ตอนที่ 925 ยืมมือตบหน้าครั้งที่หนึ่ง (1) / ตอนที่ 926 ยืมมือตบหน้าครั้งที่หนึ่ง (2)
ตอนที่ 925 ยืมมือตบหน้าครั้งที่หนึ่ง (1)
ในขณะเดียวกันจวินอู๋เสียก็เดินไปนั่งที่เก้าอี้ สายตาที่มองลงต่ำนั้นเป็นประกายเย็นเยียบ
นี่เพิ่งจะเปิดม่านเท่านั้นเอง
ที่ตำหนักของฮองเฮา ฮ่องเต้เพิ่งจากไปได้ไม่นาน ความตื่นตระหนกก็หายไปจากพระพักตร์ของฮองเฮาแล้ว พระนางเช็ดคราบพระอัสสุชลออกจากพระพักตร์ แล้วขมวดพระขนงทอดพระเนตรพวกหมอหลวงที่กำลังรักษาเหลยฝานอยู่
“ที่นี่ไม่ต้องการพวกเจ้าแล้ว เจ้าพวกหมอเถื่อน แค่ถอนพิษสายโลหิตก็ทำไม่ได้! ข้ามีวิธีของข้า พวกเจ้าทุกคนออกไปเดี๋ยวนี้!”
เมื่อถูกฮองเฮาด่าว่าอย่างรุนแรง พวกหมอหลวงจึงรีบออกจากตำหนักในทันที
เมื่อประตูตำหนักปิดลง ท่าทางขึงขังของฮองเฮาก็หายไป
“เสด็จแม่! เสด็จแม่ช่วยลูกด้วย! ลูกไม่อยากตาย! ลูกไม่อยากตายจริงๆ!” เหลยฝานร้องไห้คร่ำครวญอย่างน่าสงสารอยู่บนแท่นบรรทม คนอื่นไม่รู้ถึงชาติกำเนิดที่แท้จริงของเขา แต่เขารู้ตัวเองดี ที่เมื่อครู่เขาพูดกับฮ่องเต้เช่นนั้นก็เพราะเขากลัวว่าความจริงจะถูกเปิดเผย แต่ตอนนี้ไม่มีคนนอกอยู่ด้วยแล้ว เขาทำได้แค่ฝากความหวังทั้งหมดของเขาเอาไว้ที่ฮองเฮา
ฮองเฮานั่งสิ้นหวังอยู่ข้างแท่นบรรทม พระนางจับไหล่เหลยฝานและเมื่อรู้สึกว่าโอรสของพระนางกำลังตัวสั่นด้วยความหวาดกลัว พระนางก็เจ็บปวดไปทั้งพระหฤทัย
พระนางเคยให้กำเนิดโอรสอีกคนมาก่อนแต่เขาก็เสียชีวิตไปด้วยอุบัติเหตุ และเพราะโอรสองค์โตตายไปแล้วนี่เอง พระนางจึงรักเหลยฝานสุดจิตสุดใจ ถ้าไม่ใช่เพราะฮ่องเต้ไม่สามารถช่วยเหลยฝานได้ พระนางก็คงไม่ห้ามพระองค์แบบนั้น
“ลูกฝาน อย่ากลัวไปเลยลูก แม่อยู่ที่นี่แล้ว เราแค่ต้องใช้โลหิตของบิดาเจ้าใช่หรือไม่เล่า ฮ่องเต้ช่วยเจ้าไม่ได้ แต่อย่าลืมสิว่าบิดาเจ้าช่วยได้” ฮองเฮาบอกเหลยฝาน
เหลยฝานอึ้งไปครู่หนึ่ง
บิดาของเขา บิดาแท้ๆ ของเขาคืออัครเสนาบดีไม่ใช่หรือ
“แต่…แต่ท่านพ่อจะเข้ามาที่นี่ได้อย่างไร” เหลยฝานถาม
ฮองเฮาทรงพระสรวลแล้วตรัสว่า “แม่เป็นฮองเฮานะ แม่ย่อมมีวิธีของแม่ ลูกฝานไม่ต้องเป็นกังวลไป หมอหลวงของแม่ก็มีความรู้เรื่องการถอนพิษเหมือนกัน ในเมื่อเขารู้เรื่องของเจ้าอยู่แล้ว การให้เขารักษาเจ้าจะเป็นวิธีที่ปลอดภัยที่สุด ส่วนบิดาของเจ้าแม่ให้คนไปเรียกเขามาที่นี่แล้ว เชื่อว่าอีกไม่นานเขาก็จะได้ข่าวเรื่องนี้ เพราะอย่างนั้นลูกฝาน เจ้าไม่ต้องกังวลอะไรนะ แม่จะไม่ยอมให้เจ้าเป็นอะไรไปแน่”
ขณะที่ตรัสพระนางก็ตบไหล่เหลยฝานเพื่อให้วางใจ พยายามทำให้เขาสงบลงให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้
หลังจากได้ยินสิ่งที่ฮองเฮาตรัส เหลยฝานก็ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก แต่พอเขานึกถึงคำพูดของบุรุษชุดดำก่อนที่จะหายตัวไปขึ้นมาได้ เขาก็รู้สึกไม่สบายใจขึ้นมาอีกครั้ง
“เสด็จแม่! คนที่ทำร้ายข้าบอกข้าก่อนหายตัวไปว่า มีเพียงบิดาที่แท้จริงของข้าเท่านั้นที่สามารถช่วยชีวิตข้าได้ อย่าบอกนะว่า…มีคนอื่นรู้ความลับเรื่องชาติกำเนิดของข้าแล้ว”
ฮองเฮาตกพระทัย เรื่องระหว่างพระนางกับอัครเสนาบดีถูกเก็บเป็นความลับอย่างดี นอกจากข้ารับใช้ที่ใกล้ชิดที่สุดของพระนางแล้วก็ไม่มีใครอื่นที่รู้เรื่องนี้อีก นอกจากนั้นพวกเขาทั้งสองก็ไม่ได้พบกันบ่อยๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากที่เหลยฝานเกิดมา อัครเสนาบดีก็แทบจะไม่มาพบฮองเฮาที่ตำหนักเลย ตลอดหลายปีมานี้ พระนางระมัดระวังอย่างถึงที่สุดเพราะกลัวว่าฮ่องเต้จะรู้เข้า ในเมื่อระวังกันถึงขนาดนี้ก็ไม่น่าจะมีใครรู้เรื่องนี้สิ
“อย่าคิดมากเลย ถ้าเจ้านั่นรู้ความจริงเรื่องชาติกำเนิดของลูก มันก็แค่บอกฮ่องเต้เจ้าก็ไม่รอดแล้ว แต่นี่มันกลับทำเรื่องให้ยุ่งยากขึ้นด้วยการบุกเข้าวังมาทำร้ายเจ้า จุดประสงค์ที่แท้จริงของมันอาจจะเพื่อทำร้ายฮ่องเต้ก็ได้ ไม่ใช่ลูก” ฮองเฮาตรัสหลังจากคิดทบทวนเรื่องความสัมพันธ์ของพระนางกับอัครเสนาบดี และแน่พระทัยว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะมีใครรู้เรื่องนี้
เมื่อเห็นฮองเฮารับรองอย่างมั่นใจเช่นนั้น เหลยฝานก็ผ่อนคลายและวางใจลงได้ในที่สุด แล้วก็หันมาสนใจพิษในร่างกายได้อย่างเต็มที่
ตอนที่ 926 ยืมมือตบหน้าครั้งที่หนึ่ง (2)
“เสด็จแม่ ท่านต้องให้ท่านพ่อมาที่นี่เร็วๆ นะ ไม่อย่างนั้นลูกชายท่านอาจทรมานจนตายได้เลย”
ฮองเฮาหันไปทางเหลยฝานที่ดูเจ็บปวดแล้วพยักพระพักตร์
สยงป้ากับคนอื่นๆ พักอยู่ในวังหลวงอย่างว่าง่าย พวกเขาไม่อยากเอาตัวเองเข้าไปเกี่ยวข้องกับเรื่องอะไรทั้งนั้น สักพักจวินอู๋เสียก็เดินเข้าห้องไปและปิดประตูตามหลัง สยงป้ารู้สึกผิดกับนางจึงไม่อยากรบกวนนางมากไปกว่านี้
แต่เขาไม่ได้รู้เลยว่า หลังจากเข้ามาในห้อง จวินอู๋เสียก็เปิดหน้าต่างด้านหลังออกอย่างเงียบๆ ทันที เยี่ยซาที่อยู่ในชุดดำทั้งตัวเหมือนที่เคยยืนรออยู่นอกหน้าต่างนานแล้ว ในมือของเขาถือดาบที่กรีดคอเหลยฝานอยู่ เขาเข้ามาในห้องแบบเงียบๆ และคุกเข่าลงตรงหน้าจวินอู๋เสีย
“รายงานคุณหนูใหญ่ คนจากตำหนักฮองเฮาไปที่จวนของอัครเสนาบดีแล้วขอรับ”
“อย่างนั้นหรือ” จวินอู๋เสียถามพลางเลิกคิ้วขึ้นข้างหนึ่ง
“ต้องบอกเลยว่าพระนางลงมือได้เร็วดีจริงๆ”
เยี่ยซาพูดต่อว่า “ฮ่องเต้ให้เวลาพวกเขาแค่ครึ่งวัน ฮองเฮาไม่กล้าชักช้าหรอกขอรับ”
จวินอู๋เสียเดินไปที่เก้าอี้อย่างไม่รีบร้อน นางนั่งลงก่อนจะพูดว่า “เรามาคอยดูกัน วันนี้วังหลวงรัฐเหยียนไม่สงบสุขแน่”
“ขอรับ!”
จวินอู๋เสียพูดต่อว่า “ไปบอกเหลยเชินให้ลงมือได้แล้ว”
“ขอรับ!” พอพูดจบเยี่ยซาก็กระโจนออกไปทางหน้าต่างทันที เงาดำนั้นพร่ามัวและหายไปต่อหน้าจวินอู๋เสีย
จวินอู๋เสียยกมือขึ้นเท้าคางและเอียงคอ นางเอานิ้วจุ่มลงไปในชาและเขียนตัวอักษรสองสามตัวลงบนโต๊ะ
เหลยเชินรีบเข้าวังมาอย่างรวดเร็ว ฮ่องเต้เมื่อได้ข่าวเหลยเชินเข้าวังอย่างกะทันหันก็นึกสงสัย หลังจากแน่พระทัยแล้วว่าเขามาคนเดียว ฮ่องเต้ก็ยอมให้เขาเข้ามาและสั่งให้คนนำเขามาที่ห้องทรงพระอักษร
“เจ้ามาที่นี่ทำไม” ฮ่องเต้ยังกังวลถึงอาการป่วยของเหลยฝานมาก จึงไม่มีอารมณ์มาแสดงความเป็นมิตรอะไรต่อเหลยเชิน
เหลยเชินคุกเข่าข้างหนึ่งตรงหน้าฮ่องเต้ และยกกล่องกำมะหยี่ขึ้นถวายฮ่องเต้
“กระหม่อมได้ข่าวว่าน้องสี่ถูกลอบสังหารได้รับบาดเจ็บก็เลยเป็นห่วงพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมถูกเลี้ยงมาในตำหนักของฮองเฮาพร้อมกับน้องสี่มาตั้งแต่เล็ก เราย่อมสนิทสนมกันยิ่งกว่าผู้อื่น เมื่อกระหม่อมรู้ว่าน้องสี่เสียโลหิตมากก็อยากจะเจ็บแทนน้องเหลือเกิน แต่มันก็เป็นไปไม่ได้ ทำได้เพียงนำโลหิตหลิงฉีอันล้ำค่าที่กระหม่อมเก็บเอาไว้มาให้ โลหิตหลิงฉีมีคุณค่าสูงในการบำรุงโลหิตพ่ะย่ะค่ะ เหมาะที่สุดสำหรับอาการของน้องสี่ในตอนนี้”
ฮ่องเต้ประหลาดพระทัยอยู่ครู่หนึ่ง พระองค์วางแผนที่จะดันเหลยฝานขึ้นเป็นองค์รัชทายาทแทนเหลยเชินมาตลอด ดังนั้นจึงมักจะมองเหลยเชินเป็นศัตรูของเหลยฝาน แต่พระองค์ลืมไปว่าสองพี่น้องนี้สนิทสนมกันมาตลอด แม้ว่าเหลยเชินจะเป็นองค์ชายที่เกิดจากฮองเฮา แต่ฮองเฮาก็ไม่ได้แสดงความโปรดปรานเขาเลยสักนิด แต่กลับไปรักและห่วงใยเหลยฝานมากกว่า ไม่ว่าอะไรที่เหลยฝานต้องการ เหลยเชินไม่เคยสู้น้องชายของเขาได้เลยสักครั้ง
เมื่อคิดได้เช่นนั้น ฮ่องเต้ก็ยอมรับได้อย่างรวดเร็วว่าการรีบร้อนเข้าวังหลวงเพื่อมอบโอสถวิเศษของเหลยเชินนั้นเป็นความจริงใจไม่เสแสร้งและไม่มีเจตนาร้ายซุกซ่อนอยู่ พระองค์รู้สึกสบายพระทัยขึ้นมากเมื่อเห็นสายสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นของพี่น้อง
ภาพของพี่น้องที่เป็นมิตรและสนับสนุนกันและกันในพระทัยของฮ่องเต้ทำให้ท่าทีของฮ่องเต้ต่อเหลยเชินดีขึ้นเล็กน้อย
“เราสบายใจขึ้นมากที่เจ้าเป็นห่วงน้องของเจ้าขนาดนี้ น้องสี่ของเจ้ากำลังทรมาน โลหิตหลิงฉีนี้ถ้าเราจำไม่ผิดน่าจะเป็นสิ่งของที่เจ้าไปเที่ยวเสาะหามาอย่างยากลำบากเพื่อนำถวายแก่ไทฮองไทเฮาใช่หรือไม่” ฮ่องเต้ตรัสถามพร้อมกับแย้มพระโอษฐ์ให้อย่างพระทัยดี