ตอนที่ 927 ยืมมือตบหน้าครั้งที่หนึ่ง (3) / ตอนที่ 928 ยืมมือตบหน้าครั้งที่หนึ่ง (4)
ตอนที่ 927 ยืมมือตบหน้าครั้งที่หนึ่ง (3)
เหลยเชินพยักหน้า “ไทฮองไทเฮาไม่อยากเห็นกระหม่อมสิ้นเปลืองเรี่ยวแรงและเงินทองไปมากมายเช่นนั้น พระนางจึงไม่ยอมรับของขวัญชิ้นนี้พ่ะย่ะค่ะ”
ฮ่องเต้พยักพระพักตร์และตรัสว่า “ไม่สำคัญหรอกว่าโอสถวิเศษนี้จะถูกทิ้งเอาไว้ที่วังของเจ้ามาเนิ่นนาน ที่สำคัญคือเจ้าเอามันออกมาเพื่อช่วยลูกฝานในยามจำเป็นเช่นนี้ เห็นพวกเจ้าพี่น้องเป็นเช่นนี้ เราก็ปลื้มใจนัก”
ภายนอกเหลยเชินดูเคารพนบนอบ แต่ในใจของเขากำลังหัวเราะอย่างเย็นชา แต่ความรู้สึกที่แท้จริงของเขาก็ไม่ได้แสดงออกทางสีหน้าเลยสักนิด มีเพียงสีหน้าเป็นกังวลอย่างมากเท่านั้น “กระหม่อมอยากรู้ว่าตอนนี้น้องสี่เป็นอย่างไรบ้าง ให้กระหม่อมไปส่งโลหิตหลิงฉีนี้ด้วยตัวเองได้หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมอยากให้น้องสี่หายเร็วๆ”
ฮ่องเต้พยักพระพักตร์อย่างพอพระทัย ว่ากันตามจริงการนั่งรออยู่เฉยๆ ในห้องทรงพระอักษรนานๆ ก็ทำให้พระองค์กระวนกระวายมากเหมือนกัน “ในเมื่อเจ้าห่วงน้องมากขนาดนี้ เราก็จะไปด้วย จะได้ไปดูให้เห็นกับตาว่ามารดาของเจ้าหาวิธีรักษาอย่างอื่นได้แล้วหรือยัง”
“วิธีรักษาอย่างอื่นหรือพ่ะย่ะค่ะ” เหลยเชินแกล้งมองฮ่องเต้อย่างงุนงง
ฮ่องเต้จึงตรัสว่า “ถูกต้อง การถอนพิษในร่างของเหลยฝานจะต้องใช้โลหิตของบิดาแท้ๆ ของเขา ลูกฝานไม่มีพี่น้องร่วมสายโลหิตเลยสักคน แถมยังเด็กเกินไปที่จะมีทายาท ก็เหลือแต่โลหิตของเรานี่แหละที่ใช้ได้ แต่เด็กนั่นพูดเหมือนมารดาเจ้า ไม่ยอมให้เราทำร้ายตัวเอง เราปวดใจจริงๆ ที่ได้ยินอย่างนั้น” ฮ่องเต้ตรัสด้วยพระสุรเสียงสั่นเครือ
เหลยเชินยิ้มมุมปากอย่างเย็นชาแต่ก็รีบซ่อนรอยยิ้มนั้นอย่างรวดเร็ว
“น้องสี่เป็นเด็กที่กตัญญูและอ่อนไหวมาตั้งแต่เด็ก เขาย่อมไม่อยากเห็นเสด็จพ่อทำร้ายพระวรกายของตัวเองเพราะเขา”
พ่อลูกคุยกันไปพลางขณะที่เดินไปยังตำหนักของฮองเฮา ตั้งแต่ที่เหลยฝานโดนโอสถพิษเวลาก็ผ่านไปพอสมควรแล้ว อีกไม่นานก็จะหมดเวลาที่ฮ่องเต้กำหนดไว้
อย่างไรก็ตาม เมื่อฮ่องเต้กับเหลยเชินไปถึงหน้าตำหนักของฮองเฮา พวกเขาก็พบหมอหลวงทั้งกลุ่มที่น่าจะอยู่ทำการรักษาเหลยฝานข้างในกำลังนั่งคุกเข่าอยู่เป็นแถวอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อยนอกประตูตำหนัก
พระพักตร์ของฮ่องเต้ถมึงทึงขึ้นทันที พระองค์ตวาดว่า “ไอ้พวกปัญญาอ่อน! มานั่งคุกเข่าทำอะไรกันอยู่ตรงนี้ รีบไปรักษาองค์ชายสี่เร็วๆ เข้าสิ!”
พวกหมอหลวงนั่งคุกเข่าอยู่ตรงนั้นมาครึ่งค่อนวันจนแข้งขาปวดเมื่อยและอ่อนแรงกันแล้ว เมื่อพวกเขาเห็นฮ่องเต้เสด็จมาถึงจึงแทบจะล้มลงด้วยความตกใจ
“กราบทูลฝ่าบาท! ฮองเฮาพบวิธีแก้พิษสายโลหิตแล้วพ่ะย่ะค่ะ ตอนนี้กำลังทำการรักษาให้องค์ชายสี่อยู่ ก็เลยให้พวกกระหม่อมมาคุกเข่ารออยู่ข้างนอกนี่” หมอหลวงคนหนึ่งละล่ำละลักตอบ
สีพระพักตร์เกรี้ยวกราดของฮ่องเต้เปลี่ยนเป็นงุนงงทันที จากนั้นดวงเนตรก็เริ่มเปล่งประกายยินดีออกมา
“ที่เจ้าพูดเป็นความจริงหรือเปล่า ฮองเฮาพบวิธีถอนพิษสายโลหิตแล้วจริงๆ หรือ”
“พวกกระหม่อมไม่กล้าหลอกลวงฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ!” หมอหลวงทั้งกลุ่มประสานเสียงกัน
เหลยเชินมองสำรวจๆ รอบๆ ด้านในตำหนักของฮองเฮา และพบว่าไม่มีขันทีหรือนางกำนัลอยู่เลยสักคน ประกายในดวงตาของเขาก็รื่นเริงขึ้นมาทันที เขารีบหันไปหาฮ่องเต้ที่มีสีพระพักตร์ดีอกดีใจแล้วพูดว่า “สวรรค์เมตตาน้องสี่แล้ว สวรรค์คงเห็นใจในความรักของเสด็จพ่อที่มีต่อน้องสี่จึงทำให้เสด็จแม่ค้นพบวิธีรักษาเร็วขนาดนี้”
ฮ่องเต้เมื่อได้รู้ว่าไม่ต้องเฉือนพระกรตัวเองเพื่อถ่ายโลหิตแล้วพระโอรสก็ยังปลอดภัย พระองค์จึงเบิกบานพระทัยมากอย่างเห็นได้ชัด
“เร็ว! ตามเราไปดูลูกฝานกันว่าดีขึ้นหรือยัง” ฮ่องเต้ร้อนพระทัยขึ้นมาทันที เหลยเชินจึงต้องรีบตามไป
ฮ่องเต้ตื่นเต้นมากที่จะได้พบพระโอรสคนโปรดจนไม่ได้สังเกตโอรสอีกคนที่ตามหลังมาเลยว่ามีประกายเย็นเยียบวาบเข้ามาในดวงตาของเขา
ฮ่องเต้พุ่งตัวไปโดยไม่อาจทนรอได้อีก พระองค์มาถึงหน้าประตูห้องบรรทมของฮองเฮา ในขณะที่กำลังยกพระหัตถ์ขึ้นเพื่อจะผลักประตูเข้าไป ก็มีเสียงของฮองเฮาดังออกมา
“ที่ลูกฝานรอดตายวันนี้ก็เพราะท่านมาทันเวลาพอดี! ไม่อย่างนั้นข้าก็ไม่รู้จะทำอย่างไรดีแล้ว!”
ตอนที่ 928 ยืมมือตบหน้าครั้งที่หนึ่ง (4)
“ที่ลูกฝานรอดตายวันนี้ก็เพราะท่านมาทันเวลาพอดี! ไม่อย่างนั้นข้าก็ไม่รู้จะทำอย่างไรดีแล้ว!”
เมื่อฮ่องเต้ได้ยินเสียงของฮองเฮา พระองค์ก็ทรงยิ้มออกมา มิน่าเล่าฮองเฮาถึงได้พูดว่านางรู้วิธีรักษาแบบอื่น คนที่อยู่ในห้องของนางต้องเป็นหมอเทวดาที่นางพามาเป็นแน่!
ขณะที่ฮ่องเต้กำลังจะผลักประตูเข้าไปอีกครั้ง อีกเสียงหนึ่งก็ดังขึ้นทำให้รอยยิ้มบนพระพักตร์ของฮ่องเต้แข็งค้าง
“พระนางส่งข่าวด่วนไปเช่นนั้น กระหม่อมจะกล้าชักช้าได้อย่างไร”
เสียงนั้นเป็นเสียงของคนที่ช่วยงานฮ่องเต้มานานกว่าสิบปี อัครเสนาบดีแห่งราชสำนักคนปัจจุบัน!
ทำไมอัครเสนาบดีถึงมาอยู่ในห้องบรรทมของฮองเฮาได้
ฮ่องเต้ขมวดพระขนงแน่น แต่พระองค์ก็คิดว่าพระองค์อาจจะเข้าพระทัยอะไรผิดไปก็ได้
“เป็นเพราะข้ากวนท่านไม่หยุดอย่างนั้นหรือ หรือเป็นเพราะบิดาอยากรีบมาเจอหน้าบุตรชายกันแน่” เสียงของฮองเฮาดังขึ้น มีแววหยอกล้ออยู่ในน้ำเสียงของพระนาง
“คำพูดของเสี่ยวฮุ่ยบาดใจข้านัก ลูกฝานเป็นลูกชายข้า ท่านกับข้าให้กำเนิดเขามาไม่ใช่หรือ ข้าเจ็บปวดใจนักที่ได้เห็นสิ่งที่เกิดขึ้นกับลูกข้า หรือท่านไม่รู้สึกเจ็บปวดกันเล่า”
ฮ่องเต้โกรธจนพระพักตร์เขียวทันที!
เสี่ยวฮุ่ยเป็นชื่อเดิมของฮองเฮาก่อนที่พระนางจะเข้ามาถวายตัวในวังหลวง!
“พูดอะไรของท่าน! ข้ากลัวจนเกือบจะคิดอะไรไม่ออกอยู่แล้ว ข้าไม่เข้าใจเจ้านักฆ่านั่นจริงๆ เจ้านั่นคิดว่าจะใช้ลูกฝานทำร้ายฮ่องเต้ได้ นี่ถ้าไม่ใช่เพราะลูกฝานไม่ใช่โอรสแท้ๆ ของฮ่องเต้และโลหิตของฮ่องเต้ไม่สามารถช่วยลูกฝานได้ละก็ ข้าจะพยายามคัดค้านพระองค์ถึงขนาดนั้นไปทำไม”
“เสี่ยวฮุ่ยของข้าฉลาดและมีไหวพริบดีจริงๆ ที่ป้องกันไม่ให้ตัวตนที่แท้จริงของลูกเราถูกเปิดเผยออกมาได้ ข้าล่ะสงสารฮ่องเต้จริงๆ โง่ถึงขนาดเข้าใจผิดว่าลูกเราเป็นลูกตัวเองกับสตรีนางนั้น แล้วยังทุ่มเทความรักให้เสียมากมาย ถ้าพระองค์ทรงรู้ว่าลูกฝานเป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของท่านกับข้า ข้าอยากจะรู้นักว่าพระองค์จะรู้สึกอย่างไร”
“คิดอะไรบ้าๆ แบบนั้น ถ้าพระองค์รู้เรื่องนี้ขึ้นมา เราสามคนจะมีโอกาสรอดอย่างนั้นหรือ นี่ข้าไม่มีทางเลือกอื่นถึงได้เรียกท่านมาที่นี่ ตอนนี้ก็ถอนพิษในตัวเหลยฝานได้แล้ว ท่านก็ควรไปจากที่นี่โดยเร็วก่อนที่เจ้าโง่นั่นจะพบว่าท่านเข้ามาในวังหลวง ประเดี๋ยวจะเดือดร้อนโดยไม่จำเป็น”
“เสี่ยวฮุ่ยจะให้ข้าไปทั้งแบบนี้จริงๆ น่ะหรือ ข้าไม่มีโอกาสใกล้ชิดกับเจ้ามานานมากแล้วนะ เจ้าฮ่องเต้แก่นั่นมีสาวงามตั้งมากมายในวังหลัง ข้าคิดว่าเสี่ยวฮุ่ยคงรู้สึกเหงามากเป็นแน่ที่ต้องอยู่คนเดียวในห้องมาตลอด”
“ท่านนี่เพี้ยนจริง!”
ไม่นานเสียงลมหายใจหนักๆ ก็ดังออกมาจากในห้อง เสียงร้องครวญครางทำให้คนที่ได้ยินพากันหน้าแดงก่ำไปถึงใบหู
เหลยเชินฟังอยู่เงียบๆ รอยยิ้มเย็นบนใบหน้าของเขาขยายกว้างขึ้นไปอีก เขาเหลือบมองพระพักตร์ของฮ่องเต้ที่ได้ยินทุกอย่างอย่างชัดเจนเหมือนที่เขาได้ยิน
พระพักตร์ของฮ่องเต้เขียวคล้ำจนเกือบม่วง พระองค์กำหมัดแน่นจนเส้นโลหิตเขียวๆ ปูดโปนขึ้นมาจนเกือบจะระเบิด บ่งบอกได้เลยว่าตอนนี้พระองค์กำลังพิโรธมากขนาดไหน!
เมื่อคิดว่าผู้ที่พระองค์เลือกมานั่งตำแหน่งฮองเฮา คนที่พระองค์ปฏิบัติอย่างให้เกียรติมาตลอดหลายปี ได้ทำการคบชู้กับขุนนางระดับสูงของราชสำนัก และพวกเขาก็ยังมีลูกด้วยกันอีกด้วย!
แถมพระองค์ยังรับเอาไอ้ลูกชู้นั่นมาอุ้มชูเป็นโอรสของพระองค์เอง รักใคร่และเลี้ยงดูอยู่นานหลายปี!
เหลยเชินพยายามระงับเสียงหัวเราะเอาไว้อย่างยากลำบาก
เสด็จพ่อ วันนี้ท่านอารมณ์ดีนักไม่ใช่หรือ ตอนนี้ยังดีพระทัยที่น้องสี่หายเจ็บแล้วอยู่อีกหรือเปล่า
ทันใดนั้น ฮ่องเต้ก็ถีบประตูเปิดออกอย่างกริ้วจัดจนมันระเบิดกระแทกเสียงดัง!
ประตูที่ปิดสนิทเปิดออกกว้าง!
ภายในห้องบรรทม คนสองคนกำลังเปลือยกายกอดรัดกันแน่น จู่ๆ ก็ถูกเปิดเผยต่อหน้าทุกคนพร้อมแสงอาทิตย์ที่สาดส่องลงบนร่างของพวกเขา!
เมื่อประตูห้องถูกเปิดออก ฮองเฮาก็ส่งเสียงกรีดร้องออกมาอย่างตื่นตระหนก เมื่อพระนางได้สติและเห็นชัดเจนว่าใครบุกรุกเข้ามา พระนางก็ตัวแข็งเป็นหินทันที รู้สึกเหมือนว่าโลหิตทั้งหมดในร่างพลันแข็งตัวอย่างกะทันหัน!
“นังแพศยา! นังสตรีสำส่อนหน้าไม่อาย!” ฮ่องเต้พิโรธจนตัวสั่น พระองค์ชี้นิ้วไปที่ฮองเฮากับอัครเสนาบดีที่กำลังกอดเกี่ยวกันอยู่