงกับเว่ยจื่ออั๋งเลยหรือ!”

“ใช่ ! นี่เขาดูถูกสวี่เจวี๋ยหรือ?”

“เขาหยิ่งผยองเกินไปแล้ว คิดว่าตัวเองสามารถเหยียบย่ำศิษย์ของกั๋วจื่อเจี้ยนไว้ใต้เท้าได้หรือ? จื่ออั๋งเจ้าสมควรต้องสั่งสอนเขา!”

“ใช่แล้ว! ทำให้เขารู้ว่าศิษย์ของกั่วจื่อเจี้ยนเก่งกาจมากเพียงไหน เขากล้าท้าทายเจ้าแบบนี้ เจ้าต้องทำให้เขาพูดไม่ออก!”

“ปีนี้เขาจะอายุสิบเก้าแล้วใช่หรือไม่? เขาอายุมากกว่าเว่ยจื่ออั๋งตั้งเยอะ มีอะไรให้น่าภาคภูมิใจ เว่ยจื่ออั๋งของเราอายุแค่สิบสี่ปีเท่านั้น เขาเป็นผู้มีพรสวรรค์อย่างแท้จริง!”

ศิษย์หลายคนล้อมเว่ยจื่ออั๋งไว้ตรงกลาง พวกเขาพูดด้วยความขุ่นเคือง เว่ยจื่ออั๋งหน้าบูดบึ้ง เขาไม่พอใจมาก

ดวงตากลมโตล้อมรอบด้วยขนตายาวใบหน้างดงามทว่าไร้เดียงสา ปกติแล้วเว่ยจื่ออั๋งเป็นคนอ่อนโยนนุ่มนวลอยู่เสมอ แต่ในยามนี้สีหน้าเขาบึ้งตึง ริมฝีปากถูกเม้มเข้าหากัน เปลือกตาหลุบตา เขาดูเย็นชาห่างเหิน

เมื่อเห็นว่าเว่ยจื่ออั๋งไม่พอใจ สวี่เจวี๋ยหันไปมองจ้าวจิ่งซวนจนเขารู้ตัว

“พวกเจ้าพากันพูดพล่ามกันอยู่เช่นนี้ ทำให้เขาอึดอัดไม่สบายใจ หากต้องการให้เว่ยจื่ออั๋งเป็นหน้าตาของกั๋วจื่อเจี้ยน ควรปล่อยให้เขาอยู่เงียบๆ ได้คิดตรึกตรองดูเองจะดีกว่า” ว่าแล้วเขาก็ขับไล่บัณฑิตเหล่านั้นออกไป

“ตอนนี้เงียบหรือยัง?” จ้าวจิ่งซวนโน้มตัวไปด้านหน้าสวี่เจวี๋ยราวกับกำลังทวงบุญคุณที่สามารถจัดการปัญหานี้ได้

“เจ้าก็ออกไปด้วย” สวี่เจวี๋ยพูดนิ่งๆ

“….”

จ้าวจิ่งซวนถูกสวี่เจวี๋ยจ้องเขม็งจนยอมล่าถอยออกไป

สวี่เจวี๋ยเดินไปที่ข้างหน้าเว่ยจื่ออั๋งที่ยังคงทำหน้าบึ้งอยู่ เขาอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา

“อะไร? กลัวแพ้ฉินจ้าวหรือ?” สวี่เจวี๋ยพูดด้วยรอยยิ้ม

เว่ยจื่ออั๋งเหลือบมองเขา

“จะเป็นไปได้อย่างไร?”

ฉินจ้าวมีพรสวรรค์และมีความรู้ แต่จื่ออั๋งก็ไม่ได้ด้อยไปกว่า เขายังไม่เคยวัดฝีมือกันจริงๆใครจะรู้ได้

“แล้วเหตุใดถึงหงุดหงิด?” สวี่เจวี๋ยถาม

“เหตุใดเขาถึงข้ามเจ้ามาล่ะ?” เว่ยจื่ออั๋งถาม

ก่อนหน้านี้ความรู้สึกที่เว่ยจื่ออั๋งมีต่อฉินจ้าวล้วนเป็นความชื่นชมและเจือปนไปด้วยความผิดหวัง แต่เขาไม่เคยนึกรังเกียจคนผู้นี้

แต่ตอนนี้จื่ออั๋งเกลียดฉินจ้าวจริงๆ เหตุใดเขาถึงได้ดูถูกสวี่เจวี๋ยแบบนี้?

สวี่เจวี๋ยเป็นคนที่ยอดเยี่ยมและไร้ที่ติมาก!

เขารู้ว่าฉินจ้าวมีพรสวรรค์และมีความหยิ่งยโส ท่าทีแบบนั้นทำให้ผู้คนไม่ชอบ แต่สวี่เจวี๋ยไม่สนใจฉินจ้าวและไม่ได้สนใจว่าฉินจ้าวจะคิดเช่นไรกับเขา

แต่เมื่อเห็นว่าเว่ยจื่ออั๋งปกป้องเขาแบบนี้ ทำให้สวี่เจวี๋ยมีรอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้า

“ไม่เป็นไรหรอก เขาไม่ท้าข้าก็ดีจะได้ไม่ต้องคุยให้เสียลิ้น” สวี่เจวี๋ยตบบ่าเว่ยจื่ออั๋ง

“เจ้าเป็นตัวแทนไปทำให้เขาหงุดหงิดหัวเสียเถอะ” พูดจบเขามองออกไปนอกหน้าต่าง

“กลับบ้านกัน”

ใบหน้าของเว่ยจื่ออั๋งดูดีขึ้นเล็กน้อย

“อืม.. ท่านแม่รอเราอยู่ที่บ้าน”

ทั้งสองกลับไปไปยังจวนสกุลโหว ถังหลี่ยืนรออยู่ที่หน้าประตูยิ้มให้กับพวกเขา

“ท่านแม่” เว่ยจื่ออั๋งเรียก ก่อนจะเล่าเรื่องที่ฉินจ้าวท้าทายพวกเขาให้นางฟัง

ถังหลี่ให้ความสนใจกับการสอบชุนเหวยที่กำลังจะถึงเร็วๆนี้มาก มันคล้ายกับการสอบเข้ามหาวิทยาลัยในยุคที่นางจากมา แม้ว่านางจะรู้ว่าบุตรของนางเป็นเด็กอัจฉริยะ แต่นางก็อดกังวลถึงไม่ได้

นอกจากเรื่องการสอบชุนเหวยแล้ว จึงไม่มีเรื่องไหนที่ดึงดูดความสนใจของนางไปได้

ถังหลี่จึงรู้เรื่องที่ฉินจ้าวท้าทายกับเว่ยจื่ออั๋ง

“จื่ออั๋ง เจ้าคิดอย่างไรเกี่ยวกับเรื่องนี้ล่ะ?” ถังหลี่ถาม หลังจากที่พูดจบ นางกังวลว่าจะเป็นการกดดันบุตรชาย จึงรีบพูดเสริมว่า

“ไม่สำคัญหรอกว่าเราจะแพ้หรือชนะ” เว่ยจื่ออั๋งมองไปมารดาด้วยดวงตากลมโตเป็นประกาย

“ท่านแม่”

ถังหลี่มองเขา เด็กชายคนนี้สูงกว่านางแล้ว แต่ไม่ว่าเขาจะตัวสูงสักแค่ไหน จื่ออั๋งก็ยังคงเป็นบุตรชายของนาง

“มีอะไรหรือ?” ถังหลี่ถามเบาๆ

“ท่านแม่ไม่ต้องกังวล” เว่ยจื่ออั๋งบอก

“ได้สิ” หญิงสาวยิ้มรับ

ถังหลี่พาเด็กทั้งสองคนเข้าไปในจวน เมื่อสวี่เจวี๋ยกับเว่ยจื่ออั๋งนั่งลง พวกเขาก็ได้กลิ่นหอมที่ลอยมาจากถ้วยน้ำแกงในมือของบ่าวรับใช้

“กลิ่นหอมมาก” เว่ยจื่ออั๋งกล่าว

“ฮูหยินทำน้ำแกงปลาเองเลยเจ้าค่ะ” สาวใช้บอก ก่อนจะยกชามน้ำแกงให้พวกเขาคนละชาม

น้ำแกงปลาเนื้อขาวชามนี้มีกลิ่นหอมและสดมาก เนื้อปลานุ่มมีรสชาติดี สวี่เจวี๋ยและจื่ออั๋งดื่มในครั้งเดียว เขาไม่รู้ว่าเป็นอุปทานหรือเปล่า.. แต่น้ำแกงปลาที่มารดาทำให้มีรสชาติที่แตกต่างจากที่พ่อครัวเป็นคนทำมาก

เว่ยจื่ออั๋งจำได้ เมื่อเขายังเล็กๆ มารดาจับปลาและทำน้ำแกงให้กับพวกเขา … เว่ยจื่ออั๋งมีความสุขขึ้นมา

“กลิ่นหอมมาก” เว่ยฉิงเดินเข้ามาพลางถอดเสื้อคลุมส่งให้สาวใช้ เขาใส่เพียงชุดลำลองเอาไว้ด้านในเท่านั้น

เว่ยฉิงชะโงกหน้าดู

“เจ้าเข้าครัวหรือ?”

“ฮูหยินมีอีกไหม?” เขามองถังหลี่เหมือนเสือที่กำลังหิวโหย

“มีเจ้าค่ะนายท่าน ข้าจะรีบไปยกมาให้” สาวใช้พูดอย่างรวดเร็ว

“ไม่ต้อง ข้าไปเอง”

เว่ยฉิงวิ่งเข้าไปในห้องครัว เขาออกมาพร้อมกับหม้อใบใหญ่ที่เต็มไปด้วยน้ำแกง

“….” ถังหลี่จ้องไปที่เขา เว่ยฉิงเลยรีบพูดขึ้น

“ฮูหยิน ยังมีเหลืออยู่ นี่ไม่ใช่ของข้าคนเดียว ข้าเอามาเผื่อเจ้าด้วย” ในขณะที่พูดเขาก็เดินไปยืนด้านข้างถังหลี่ ตักน้ำแกงให้นาง

เว่ยจื่ออั๋งและสวี่เจวี๋ยชำเลืองมองหน้ากัน ก่อนจะขอตัวไปอ่านตำราต่อ

หลังจากดื่มไปได้ไม่มากนัก

ถังหลี่รู้สึกอึดอัด นางขมวดคิ้วหยุดดื่มเว่ยฉิงเห็นว่าภรรยาไม่ดื่มแล้ว เขาจึงดื่มน้ำแกงไปจนหมดในสองสามอึก เขาลูบท้องตัวเองด้วยท่าทีพออกพอใจ

“ดื่มมากไปจะกินข้าวเย็นไม่ลงนะ” ถังหลี่พูดอย่างโมโห

น้ำแกงที่ฮูหยินของเขาปรุงน่ะอร่อยกว่าอาหารเย็นมาก ช่วงนี้ภรรยาของเขาไม่ค่อยได้ทำกับข้าวเลย

เว่ยฉิงทรุดตัวลงนั่งข้างถังหลี่ให้นางได้พิงเขา ทั้งคู่มองพระอาทิตย์ที่กำลังตกดิน

“สามี ศิษย์จากเหลียงโจวมาท้าโต้วาทีกับจื่ออั๋ง” ถังหลี่พูด

“ข้ารู้แล้ว” เรื่องนี้แพร่กระจายออกไปเป็นวงกว้าง เว่ยจื่ออั๋งเป็นบุตรชายของเขา ข่าวจึงได้ลอยมาเข้าหูของเขาเป็นธรรมดา

“พรุ่งนี้เป็นวันหยุดของข้า พวกเราไปที่หอฉิงเฝิงด้วยกันเถอะ” เว่ยฉิงพูด

หญิงสาวพยักหน้ารับ

ถังหลี่ตื่นขึ้นมาในเช้าวันรุ่งขึ้น เว่ยฉิงจึงได้ตื่นตามหลัง เขาจูบนางที่หน้าผากแล้วลุกไปชำระกาย

หลังจากรับประทานมื้อเช้ากันแล้ว ทั้งสองก็ได้รับรายงานจากบ่าวรับใช้ว่านายน้อยทั้งสองคนออกจากจวนไปก่อนหน้าแล้ว

“ฮูหยิน ไปกันเถอะ”

เขาพูดพร้อมกับจับมือถังหลี่ ชายหนุ่มกุมมือเล็กๆของนางไว้ในฝ่ามือก่อนจะเดินออกจากจวนไป